ข่าวจากซาคราเมนโต้ เมืองหลวงของรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 กันยายนวุฒิสภาของรัฐลงมติ 25-9 ผ่านร่างกฎหมายห้ามจำหน่ายจ่ายแจก,ซื้อขายหรือดำเนินการใดๆเกี่ยวกับหูหลาม(Shark fin)อีกต่อไป
ร่างกฎหมายฉบับนี้ถึงข้อยุติและส่งไปให้ผู้ว่าการรัฐลงนามจึงจะมีผลเป็นกฎหมาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2013 หลังจากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาผู้แทนของรัฐมาตั้งแต่ต้นปี 2011
หูฉลามเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในหมู่คนจีนกลายเป็นวัฒนธรรมของการกินจะต้องกิน
”ซุปหูฉลาม”
บรรดาผู้สนับสนุนร่างกฎหมายนี้มีอาทิเช่นดาราดัง เลโอนาร์โด ดิคาปริโอ้ และพ่อครัวชาวเอเชียหลายต่อหลายคน เพื่ออนุรักษ์ปลาฉลามอันเป็นสัตว์ที่เริ่มร่อยหรอลงเพราะมีการจับกันมาก รัฐแคลิฟอร์เนียมีชาวจีนอาศัยอยู่ 1.1 ล้านคนที่เรียกกันว่าไชนีส-อเมริกัน ถือเป็นตลาดที่บริโภค”หูฉลาม”ใหญ่ที่สุดที่อยู่นอกทวีปเอเชีย
วุฒิสมาชิกคริส คีโฮ พรรคเดโมแครต เขตซาน ดิเอโก้ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายนี้ระบุว่าเป็นการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสุขภาพให้กับมหาสมุทร เหตุเพราะตลาดของเราที่นี่กลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ไป
ฝ่ายต่อต้านเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ได้ระบุว่าฉลามพันธุ์ไหนบ้างที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ถือเป็นการไม่ยุติธรรมกัลบคนจีน-อเมริกันที่ต้องใช้หูฉลามเป็นอาหารราคาแพงในงานวิวาห์หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ
นอกจากนี้ยังระบุว่าร่างกฎหมายนี้ไม่ยุติธรรมเพราะต้องการห้ามเฉพาะ”หูฉลาม”แต่ไม่ได้ห้ามเนื้อฉลาม(shark steaks)ไม่ให้จำหน่าย หรือไม่ได้ห้ามสินค้าที่ทำจากผลิตภัณฑ์ของฉลามอาทิเช่นหนังฉลาม,รองเท้าบู้ธ,กระเป๋าและเข็มขัด
วุฒิสมาชิกเท็ด ลิว พรรคเดโมแครตในเขตทอแรนซ์ กล่าวว่าร่างกฎหมายนี้ถือเป็นการ”เลือกปฏิบัติ”
หูฉลามจำหน่ายในท้องตลาดตกประมาณ 600 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ร่างกฎหมายนี้จะถูกส่งไปยังนายเจอร์รี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐฯภายใน 12 วัน เพื่อลงนามหรือจะวีโต้ก็ได้ แต่หากไม่ทำอะไรเลยภายใน 12 วันก็ถือว่าร่างกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียก็จะเข้าร่วมวงกับรัฐฮาวาย,ออเรกอนและรัฐวอชิงตันที่ห้ามการจำหน่าย”หูฉลาม”ต่อไป
ตามประวัติกล่าวว่าหูฉลามเป็นอาหารโปรดของชาวจีนมาเมื่อ 2 พันปีแล้ว ส่วนใหญ่จะบริโภคกันในหมู่ขุนนางและชนชั้นสูงเพราะเป็นของหายากและราคาแพง ตัวของหูฉลามนั้นไม่มีรสชาติใดๆ แต่จะนำมาต้มจนกระทั่งมันแตกตัวเป็นเส้นเล็กๆเหมือนเส้นผม
จากนั้นจะมีการปรุงด้วยยาจีน,เห็ดหอมหรือสิ่งผสมอื่นๆเข้าไปและปรุงรสชาติให้เกิดความอร่อย กลายเป็นอาหารบนเหลาหรือภัตตาคารใหญ่
ในภาพคือ คุณ โบ ดีเร็ก ครับ
ที่มาของข่าว
http://apacnews.net/news/?p=8742