ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 02-08-2011
koy's Avatar
koy koy is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 652
Default

เนื้อหาบทความข้างบนน่าสนใจและน่าคิดมากครับ เมื่อสองสามวันก่อนก็เจออีกบทความนึง คิดว่าคงต้องช่วยกันเผยแพร่ให้ความรู้และสะท้อนอีกมุมมองให้คนได้เข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ไปหลงคารมนักการเมืองที่เน้นย้ำแต่ข้อดี แต่ไม่ยอมพูดถึงข้อเสียให้คนได้ชั่งน้ำหนักให้รอบคอบ ก่อนเทใจไปสนับสนุน

http://www.bangkokbiznews.com/home/d...%E0%B8%A1.html
'ถมทะเล'ใช้ทราย 4 พันล้านคิวไร้แหล่งรองรับ-ไม่คุ้ม

เปิดโมเดลถมทะเล ฉบับเพื่อไทย จากบางขุนเทียน ถึงปากแม่น้ำท่าจีน 3 แสนไร่ ประเมินต้องใช้ทราย 4,000 ล้านคิว ซึ่งทำได้ยากมาก แถมมีผลกระทบวงกว้าง


นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร เปิดเผยภายหลังนำสื่อมวลชนลงตรวจสอบพื้นที่บริเวณทะเลบางขุนเทียน กทม. ว่า หลังจากที่ได้ทำแบบจำลองการถมทะ เล บริเวณ อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการไปจนถึง ปากแม่น้ำท่าจีน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 300,000 ไร่ เพื่อสร้างเมืองใหม่ และป้องกันน้ำท่วมกทม.ของพรรคเพื่อไทย

พบว่า จะต้องใช้ทรายถมบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ 1.8 แสนไร่นั้นอาจต้องใช้ทรายประมาณ 4,000 ล้านคิว และ ใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาทเฉพาะค่าทราย โดยเป็นปริมาณทรายที่ยังไม่รวมกรณีที่เกิดการทรุดตัวในบริเวณนี้ที่มีอัตราการทรุดตัวมากกว่า 2-10 ซม.ต่อปี และยังมีการกัดเซาะที่รุนแรงเฉลี่ย 5 เมตรต่อปี

ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นทะเลโคลนเกือบทั้งหมด หากจะถมตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ ต้องใช้ทรายถมเท่านั้น ไม่สามารถใช้วัสดุอื่นแทนได้ เนื่องจากจะก่อปัญหาเรื่องการทรุดตัวในภายหลัง

นายเสรี กล่าวอีกว่า ขณะที่แหล่งทรายที่มีอยู่ในประเทศ ส่วนใหญ่มาจากจ. อ่างทอง ในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีการดูดขึ้นมาใช้กันอยู่ในขณะนี้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปริมาณทรายเพียงพอที่จะนำมาถมตามโครงการดังกล่าวอย่างแน่นอน
“ กรณีที่กล่าวอ้างว่าจะถมพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นเขื่อน ป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ กรุงเทพมหานครนั้น ต้องทำความเข้าใจใหม่ว่าน้ำที่ท่วม กทม.นั้นไม่ได้เกิดจากปัญหาน้ำทะเลหนุน โดยในแต่ละปีน้ำทะเล ที่เพิ่มขึ้น มีปริมาณเพียง 2 มิลลิเมตรต่อปีเท่านั้น หากจะเพิ่มจนเกิดปัญหาดังกล่าว ต้องใช้ระยะยาวนาน โดยในระยะ 100 ปี จะเพิ่มขึ้น เพียง 30 เซนติเมตรเท่านั้น และหากจะเพิ่มในปริมาณที่จะก่อให้เกิดปัญหาน้ำทะเลหนุน ต้องใช้เวลา ประมาณ 500- 1,000ปี”


นักวิชาการ กล่าวอีกว่า แนวคิดของโครงการดังกล่าวนั้น ใหญ่เกินไป และใหญ่ที่สุดเท่าที่มีเคยมีมาในระดับโลก และเข้าใจว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เท่าที่ได้ประเมินโครงการนี้ เฉพาะเรื่องการศึกษาผลกระทบ คาดว่า น่าจะใช้เวลายาวนานถึง 5 ปี โดยเชื่อว่าจะเป็นโครงการที่ต้องล้มเลิกไปในที่สุด เพราะจะติดขัดปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน

“ ผลกระทบของโครงการนี้คือ จะยิ่งทำให้พื้นที่ป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำหายไป และยังเพิ่มปัญหาการกัดเซาะจะมากขึ้นฝั่งขวา ในเขตอ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางปะกง และประเด็นสำคัญคือการระบายน้ำท่วมโดยคลองระบายน้ำหลายสาย ฝั่งธนบุรี จะมีปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจากคลองสายต่างๆที่นำน้ำระบายลงปากอ่าวไทยก็จะถูกปิดกั้นจากการถมทะเล และสุดท้ายคงต้องใช งบประมาณสูง มาก เนื่องจากชั้นดินบริเวณนี้และอ่าวไทยรูปตัว"ก." อ่อนหนากว่า 20 เมตรและเป็นทะเลโคลน ดังนั้นจึงอยากให้พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกถึงความชัดเจนในโครงการนี้ รวมทั้งพื้นที่ของโครงการ เพราะขณะนี้สร้างความสับสนและความกังวลให้กับชาวบ้านที่อยู่ในเขตอ่าวไทยตัว ก. มาก” นายเสรี ระบุ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม