ดูแบบคำตอบเดียว
  #34  
เก่า 07-01-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default


นักวิทยาศาสตร์เตือนรับมือภัยพิบัติ 2012 'สึนามิ-พายุสุริยะ' ถล่ม-กทม.วิบัติแน่!



นักวิทยาศาสตร์เตือน “สึนามิ” เข้าอ่าวไทยปี 55 แนะซ้อมหนีภัยทุกชุมชน จับตา “พายุสุริยะ” ทำไฟดับ ระบบสื่อสารขัดข้อง แนะคนไทยเรียนรู้สู้ปัญหาจากอุทกภัยปี 54 เตือนชุมชนซ้อมหนีภัย ฝึกสติ มีปัญญาสู้ทุกภัย ชี้ 10 ปีเห็นชัด น้ำท่วมเมืองหลวงอยู่ไม่ได้ ต้องย้าย หรือสร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย

เข้าสู่ปี ค.ศ.2012 ซึ่งมีคำทำนายชะตากรรมธรรมชาติหลายกระแสทั่วโลก ทั้งในแง่วิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ สำหรับประเทศไทยมีโหราจารย์และนักวิทยาศาสตร์หลายคนได้สังเกตการณ์ธรรมชาติและออกมาคาดการณ์ภัยพิบัติล่วงหน้าเป็นเวลาหลายปี บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ แต่ทุกคนกำลังเฝ้าจับตาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับมือความแปรปรวนของธรรมชาติที่ปรากฎให้เห็นมากขึ้นทุกวัน

ปลายปี พ.ศ.2554 นักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างพูดตรงกันว่า อุทกภัยของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่หนังตัวอย่าง ที่ธรรมชาติส่งมาให้คนไทยได้เตรียมใจและเรียนรู้ที่จะรับมือกับ “ของจริง” ที่กำลังจะมาเร็วๆ นี้!

ในแง่มุมของนักวิทยาศาสตร์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส หรืออดีตนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นระบบควบคุมการลงจอดบนดาวอังคารของยานไวกิ้งร่วมกับองค์การนาซาที่คนไทยรู้จักกันดี เผยว่า ตนได้พูดมานานแล้วว่า อีกหน่อยน้ำจะต้องท่วมภาคกลาง แต่อุทกภัยใหญ่ปีที่ผ่านมายังไม่ใช่สาเหตุหลัก และยังไม่ถึงที่สุด

“ระดับน้ำทะเลค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในช่วงชีวิตของผมน้ำทะเลขึ้นมาแล้วประมาณ 20 เซนติเมตร และตอนนี้ยิ่งเร่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะแก๊สมีเทนที่เริ่มขึ้นมาจากขั้วโลกเหนือ ทำให้โลกร้อนขึ้นทุกปี เมื่อความร้อนระเหยขึ้นจากมหาสมุทร เมฆจะมากขึ้น มีพายุมากขึ้น ฝนตกหนักขึ้น”


เฝ้าระวัง “สึนามิ” จ่ออ่าวไทย

ดร.อาจอง อธิบายว่า น้ำแข็งที่ละลายจากภูเขาทางขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และน้ำหนักในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น ขณะที่น้ำหนักของแผ่นดินลดลง เช่น ภูเขาหิมาลัยมีน้ำหนักลดลงเพราะน้ำแข็งละลายไหลลงมา เมื่อน้ำหนักไม่สมดุลกันรอบๆ โลก ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนไหวเพื่อปรับสมดุลขึ้นใหม่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลก หรือแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 ริกเตอร์ที่เกิดนอกชายฝั่งของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นผลมาจากการเคลื่อนที่และชนกันของขอบแผ่นเปลือกโลกนี้เอง

“สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะทำให้เกิดสึนามิเข้ามาทางอ่าวไทยได้ เวียดนามและเขมรจะโดนหนัก รวมถึงภาคใต้ของเราด้วย แต่จะไม่หนักเท่าที่ญี่ปุ่น ประชาชนต้องเข้าใจและรู้ทัน ต้องมีการวางแผนในทุกจังหวัดว่าชุมชนต่างๆ ต้องหนีไปอยู่ตรงไหน”

ดร.อาจอง บอกอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น คนไทยจะได้รับการเตือนภัยล่วงหน้า 16 ชั่วโมง จึงสามารถหนีได้ทัน ไม่มีความเสียหายมาก แต่ทางราชการต้องมีการเตรียมพร้อม และซักซ้อมให้ประชาชนหนีขึ้นในพื้นที่สูง

โดยการเกิดสึนามิในอ่าวไทย มีแนวโน้มที่จะเกิดในระยะเวลาไม่นานหลังจากนี้ เพราะปัจจุบันเปลือกโลกมีการชนกันค่อนข้างมากบริเวณรอบมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างบ่อย ซึ่งปี2555มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ๆ ที่ทำให้สึนามิเข้ามาในอ่าวไทย


แผ่นดินไหวไม่น่าเป็นห่วง

ดร.อาจอง บอกอีกว่า ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่เริ่มแตกร้าวอยู่บ้าง จึงอาจเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในหลายจุด แต่จะไม่รุนแรงมากนัก อย่างมากสุดประมาณ 5 ริกเตอร์ จึงไม่น่าเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ “เขื่อนแตก” เช่นที่กลัวกัน เพราะเขื่อนสามารถทนต่อแผ่นดินไหวได้ถึง 7.5 ริกเตอร์

อย่างไรก็ตาม คนไทยไม่ควรประมาท เพราะเขื่อนศรีนครินทร์มีรอยร้าวที่เชื่อมโยงไปถึงประเทศพม่า ดังนั้นหากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพม่าจะมีแรงสั่นสะเทือนเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นจึงควรวางแผนซ้อมอพยพหากเกิดสถานการณ์การณ์ฉุกเฉิน


“พายุสุริยะ”แรงสุดปีนี้-ทำระบบสื่อสารพังชั่วคราว

“อีกปัญหาหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ ดวงอาทิตย์ที่จะปะทุขึ้นแรงที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งจะมีรังสีพุ่งเข้ามาที่โลกของเรา ทำให้ระบบสื่อสารพังชั่วคราว เราอาจจะโทรศัพท์คุยกันไม่ได้ เพราะสัญญาณพังหมด แม้กระทั่งไฟฟ้าก็อาจจะดับ เช่นเดียวกับที่ดับในอเมริกาในปีที่แล้ว”

ดร.อาจอง บอกด้วยว่า ผลกระทบจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ และจะรุนแรงมากที่สุดในปีนี้ สอดคล้องกับการศึกษาเรื่อง “พายุสุริยะ” ของ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า ซึ่งพบว่า เมื่อมีแรงระเบิดในดวงอาทิตย์ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจะมีแผ่นดินไหวใหญ่ๆ เกิดขึ้นบนโลก แต่ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากสึนามิที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวในประเทศฟิลิปปินส์มากกว่า เพราะเมืองไทยมีรอยเลื่อนไม่มากนัก


แนะเรียนรู้อยู่รอดจากปัญหา

แม้โลกกำลังเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นทุกที แต่ ดร.อาจอง มีแนวคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเครียด หรือกลุ้มใจต่อความไม่แน่นอน ปัญหามีไว้เพื่อเรียนรู้ ซึ่งโรงเรียนสัตยาไสของเขาเป็นตัวอย่างที่ดีจากการป้องกันน้ำท่วมได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา

“ร.ร.สัตยาไสของเราตั้งอยู่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ซึ่งปี 2553 น้ำท่วมโรงเรียนอย่างหนัก เพราะเขื่อนป่าสักกักเก็บน้ำเกินไป 25% เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ซึ่งผมบอกให้ทุกคนสังเกตว่าน้ำไหลเข้ามาในโรงเรียนผ่านทางไหนบ้าง จุดไหนมีน้ำซึมเข้ามา และอุดทุกรูที่น้ำซึมเข้าได้ ดังนั้นในปี54น้ำจึงไม่ท่วมโรงเรียนแม้ว่าเขื่อนป่าสักฯ จะกักเก็บน้ำในเขื่อนเกินไปถึง 36%”

ดังนั้นการแก้ปัญหาน้ำท่วมในประะเทศไทยก็ควรใช้วิธีเดียวกัน คือสังเกตดูว่า น้ำท่วมหนักปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นเพราะอะไร น้ำไหลลงมาทางจุดไหนแล้วเราจึงไปแก้ไขตรงนั้นให้น้ำสามารถไหลผ่านลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว ถ้าน้ำระบายได้เร็ว น้ำก็ไม่ท่วม


ย้ายเมืองหลวงดีหรือไม่

ดร.อาจอง ให้ความเห็นต่อการย้ายเมืองหลวงว่า ภายในไม่เกิน 10 ปี คนไทยจะเริ่มรู้แล้วว่ากรุงเทพฯ จะอยู่ไม่ได้ และภายใน 20 ปี น้ำทะเลจะท่วมกรุงเทพฯ ดังนั้นต้องวางแผนตั้งแต่เดี๋ยวนี้ว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ 1.ย้ายเมืองหลวง 2.สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย

“ประเทศฮอลแลนด์อยู่ใต้ทะเล แต่มีเขื่อน จึงสามารถอยู่ได้โดยไม่จม ทั้งที่เขาจะต้องจมไปนานแล้ว แต่ยังอยู่ได้ ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราจะสามารถป้องกันอู่ข้าวอู่น้ำในประเทศของเราไว้ได้”


เตือนชุมชนฝึกสติ-ซ้อมหนีภัย

ด้าน ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ นักวางยุทธศาสตร์และนักบริหารองค์กรแนวพุทธ พูดว่า “ขณะนี้ภัยธรรมชาติเกิดที่หัวใจพวกเราเสียแล้ว ภัยพิบัติถูกหัวใจตั้งแต่ยังไม่มาจริงแล้ว ดังนั้นเราควรทำจิตใจให้สดใสไว้ ใจไม่ตื่นตูม กายก็พร้อม เราต้องเตรียมพร้อมเหมือนการใส่เข็มขัดนิรภัยหรือหมวกกันน็อก ไม่เกิดเรื่องก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงก็ไม่ถึงกับแย่

เขาคิดว่าภัยธรรมชาติไม่มีทางจะเบาลงนับจากนี้ เนื่องเพราะพฤติกรรมมนุษย์ที่ยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า เผาอ้อย รุกป่าสงวน กระทั่งพฤติกรรมการผลาญพลังงานที่ไม่รู้จักพอของมนุษย์

“เมื่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติเหล่านี้ให้เห็นชัดๆ ภัยธรรมชาติก็ไม่มีทางเบาลงได้เลย และยังทำนายไม่ได้ว่าจะเกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือแผ่นดินไหว จึงบอกไม่ได้ว่าจะทำอะไร”

โดยสิ่งแรกที่อยากให้คนไทยเตรียมตัวก็คือ เตรียมใจ และปล่อยวาง อุทกภัยในปีที่ผ่านมาเหมือนเราได้ซ้อมใหญ่ ได้ฝึกเรียนรู้ว่าสิ่งไหนจำเป็น-ไม่จำเป็น คนไหนเพื่อนแท้-เพื่อนเทียม คนไหนพึ่งได้-พึ่งไม่ได้ ความน่าไว้วางใจของหน่วยงานรัฐบาลมีมากแค่ไหน เราเริ่มรู้แล้วก็เริ่มทำใจได้ไง

วิธีเตรียมใจขั้นต่อมาที่เขาแนะนำคือ การปฏิบัติธรรม เพื่อทำให้ตั้งสติได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสติมา ปัญญาย่อมเกิด

“วิกฤตน้ำท่วมทำให้คนเห็นธรรมะมากขึ้น คนฉลาดที่สุดคือคนเอาวิกฤตมาฝึกสติ เอาวิกฤตมาปฏิบัติธรรม ทำให้เกิดสติ เมื่อสติมา ใจจะโล่งสบาย ปัญญาก็ออก ไม่เหมือนเวลาเครียดเกร็ง คนจะไม่มีปัญญา มีแต่การเอาเปรียบ เอาตัวรอด จนอาจจะฆ่าคนข้างๆ ตายได้ หรือแย่งกันกิน เห็นแก่ตัว กักตุน ไม่มีความเมตตา ขณะที่คนมีสติ ถึงตายเขาก็ไม่กลัว”

สำหรับการเตรียมพร้อมทางโลก ดร.วรภัทร์ แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการรองรับเรื่องแผ่นดินไหวเท่าที่ควร ซึ่งรัฐบาลควรบอกความจริงประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับรอยแยกรอยแตก หรือปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว นอกจากนั้นอาจจะมีการเปิดหลักสูตรสอนชัดเจนในแต่ละพื้นที่ของแต่ละชุมชน เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเมื่อมีปัญหาจะรวมตัวกันที่ไหน อุปกรณ์ช่วยชีวิตมีอะไรบ้าง ศูนย์อุบัติเหตุจะอยู่ที่ไหน จะช่วยคนเจ็บอย่างไรไม่ให้เป็นเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต การเตรียมแม่แรง การงัดตึก และน่าจะมีการซ้อมในชุมชน โดยการช่วยกันทำ และอาจเชิญคนที่เคยผ่านแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นมาถ่ายทอดความรู้ให้เราว่า ถ้าแผ่นดินไหว ไฟไหม้ แก๊สรั่ว ต้องทำอย่างไร การเกิดอุบัติภัยหมู่ ทางโรงพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยอาจจะเคยซ้อมกันบ้าง แต่ประชาชนกลับไม่เคยได้ซ้อมเลย

สถานการณ์อุทกภัยใหญ่ที่ผ่านมาจึงฉายภาพการแย่งกันกินแย่งกันใช้ น้ำดื่มขาดแคลน คนไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ “ประเทศไทยจะบอกว่าเป็นประเทศไม่มีภัยธรรมชาติไม่ได้อีกแล้ว เมื่อก่อนไม่มี แต่ตอนนี้ภัยธรรมชาติคุกคามเข้ามา ดังนั้นเราต้องให้งบประมาณกับหน่วยงานด้านภัยพิบัติ และสอนให้ประชาชนเรียนรู้วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ”

ดร.วรภัทร์ บอกอีกว่า หากเกิดน้ำท่วมโลกในปี ค.ศ.2012 ขึ้นจริง คนไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ แทบพึ่งพาตัวเองไม่ได้เลย ดังนั้นควรสอนเรื่องนี้ตั้งแต่เด็ก ให้สามารถเอาตัวรอดได้ คนที่พักอาศัยในเมืองหากปลูกผักได้ก็ควรปลูกผักตามระเบียงหรือดาดฟ้าเพื่อรองรับวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารจากสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอีก




จาก ...................... ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ วันที่ 5 มกราคม 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม