ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 18-02-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ยันเข็มฉีดยาที่พบในทะเล ไม่ใช่ของรพ.



รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ / จากกรณี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้พบเข็มฉีดยาลอยน้ำเป็นจำนวนมาก ประมาณ 500 เข็ม บริเวณชายทะเล หมู่ 1 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดย นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี พร้อมหน่วยงานในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบ

พบว่าน่าจะเป็นเข็มฉีดยาที่มาจากสถานคลินิกเสริมความงาม เป็นเข็มฉีดยาที่ใช้ในคลีนิค ไม่ใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นกระบอกเข็มฉีดยาขนาด 1cc จำนวนมาก เป็นเข็มฉีด botox เข็มร้อยไหม เบื้องต้นได้เก็บรวบรวม หาหลักฐานก่อนส่งทำลายและดำเนินการแจ้งความ ที่ สภ.สัตหีบ แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาวาเอกณัฐศักดิ์ วงเจริญศรี ประธานควบคุมและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล เปิดเผยว่าทราบว่า

เข็มดังกล่าว ร่วมถึงอุปกรณ์ ที่ปนเปื้อนไป เป็นลักษณะของเข็มเล็ก ซึ่งเป็นเข็มที่ใช้ฉีดอินซูลิน หรือเป็นเข็มที่ใช้ฉีดยาเล็กๆ ซึ่งในกรณีนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ขยะที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลหรือการดูแลผู้ป่วยในบริเวณอาคารรับรองหรือคนไทยกลับบ้าน ที่เฝ้าระวังในพื้นที่สัตหีบแน่นอน

โดยปกติของเราหรือทุกโรงพยาบาล จะมีระบบในการกำจัดขยะทางการแพทย์อยู่แล้ว ในเรื่องของการคัดแยกขยะ หรือการเผาขยะในโรงพยาบาล ซึ่งต้องขอยืนยันว่าไม่มีการเล็ดลอดออกไปนอกระบบออกไปสู่ทะเลอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน

พร้อมกล่าวอีกว่า ต้องบอกว่าขยะที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านี้ เราถือว่าเป็นขยะติดเชื้อ แล้วผู้ที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ควรมีระบบคัดแยกขยะ ว่าเป็นขยะทั่วไป หรือเป็นขยะที่เกิดจากการติดเชื้อ

ขยะแบบติดเชื้อควรได้รับการจำกัดแบบพิเศษ เช่นการเผา หรือการเคลื่อนย้าย ซึ่งขอแนะนำถ้าท่านมีขยะติดเชื้อเหล่านี้ ไม่รู้จะไปกำจัดที่ไหน ให้ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเข้าสู่ระบบการจำกัด

ก็จะมีทั้งของโรงพยาบาลประจำอำเภอ และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งจะมีระบบกำจัดขยะติดเชื้ออยู่แล้วทุกที่ ไม่ควรนำไปทึ้งกับขยะทั่วไปหรือโยนทึ้งลงทะเล


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3593976


*********************************************************************************************************************************************************


โลกร้อนคือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริง กระทบถึงไทย ถึงเวลาร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม !



องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO (World Meteorological Organization) ระบุว่าปี 2019 ถูกบันทึกว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับ 2 รองจากปี 2016 และอุณหภูมิ 5 ปีที่ผ่านมาระหว่าง 2015 -2019 ถือว่าสูงสุดเท่าที่เคยมีการจดบันทึกมา ด้วยเหตุเช่นนี้เอง นักวิทยาศาสตร์กว่าหมื่นคน จาก 153 ประเทศทั่วโลก จึงได้แถลงการณ์ร่วมกันถึง ภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าโลกกำลังเผชิญกับ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น

ถึงเวลาแล้วที่มวลมนุษยชาติต้องตระหนักถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่มีผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่ออนาคต ซึ่งหากไม่เร่งลงมือแก้ไข มนุษย์โลกจะพบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงมหาศาลและยากจะรับมือได้


โลกที่ร้อนขึ้นทำให้ปี 2019 มนุษย์ต้องเจอกับอะไรบ้าง

จะเห็นได้ว่าจาก Climate Change ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก อาทิ คลื่นความร้อนในยุโรป พายุหมุนในบาฮามาสและญี่ปุ่น ไฟป่าที่รุนแรงในหลายประเทศ และอุทกภัยที่รุนแรงในอเมริกากลางแคนาดา รัสเซีย และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ที่มีปริมาณน้ำฝนที่สูงผิดปกติ


ภัยธรรมชาติที่ไทยกำลังประสบ

สำหรับประเทศไทยเริ่มเผชิญสภาพอากาศแปรปรวน ฝนมาช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมีน้อยหนำซ้ำยังต้องเผชิญกับพายุโซนร้อนถึงสองลูก คือ โพดุลและคาจิกิ ที่สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอย่างมาก

ประเทศไทยเกิดภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี บางพื้นที่แล้งมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วสภาพลำน้ำต่างๆ ในประเทศมีปริมาณน้ำลดต่ำมาก จนส่งผลกระทบทุกภาคส่วน รวมถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่าง ?น้ำประปา? เพราะน้ำมีความสำคัญทั้งในการอุปโภคบริโภค ภัยแล้งจึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำจะต้องเร่งดูแลและวางมาตรการรับมือ

การประปานครหลวง (กปน.) หนึ่งในหน่วยงานที่ให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนมากกว่า 2.4 ล้านราย ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตภัยแล้ง ส่งผลให้น้ำทะเลหนุนสูง จนรุกล้ำเข้ามาถึงสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี อันเป็นจุดรับน้ำดิบสำคัญที่นำมาผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง

ด้วยสภาวะที่น้ำในเขื่อนน้อยไม่สามารถปล่อยน้ำจืดมาผลักดันน้ำเค็ม ประกอบกับปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้คุณภาพน้ำประปาของกรุงเทพฝั่งตะวันออกอาจจะได้รับผลกระทบมีรสกร่อยในบางวันบางเวลา การประปานครหลวง ได้กำหนดแนวทางรับมือสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ


ระยะสั้น มีการบริหารจัดการปัญหาน้ำเค็มโดยตุนน้ำดิบคุณภาพปกติในคลองประปาให้มากที่สุด และหยุดการสูบน้ำเข้าคลองประปาเมื่อมีค่าความเค็มสูงขึ้น พร้อมปฏิบัติการ Water Hammer กระแทกไล่ลิ่มความเค็มจากน้ำทะเลที่หนุนสูงเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำแหล่งน้ำดิบ

พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยการเปิดจุดจ่ายน้ำประปาดื่มได้ให้ประชาชนสามารถนำภาชนะ

มารับน้ำได้ฟรี! ณ สำนักงานประปาสาขาทั้ง 18 แห่ง โดยให้บริการทุกวันเวลา 08.00-20.00 น. และให้บริการรถบริการน้ำประปาเคลื่อนที่ไปยังชุมชนต่าง ๆ

ระยะกลาง ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 9 โดยมีวัตถุประสงค์ อาทิ ขยายกำลังการผลิตน้ำของโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในอนาคต การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ เชื่อมฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเพิ่มอีกหนึ่งเส้นทาง รองรับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น งานปรับปรุงคลองประปาฝั่งตะวันตกเพื่อรองรับอัตราการไหลที่ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 10 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก อาทิ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ การก่อสร้างขยายถังเก็บน้ำใสที่โรงงานผลิตน้ำบางเขน เป็นต้น

ระยะยาว มีแผนลงทุน Mega project เตรียมโครงการผันน้ำดิบจากคลองประปาฝั่งตะวันตกเข้าสู่คลองประปาฝั่งตะวันออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงในการใช้น้ำประปาของประชาชนในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ อย่างยั่งยืนโดยการประปานครหลวงให้ความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่ให้บริการว่าจะสามารถผลิตน้ำประปาให้บริการได้ตลอดหน้าแล้งนี้อย่างแน่นอน


ช่วยโลกได้ด้วยมือเรา

ภัยธรรมชาติข้างต้นเป็นผลจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น 1.1 องศาเซลเซียส ยังก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงได้เช่นนี้ ถ้าอุณหภูมิโลกสูงมากกว่านี้ มนุษย์จะดำเนินชีวิตกันเช่นไร

ฉะนั้นสิ่งที่มนุษย์โลกต้องร่วมมือทำตั้งแต่วันนี้คือ ?ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม? ด้วยวิธีหลากหลายที่สามารถลงมือทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นประหยัดลดใช้พลังงาน หันมาใช้บริการรถสาธารณะ จัดการขยะด้วยกฎ 3R คือ Recycle Reuse Reduce ปลูกไม้ยืนต้นเพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยพลังเล็ก ๆ ร่วมกันใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า หมั่นตรวจสอบระบบประปาภายในบ้าน และซ่อมแซมทันทีหากพบการแตกรั่ว รวมทั้งใช้อุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดน้ำ ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็กลายเป็นพลังยิ่งใหญ่ได้ รีบลงมือ รีบช่วยโลก รีบช่วยเรา!


https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_3591784
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม