ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 31-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักท่องเที่ยวผงะ เจอปลายักษ์หน้าตาประหลาดตายเกยตื้นชายหาดออสเตรเลีย

ปลายักษ์หน้าตาประหลาด ความยาวกว่า 2 เมตร ถูกพบตายเกยตื้นบนชายหาดออสเตรเลีย สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดานักท่องเที่ยวที่พบเห็น



เคธ แรมป์ตัน และทอม ผู้เป็นสามี สองนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย พบปลาหน้าตาแปลกประหลาดขนาดใหญ่ ลำตัวยาวกว่า 2 เมตร ตายเกยตื้นอยู่บนชายหาดเคนเน็ตต์ ริเวอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐวิคตอเรีย

สองนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นสัตวแพทย์ เปิดเผยกับเว็บไซต์ข่าว Daily mail ว่าพวกเขาพบปลาตัวนี้ขณะเดินเล่นบนชายหาด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) เลยถ่ายภาพเก็บไว้ โดยพบว่า ปลาตัวนี้อาจจะเป็น "ปลาแสงอาทิตย์" (Ocean sunfish) สัตว์ทะเลขนาดใหญ่และหายากที่สุดในโลก เจ้าตัวนี้มีขนาดลำตัวยาว 2 เมตร เชื่อว่าเมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดใหญ่กว่านี้อีกเท่าตัว

เธอเล่าว่า ตอนที่พบปลาตัวนี้ นักท่องเที่ยวหลายคนต่างตื่นเต้นตกใจและบอกว่า หน้าตามันแปลกประหลาดเหมือนเอเลี่ยน แม้จะมาเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้บ่อยครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยเห็นปลาแบบนี้และตัวใหญ่เท่านี้มาก่อน

นายราล์ฟ ฟอสเตอร์ ผู้จัดการแผนกของสะสมประเภทปลา ของพิพิธภัณฑ์เซาท์ ออสเตรเลียน เปิดเผยว่า ปลาแสงอาทิตย์เป็นปลาขนาดใหญ่ ประมาณ 3-4.2 เมตร น้ำหนักประมาณ 2.5 ตัน นับว่าเป็นปลาหายาก อาศัยอยู่ตามกระแสน้ำทะเลเขตร้อนทั่วโลก ทั้งบริเวณน่านน้ำแถบเอเชีย อย่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน โดยอันตรายของพวกมันที่ทำให้ถึงตายได้ส่วนใหญ่คือการถูกเรือใหญ่ชน บางครั้งก็กินขยะพลาสติกเข้าไป หรืออาจจะไปกินแมงกะพรุนมีพิษร้ายแรง.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1899867


*********************************************************************************************************************************************************


ยูนิเซฟเตือนเด็กกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก มีสารตะกั่วในเลือดระดับอันตราย

กลายเป็นภัยเงียบ สำหรับสารตะกั่วที่ถูกพบเป็นอย่างมากในเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนาทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และเศรษฐกิจ



เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ได้เปิดเผยรายงานที่ทำร่วมกับองค์การ "เพียว เอิร์ธ" (Pure Earth) พบว่าเด็กกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกหรือคิดเป็นเด็ก 1 ใน 3 มีสารตะกั่วอยู่ในเลือดมากกว่า 5 ไมโครกรัมต่อ 1 เดซิลิตร ซึ่งเป็นระดับที่เป็นพิษต่อระบบประสาท และเป็นอันตรายต่อสมองของเด็กๆจนไม่สามารถเยียวยาได้ โดยปริมาณสารตะกั่วที่มากจะมีผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้รับรู้ของเด็ก โดยในรายงานระบุว่าเด็กที่ได้รับสารตะกั่วในปริมาณดังกล่าวทำคะแนนวัดความฉลาดได้น้อยกว่าคนทั่วไป 3 ถึง 5 คะแนน

เจ้าหน้าที่ขององค์การยูนิเซฟ ระบุว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมากที่โลกอาจจะเผชิญกับปัญหาด้าน "ไอคิว" หรือความฉลาดทางปัญญา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะประเทศโลกที่ 3 ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความคิดสร้างสรรค์และเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งในรายงานระบุว่ากลุ่มคนที่ได้รับสารตะกั่วเป็นปริมาณมากนับตั้งแต่เด็กส่งผลให้รายได้รวมกันลดลงกว่า 3 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ในรายงานยังระบุอีกว่า เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ถือเป็นกลุ่มที่อันตรายมากเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายในช่วงอายุดังกล่าวสามารถซึมซับสารตะกั่วได้ดีกว่าในช่วงอายุอื่นๆ และจากการสำรวจของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่าเด็กที่ได้รับสารตะกั่วจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวและสมาธิสั้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประจำมหาวิทยาลัยกล่าวว่า "สารตะกั่วเป็นภัยเงียบในตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อเด็กรุ่นใหม่ที่ควรจะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจมากกว่านี้"

โดยประชาชนส่วนใหญ่ได้รับสารตะกั่วจากเหมืองตะกั่วหรือท่อประปา รวมไปถึงการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่สาเหตุที่ใหญ่ที่สุดและคิดเป็นร้อยละ 85 มาจากการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ที่ผิดวิธี โดยการรีไซเคิลที่ถูกวิธีนั้น จำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่ถูกต้องและการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีรายงานเป็นจำนวนมากว่ามีโรงงานลักลอบรีไซเคิลแบตเตอรี่ ส่งผลให้สารตะกั่วรั่วไหล ทั้งนี้มีรายงานว่าประชาชนจำนวนหนึ่งไม่รู้ถึงอันตรายของสารตะกั่วและใช้ชีวิตตามปกติอย่างไม่ระมัดระวัง

ทางองค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ประชาชนสามารถลดระดับสารตะกั่วในเลือดได้ในอนาคต แต่ทางองค์การไม่สามารถซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นไปกับร่างกายและสมองไปแล้ว.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1900077
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม