ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-03-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"โรนัน" สัตว์ทะเลหายากหนักกว่า 100 กก. บาดเจ็บเกยตื้นหาดชะอำ



เพขรบุรี - เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเร่งช่วยโรนัน สัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์ หนักกว่า 100 กิโลกรัม บาดเจ็บเกยตื้นหาดชะอำ พร้อมนำตัวไปอนุบาลต่อที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อรักษาบาดแผลบริเวณท้องยาวกว่า 15 ซม.

วันนี้ (18 มี.ค. ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้รับแจ้งจาก นายพิสิษฐ์ เขียวชอุ่ม อายุ 60 ปี ชาวประมงพื้นบ้านว่าพบปลาโรนันขนาดใหญ่หาชมได้ยาก มีรูปร่างคล้ายฉลาม ลอยมาเกยหาดชะอำ จึงประสานเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 เพชรบุรี สำนักงานประมง จ.เพชรบุรี ฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จังหวัดเพชรบุรี กู้ภัยสว่างสรรเพชร เข้าช่วยเหลือก่อนเดินทางไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุเป็นชายหาดหน้าโรงแรมกฤษดานคร พบปลาโรนันสีดำ ขนาดใหญ่ ลำตัวยาว 2.50 เมตร กว้าง 1.20 เมตร น้ำหนักประมาณ 120 กิโลกรัม เป็นปลาที่พบเห็นได้น้อยและมีสถานะใกล้สูญพันธุ์ ลอยมาเกยชายหาด ก่อนเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ จากการตรวจสอบพบบริเวณท้องมี 1 แผล คาดว่าจะถูกของมีคมยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ก่อนเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันพยุงตัวผลักดันปลาโรนันกลับทะเล จำนวน 3 รอบแต่ไม่เป็นผล พร้อมอนุบาลดูอาการในทะเลกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนนำปลาโรนันขึ้นรถกลับไปอนุบาลและรักษาบาดแผลที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จังหวัดเพชรบุรี ให้หายดีก่อนนำตัวปล่อยกลับสู่ท้องทะเลต่อไป

นายมนตรี หามนตรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 เพชรบุรี กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือปลาโรนันที่มีขนาดใหญ่ และพบเห็นน้อยมากแถวหาดเพชรบุรี โดยได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยได้ดูแลดูอาการก่อนส่งปลาโรนันให้เจ้าหน้าที่กรมประมงไปดูแลรักษาต่อที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้หายดีก่อนปล่อยกลับลงสู่ทะเลต่อไป


https://mgronline.com/local/detail/9660000025523


******************************************************************************************************


นักวิจัยคาดพบ 'ร่องรอยเต่าว่ายน้ำ' จากยุคไทรแอสซิกตอนปลาย


(แฟ้มภาพเอเอฟพี - ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา)

คณะนักวิจัยนำโดยสิงลี่ต๋า จากมหาวิทยาลัยธรณีศาสตร์แห่งประเทศจีน ณ กรุงปักกิ่ง ได้ค้นพบร่องรอยที่อาจเป็นการว่ายน้ำของเต่าจากหมวดหินซวีเจียเหอของยุคไทรแอสซิก ตอนปลาย ในเมืองเผิงโจว มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

รายงานระบุว่า ซากฟอสซิลร่องรอยนี้กว้าง 6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ปรากฏลายนิ้วเท้า 3 นิ้ว และรอยกรงเล็บยาวแหลมจนสุดปลายอย่างชัดเจน โดยคณะนักวิจัยได้ดำเนินการสแกนแบบสามมิติและเปรียบเทียบกับรอยเท้าของสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์อื่นๆ

ผลการวิเคราะห์นำสู่การอนุมานได้ว่าสัณฐานวิทยาของร่องรอยมีความคล้ายคลึงกับรอยเท้าเต่ามากที่สุด และมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้สร้างร่องรอยเหล่านี้เป็นตัวแทนกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้อยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหารยุคแรก

คณะนักวิจัยเสริมว่า เนื่องจากมีตัวอย่างอย่างจำกัด จึงไม่ได้แยกความเกี่ยวพันกับครอโคไดโลมอร์ฟ (Crocodylomorphs) ไดโนเสาร์กลุ่มเทโรพอด (Theropods) หรืออาร์โคซอร์ (Archosaurs) อื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

การค้นพบร่องรอยเหล่านี้ช่วยเพิ่มชนิดพันธุ์สัตว์ยุคไทรแอสซิก ตอนปลาย ในเมืองเผิงโจว และบ่งชี้ว่าอาจมีซากฟอสซิลสัตว์มีกระดูกสันหลังรอการค้นพบอีกมากมาย รวมถึงมีคุณค่าต่อการศึกษาสภาพแวดล้อมยุคดึกดำบรรพ์ในท้องถิ่นอีกด้วย

อนึ่ง คณะนักวิจัยได้เผยแพร่ผลการวิจัยนี้ร่วมกับคณะนักวิจัยจากออสเตรเลียและสหรัฐฯ ในวารสารฮิสตอริคัล ไบโอโลจี (Historical Biology)


https://mgronline.com/china/detail/9660000024915


******************************************************************************************************


กรมอุตุฯ ออสเตรเลียเผย เตรียมพบ "เอลนีโญรุนแรง" หลังปรากฏการณ์ลานีญา 3 ปีติด ได้สิ้นสุดแล้ว



นักวิทยาศาสตร์ได้เผยข้อมูลสภาพภูมิอากาศโลกในปัจจุบันว่า ปรากฏการณ์ลานีญา (La Ni?a) ครั้งล่าสุด ซึ่งได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 2020 ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติถึง 3 ปี ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศ ได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในแบบจำลองภูมิอากาศโลกปัจจุบัน ชี้ถึงสภาวะหยุดนิ่งเป็นกลางทางภูมิอากาศ ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นระหว่างการสลับสับเปลี่ยนไปมาของปรากฏการณ์เอลนีโญ ? ลานีญา

สภาวะจำลองนี้ มีหมายความว่าปรากฏการณ์ลานีญาที่ยาวนานถึง 3 ปีซ้อน ได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม บรรดานักอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะเกิดสภาพภูมิอากาศแบบขั้วตรงข้ามติดตามมาในไม่ช้า ซึ่งก็คือปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีความรุนแรงกว่าในอดีต โดยมีโอกาสจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ถึงกว่า 50%

"แม้ยังไม่อาจทำนายได้อย่างแน่นอนว่า สภาพอากาศทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่แบบจำลองภูมิอากาศส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อาจเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญซึ่งจะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น" ....ดร. นันทินี ราเมศ นักวิจัยอาวุโสด้านภัยธรรมชาติ ประจำองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) กล่าว

โดยทั่วไปแล้ว เอลนีโญสามารถผลักดันให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นได้อีกราว 0.2 องศาเซลเซียส จึงนับว่าเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการทำให้โลกร้อนขึ้นจนเกินขีดจำกัด ซึ่งนานาประเทศได้กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันโลกร้อนขึ้นกว่าระดับมาตรฐานในอดีตอยู่แล้วถึง 1.2 องศาเซลเซียส

ปรากฏการณ์เอลนีโญยังทำให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากน้ำทะเลในตอนกลางและทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเส้นศูนย์สูตรจะอุ่นขึ้น ส่งผลให้กระแสลมกรดในแถบนั้นเคลื่อนตัวพัดลงใต้ นำพาอากาศร้อนและแห้งไปยังแถบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น โดยปรากฏการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน 12-18 เดือน ในแต่ละครั้ง

สำหรับการเกิดลานีญาถึง 3 ปีซ้อน จัดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาพบได้ยากมาก โดยเคยมีการบันทึกไว้เพียง 2 ครั้งในประวัติศาสตร์โลก ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1973-1976 และ 1998-2001

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Geophysical Research Letters เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำการศึกษาโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐฯ ชี้ว่าความผิดปกติของปรากฏการณ์ลานีญาเกิดจากการกระทำของมนุษย์ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มากกว่าจะเป็นวงจรความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้วิจัยมองว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกในระยะยาว จะส่งผลเอื้อให้ปรากฏการณ์เอลนีโญซึ่งตรงข้ามกับลานีญาเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่า โดยคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งจะทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างยาวนานในภูมิภาคแปซิฟิกหลังจากนี้


https://mgronline.com/science/detail/9660000025379
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม