ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 22-03-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default


ฤาปี 2011 จะเป็นปีแห่งการเกิดแผ่นดินไหว



เพิ่งจะผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2554 หรือ ค.ศ.2011 ไม่นานทันไร การเปลี่ยนแปลงโลกของเราได้เกิดปรากฏภัยธรรมชาติแบบรุนแรงจนกลายเป็นภัย พิบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ๆถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ในห้วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน เริ่มจาก 22 ก.พ.54 แผ่นดินไหว 6.3 ริคเตอร์ ที่เมืองไคร์สเชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้นเพียง 2 สัปดาห์เศษ ตามด้วยแผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ ที่เมืองยูนาน ประเทศจีน กระทั่งล่าสุดวันที่ 11 มี.ค.54 แผ่นดินไหวใหญ่ 8.9 ริคเตอร์ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 130 กิโลเมตร ส่งผลทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มชายฝั่งจังหวัดมิยากิพังพินาศเสียหายย่อยยับ ผู้คนเสียชีวิตสูญหายจำนวนมาก สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งโลก

ก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ.2553 ได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงมาแล้ว จากเหตุแผ่นดินไหว 7.0 ริคเตอร์ ที่ประเทศเฮติ ในทะเลแคริบเบียน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของทวีปอเมริกาเหนือ เหตุเกิดช่วงเย็นวันอังคารที่ 12 มกราคม 2553 (ตรงกับประเทศไทยเช้ามืด วันที่ 13 ม.ค.53) สิ่งที่น่าตื่นตระหนก คือ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติ เพียงแค่ 25 กิโลเมตร จากนั้นได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาหลายครั้ง จึงสร้างเสียหายใหญ่หลวงให้กับประเทศเฮติ มีผู้เสียชีวิตสูงถึงกว่า 2 แสนคน บาดเจ็บอีก 3 แสนคน ประชาชนนับล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย บ้านเรือนพังทลายเสียหายอย่างหนัก

เหตุการณ์ครั้งนั้นทางสหประชาชาติและนานาชาติทั่วโลกต่างส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทั้งเงินสนับสนุน ทีมกู้ภัยและทีมแพทย์ วิศวกร พนักงานช่วยเหลือ ระบบการสื่อสาร สิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ฯลฯ สำหรับภูมิศาสตร์ประเทศเฮติ ตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียนและแผ่นอเมริกาเหนือ แต่แผ่นดินไหวในครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ระบุไม่ได้เกิดจาก“รอยต่อ”ระหว่างแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ แต่เชื่อว่าเกิดจาก “รอยเลื่อน” ประกอบกับเมืองหลวง กรุงปอร์โตแปรงซ์ ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ดินอ่อน อีกทั้งมีลักษณะเป็นโคลนชุ่มด้วยน้ำ ส่งผลทำให้สามารถขยายแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวให้รุนแรงขึ้นได้อีก ความเสียหายที่ประเทศเฮติค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติ

ตลอดทั้งปี 2553 จะเกิดข่าวคราวปัญหาภัยธรรมชาติบนโลกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากแผ่นดินไหวแล้ว ยังมีวิกฤตการน้ำท่วมใหญ่ เกิดขึ้นเกือบทั่วโลก อาทิ อินเดีย ปากีสถาน เกาหลีเหนือ จีน ออสเตรีย เยอรมัน ฮังการี โปแลนด์ ลัตเวีย ยูเครน สโลวะเกีย ออสเตรเลีย เม็กซิโก แคนาดา และสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศไทยก็เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในหลายจังหวัด เรียกได้ว่าเกินครึ่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว !!

จากเรื่องราวปัญหาธรรมภัยธรรมชาติที่กระทบต่อประชาชนหมู่มาก ทางนสพ.เดลินิวส์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ จึงร่วมกับภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย นสพ.เดลินิวส์,มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ, เว็บพลังจิต.คอม และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ฯลฯ จัดสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “เจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553 ที่ ม.ศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กทม. ในการสัมมนาครั้งนั้นมีเนื้อหารายละเอียดสำคัญๆมากกมายเกี่ยวกับเรื่องราวของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงการเตรียมพร้อมรับมือในเบื้องต้นของประชาชนจะต้องทำอย่างไร ??

โดยมีการเชิญวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิมากหมายด้วยประสบการณ์มาเผยแพร่ข้อมูล อาทิ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ, ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุด โรงเรียนสัตยาไส อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ,ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์,ดร.วัฒนา กันบัว,ดร.เสรี ศุภธาทิตย์,นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล รวมไปถึงพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เป็นต้น การสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่องเจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด มีการพูดถึงภัยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงวิธีการเตรียมพร้อม การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ และทางรอดจากภัยพิบัติ ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสิ่งที่ผู้บรรยายแต่ละท่านได้กล่าวเอาไว้น่าสนใจแทบทั้งสิ้น

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ซึ่งเคยทำงานร่วมกับองค์นาซ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์ช่วงปลายปี 2553 ภายหลังการสัมมนาว่า จากปัญหาสภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดปรากฏการณ์เอลนินโญ่และรานินญ่า จนทำให้ส่งผลกระทบในด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หนาวจัด ร้อนจัด มีฝนตกมาก แห้งแล้งมาก ที่ที่เคยหนาวกลับมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่างๆเพิ่มมากขึ้น ฝนตกมากขึ้นก็ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำในมหาสมุทรเช่นกัน

เมื่อปริมาณน้ำในมหาสมุทรมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนน้ำที่อยู่ในถาด สมดุลของโลกที่เคยคงที่ แต่เวลานี้กลับเปลี่ยนไป น้ำบางส่วนมีจำนวนมากย่อมไหลไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลใหม่ขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่จะอุบัติขึ้นใหม่ก็คือการที่โลกปรับเอียงเพื่อหาแกนโลกใหม่ จากเดิมที่เคยเอียงเพียงเล็กน้อย ก็จะมีการปรับอย่างรวดเร็ว แต่การที่โลกจะปรับเอียงนั้นคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงก็คือการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก

สำหรับประเทศไทยตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกที่ชื่อว่า ยูเรชั่นเพลท คือแผ่นดินแถบยุโรปบวกกับแผ่นดินเอเชีย ส่วนด้านข้างก็จะเป็นอินเดียบวกออสเตรเลียและแปซิฟิก เวลานี้แผ่นดินอินเดีย+ออสเตรเลีย เคลื่อนตัวจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการชนกับแผ่นดินของยุโรป+เอเชีย ซึ่งเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกันแต่ช้ากว่า จึงทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดินข้างหนึ่ง ผลที่ตามมาก็คือการเกิดแผ่นดินไหว และอาจจะเกิดสึนามิขึ้นอีกครั้งในฝั่งทะเลแถบอันดามัน ในส่วนของประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเพราะมีประเทศพม่ามารองรับ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะเกิดนั่นก็คือการเกิดแผ่นดินไหวในแถบพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจ.แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ภูเก็ต ฯลฯ เพราะพื้นที่เหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้บนรอยร้าวของแผ่นเปลือกโลก

“ส่วนแผ่นเปลือกโลกอีกฝั่งหนึ่งของแผ่นยูเรชั่นเพลท นั่นก็คือแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก ซึ่งแผ่นนี้เองที่เกิดการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะการเคลื่อนตัวของแผ่นแปซิฟิกนั้นจะเคลื่อนตัวจากตะวันออกมายังตะวันตก จึงทำให้เกิดการชนกันอย่างจังของแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 แผ่น แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือการทรุดตัวของเปลือกโลกก่อให้เกิดสึนามิ ประเทศต่างๆที่เป็นเกาะอาจจะหายไปยกตัวอย่างเช่น เกาะบางเกาะของประเทศญี่ปุ่น เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐ เป็นต้น”

ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ๆ 2 ครั้งติดกันจากประเทศนิวซีแลนด์และญี่ปุ่น ทำให้หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชนต่างตื่นอย่างมากนำเสนอข้อมูลต่างๆทุกแง่ทุกมุมเพื่อให้ประชาชนได้รับอย่าง รวมไปถึงทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ออกมาแถลงข่าวแผ่นดินในญี่ปุ่นมีผลกระทบถึงไทยหรือไม่และควรเตรียมตัวรับมืออย่างไร ??

ผศ.ดร.อาณัติ เรืองรัศมี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุปไว้ว่า ในส่วนของการเกิดแผ่นดินไหวนั้น ถึงแม้ว่าเราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร แต่เราสามารถที่จะเตรียมการรับมือได้ โดยการหมั่นฝึกฝนเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ศึกษาเส้นทางการหลบภัยจากแผนที่เสี่ยงภัย นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญสุดคงหนีไม่พ้น ควรจะมีการเตรียมตัวเรื่องสภาพจิตใจ ไม่ควรตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว




จาก ...................... เดลินิวส์ วันที่ 22 มีนาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม