ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 08-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,331
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


Siam Seaplane จัดให้! "เครื่องบินทะเล" บินตรงลง "เกาะหลีเป๊ะ" แห่งแรกในไทย



ข่าวดีสำหรับคนชอบเที่ยวทะเล เมื่อบริษัท Siam Seaplane เตรียมเปิดให้บริการ "Seaplane" หรือเครื่องบินทะเลเป็นเจ้าแรกในไทย และได้รับใบอนุญาตจาก กพท. แล้ว ซึ่งล่าสุดทางบริษัทวางแผนเตรียมประเดิมบินตรงสู่ "เกาะหลีเป๊ะ" จ.สตูล เป็นที่แรก!

บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ผู้ให้บริการเครื่องบินทะเลที่มีคุณภาพสูง เตรียมเปิดให้บริการ "Seaplane" หรือที่หลายคนเรียกว่า "เครื่องบินทะเล" หรือ "เครื่องบินน้ำ" เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศใหม่ (AOL) ให้ทางบริษัทเรียบร้อยแล้ว

โดยทางบริษัทสยามซีเพลน มีแผนจะเริ่มนำร่องประเดิมบินสู่ "เกาะหลีเป๊ะ" จ.สตูล เป็นที่แรกในไทย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะเหลือประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น คาดว่าจะเริ่มในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และจะเน้นให้บริการไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในภาคใต้ และอาจจะขยายไปยังภาคตะวันออกของไทยต่อไป

สยาม ซีเพลน ปักหมุดกลุ่มเป้าหมาย Premium traveller โฟกัสทั้ง Premium Mass Market เจาะกลุ่มเจนวาย ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มผู้บริหารและนักเดินทางธุรกิจ ซึ่งราคาเที่ยวบินคาดว่าประมาณเที่ยวละ 8,000-10,000 บาทต่อคน โดยใช้เครื่องบิน Seaplane รุ่น Cessna caravan 208 สามารถลงจอดได้ทั้งบนบกและในน้ำ รองรับผู้โดยสารได้ 8-10 ที่นั่ง พร้อมบริการสะดวกสบายอย่างครบครัน

สำหรับ "เกาะหลีเป๊ะ" เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ชื่อเกาะหลีเป๊ะมาจากภาษาถิ่นชาวเล แปลว่าแบนราบ ตั้งตามรูปพรรณสัณฐานของเกาะ แม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ หาดทราย ท้องทะเล เกาะแห่งนี้จึงได้รับความนิยมอย่างสูง

หากในอนาคตมี "เครื่องบินทะเล" บินตรงสู่หน้าเกาะเช่นนี้ คาดว่า "เกาะหลีเป๊ะ" จะเป็นที่จับตามองและได้รับความสนใจมากขึ้น จนกลายเป็นแหล่งทำเงินสำคัญของสตูลอย่างแน่นอน


https://mgronline.com/travel/detail/9660000061779


******************************************************************************************************


'อ.ธรณ์' ส่งสัญญานดับเบิ้ลเอลนีโญ ! "ถ้าลากยาวถึงปี 68 เดือดร้อนทั้งอาเซียน"



ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เมื่อ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา พูดถึงปรากฎการณ์ธรรมชาติ ?เอลนีโญ? ที่ส่งผลกระทบภัยแล้งจนอาจกลายร่างเป็นดับเบิ้ลเอลนีโญ ลากยาวไปจนถึงปี 2568

#อัปเดทเอลนีโญ ผมเพิ่งมีโอกาสคุยกับ ดร.ชวลิต จันทรรัตน์ และ ดร.วิษณุ อรรถวานิช สองผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในรายการของคุณสุทธิชัย หยุ่น จึงอยากสรุปสถานการณ์ให้เพื่อนธรณ์ครับ

เอลนีโญเริ่มต้นแล้ว และจะลากยาวไปอย่างน้อยถึงต้นปีหน้า แต่แบบจำลองทำนายให้แม่นยำได้ประมาณนั้น หลังจากนั้นยังบอกไม่ได้

หน้าฝนของเหนือกลางอีสานมี 2 ช่วง เราผ่านช่วงแรกไปแล้ว ฝนน้อยกว่าปรกติประมาณ 20% ฝนจะทิ้งช่วง กลับมาอีกทีกลางสิงหาคม

ต้นทุนน้ำก่อนเข้าหน้าฝน มีน้ำในเขื่อน/ระบบชลประทาน 35% เนื่องจากฝนช่วงแรกน้อย การเก็บน้ำจึงไม่ได้มาก ต้นทุนน้ำตอนนี้จึงน่าเป็นห่วง ขึ้นกับฝนช่วงสองว่าเราจะทำได้แค่ไหน ยังขึ้นกับการปรับตัวของภาคเกษตร เราใช้น้ำแบบเดิมไม่ได้ อย่าให้ความเคยชินใน 2-3 ปีก่อนมาลวงตาเรา

พื้นที่เกษตรของเราค่อนหนึ่งอยู่นอกพื้นที่ชลประทาน อันนั้นยิ่งมีน้ำน้อยเข้าไปใหญ่ ผลผลิตการเกษตรจะลดลง เช่น ข้าว อ้อย ทุกฝ่ายออกมาเตือนเรื่องการใช้น้ำในภาคการเกษตร

ผลกระทบทั่วอาเซียน อินโดนีเซียอาจโดนหนัก เวียดนามก็ลำบาก เพราะน้ำเค็มหนุนส่งผลเยอะมากในพื้นที่ปลูกข้าวปากน้ำโขง

คาดการณ์จากเอลนีโญในอดีตว่า รายได้เกษตรกรไทยอาจลดลง 5% (เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นกับว่าแรงแค่ไหนและการรับมือว่าทำแค่ไหน)

ผลกระทบในด้านอื่นๆ ยังมีอีกมาก เช่น ไฟป่า/ฝุ่น ฤดูฝุ่นปีนี้จะยาวนานและแรงกว่าปีก่อน ยังรวมถึงฝุ่นจากไฟป่าข้ามพรมแดนจากอินโดที่ต้องตามดูในภาคใต้ ปีนี้อาจรุนแรง สิงคโปร์เริ่มเตือนพลเมืองแล้ว (ไฟอินโดจะเริ่มช่วงกลางปี)

เอลนีโญแรงตั้งแต่กันยายนไปจนถึงต้นปีหน้า เป็นช่วงหน้าฝนภาคใต้ หลายคนจึงออกมาเตือนว่าภาคใต้ต้องระวังเรื่องน้ำให้ดีเพราะฝนปีนี้อาจน้อย

เพื่อนธรณ์ที่ทำงานโรงแรม/ภาคบริการหรือกิจการอื่นๆ ที่ต้องการน้ำมาก มองทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ น้ำอาจหายาก/แพง

กรณีแย่สุดคือเจอดับเบิ้ลเอลนีโญ ต่อเนื่องจากปีนี้ถึงปี 68

อันนั้นแย่จริงเพราะปีนี้เรายังมีต้นทุนน้ำจากปีที่แล้ว (ลานีญา) แต่ปีนี้เราแล้ง ปีหน้าเราแล้งซ้ำ ????อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันสถานการณ์นั้นในตอนนี้ได้ เพราะไกลไปเกินทำนาย

ในทะเลเริ่มเห็นชัดแล้ว จากปะการังฟอกขาว น้ำเปลี่ยนสีต่อเนื่องถึงช่วงนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือปีหน้าจะเป็นอย่างไร
หากเกิดดับเบิ้ลเอลนีโญ ทะเลเดือดร้อนหนักแน่ๆ

คำแนะนำสำหรับเพื่อนธรณ์คือติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด น้ำน้อย/น้ำเค็มหนุน/ฝุ่นเยอะ/อากาศร้อน/ทะเลร้อน คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัวรับมือไว้

การเยียวยาจากภาครัฐอาจมีบ้าง แต่ผลกระทบจากเอลนีโญคือเหนือจรดใต้ไปถึงทะเล จะเยียวยาไหวไหม ?

สิ่งที่เรากำลังจะเจอ ไม่เหมือนที่เคยเกิดมา เพราะเรามีโลกร้อนมาหนุน

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization - WMO) เรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า Double Whammy เป็นสิ่งที่เราจะเผชิญต่อไป ทั้งเอลนีโญและลานีญา ในภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้น

ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ารัฐบาลต้องเร่งยกระดับประเด็นนี้ และหาทางรับมืออย่างจริงจัง ใช้งบประมาณให้ถูกจุดเพื่อการวางแผนรับมือในระยะต่างๆ

นอกจากรับมือกับปีนี้ จะได้ปรับตัวเตรียมรับมือกับระยะต่อๆ ไปที่ในอนาคตเราจะเจออีก ปีนี้หรือปีหน้า อุณหภูมิโลกจะร้อนทำลายสถิติเดิม

เศร้าแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ถึงตอนนี้สิ่งที่ทำได้นอกจากลด GHG เพื่อลูกหลาน เราคงต้องหาทางดีที่สุดเพื่อตัวเอง
บททดสอบแรกมาถึงแล้วครับ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000061559

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม