ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ประมง ผนึก ปตท.สผ. วิจัยเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ในปะการังเทียม
ประมง ผนึก ปตท.สผ. วิจัยเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ในปะการังเทียม
กรมประมง ร่วม บริษัท ปตท.สผ. MOU ศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ เพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียม ฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยในส่วนของการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล ได้ดำเนินโครงการจัดสร้างปะการังเทียมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เลี้ยงตัว วางไข่ และหลบภัยของสัตว์น้ำ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ท้องทะเล รวมทั้งเป็นการพัฒนาแหล่งทำการประมงพื้นบ้าน ทำให้ชาวประมงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ กรมประมงยังให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสภาวะโลกร้อนนับเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ โดยจากข้อมูลงานวิจัยต่าง ๆ พบว่า สภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะเพิ่มความเครียดและส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางเคมีของสัตว์น้ำ ทำให้สัตว์น้ำยากต่อการสืบพันธุ์ และเจริญเติบโต
สำหรับโครงการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียมและนำไปใช้เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล
จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างกรมประมงและ ปตท.สผ. ในการร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยการใช้เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เปลี่ยนรูปเป็นแคลเซียมคาร์บอเน็ตในชั้นปูน ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแรงของแท่งปะการังเทียมคอนกรีตได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ
รวมถึงส่งเสริมการทำประมงพื้นบ้านให้ใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีมาช่วยดูแลรักษาทรัพยากรประมงทะเลของประเทศไทยให้มีความยั่งยืนในอนาคต
กรมประมง พร้อมเดินหน้าร่วมดำเนินโครงการนี้ไปกับ บริษัท ปตท.สผ. เพื่อร่วมศึกษาวิจัยโครงการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียมและนำไปใช้เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อในการช่วยลดสภาวะโลกร้อน พร้อมกับพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและเกิดความยั่งยืนต่อทรัพยากรประมงต่อไป
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088711
******************************************************************************************************
"ขยะพลาสติก" จำนวน 5 ตันทำถนนได้ 1 กิโลเมตร
ข้อมูลจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ระบุว่าโครงการทดลองผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตที่มีส่วนผสมขยะพลาสติก จากปัญหาขยะพลาสติกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากย่อยสลายได้ยาก
ทช. จึงทดลองโครงการงานบำรุงถนนทางหลวงชนบทสาย อย.2039 แยก ทล.33 - บ้านไก่จ้น อำเภอภาชี ท่าเรือ และหนองแค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการสร้างถนน พร้อมติดตามพฤติกรรม และสมรรถนะทางวิศวกรรมในการพัฒนาผิวทางชนิดดังกล่าว
ปัจจุบันโครงการฯ ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ โดยปรับปรุงโครงสร้างพื้นทาง และไหล่ทางเดิม ด้วยวิธี Cement Stabilized In - Place พร้อมปูผิวจราจรลาดยางแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีตผสมขยะพลาสติก โดยใช้ขยะพลาสติก 5 ตัน ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ช่วง กม. ที่ 10+100 - 15+200 ระยะทางรวม 5.1 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 21 ล้านบาท เพื่อช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนให้สะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเก็บข้อมูลเปรียบเทียบผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตผสมขยะพลาสติกกับผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตในสภาพแวดล้อม และสภาพการจราจรเดียวกัน เพื่อวิจัย และพัฒนางาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมผิวถนนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088517
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|