ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 28-08-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


พบขบวนการลักลอบจับปลาสวยงามเขตอุทยานหมู่เกาะลันตาส่งขายกรุงเทพฯ

กระบี่ - พบขบวนการล่าสัตว์ทะเล แอบวางลอบดักจับปลาสวยงามใต้ทะเล เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ คาดนำไปขายตลาดปลาสวยงามในเขตกรุงเทพฯ



วันนี้ (27 ส.ค.) นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจการลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย บริเวณเกาะห้า ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำลึกยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ถึงกับตกใจ เมื่อพบลอบหรือไซดักปลาขนาดใหญ่ วางดักจับปลาสวยงามอยู่ใต้ทะเล โดยมีเชือกยาวผูกมัดไว้ ซึ่งภายในมีปลาสวยงามเข้าไปติดกับดักกว่า 100 ตัว มีทั้งปลาโนรี ปลานกแก้ว และปลาสินสมุทร

ขณะที่ใกล้กัน พบอวนตาข่ายจับปลาขนาดใหญ่วางอยู่บนแนวปะการัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตัดทำลาย และปล่อยปลาสวยงามที่ติดอยู่ด้านในออกทั้งหมด พร้อมทำพิกัดเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน เพื่อทำการเก็บกู้ขึ้นมาต่อไป เนื่องจากลอบดักจับปลามีขนาดใหญ่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ในทันที



นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ลอบดักจับปลาสวยงามที่พบคาดว่าเป็นของขบวนการล่าสัตว์น้ำสวยงามนำมาวางไว้ เมื่อปลาเข้าจำนวนมากแล้วจึงมากู้จับไปส่งขายในตลาดปลาสวยงามและมีราคาแพง ถือเป็นการทำกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากสามารถตรวจยึดเรือได้ ไม่ว่าจะมีการเช่าว่าจ้างมาหรือไม่ก็ตาม จะถูกยึดเรือและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทั้งหมด

แหล่งข่าวรายงานว่า สำหรับปลาสวยงามที่มีการลักลอบจับในพื้นที่ จ.กระบี่ จะมีนายทุนมารับต่อส่งไปขายตลาดปลาสวยงามในพื้นที่ กทม.


https://mgronline.com/south/detail/9630000087892


*********************************************************************************************************************************************************


ทช.คุมเข้มกู้เรือราชา 4 ถ้ากระทบสิ่งแวดล้อมพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทช.คุมเข้มกู้เรือราชา 4 ถ้าพบทำกระทบต่อระบบนิเวศ สร้างความเสียหายต่อปะการัง สัตว์ทะเล หญ้าทะเล มีโทษตามผิดตามกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ



เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ห้องประชุมของบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ฝั่งดอนสัก ผู้บริหารบริษัทและตัวแทนบริษัทผู้รับเหมากู้เรือราชา 4 ที่จมเมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ และมีขยะอัดก้อน จำนวน 90 ตัน ที่อยู่ในรถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 3 คัน โดยขณะนี้ทางบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้ว่าจ้างบริษัท เอ็ม.เอส.เซอร์วิส จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการกู้เรือ มาเสนอแผนการกู้เรือราชา 4 ให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาก่อนที่จะทางคณะกรรมการจะนำแผนเสนอต่อนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนกรมทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ได้รับนโยบายจาก รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อ และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าติดตามการกู้เรือเฟอร์รี่ราชา 4 และการเก็บกู้ขยะ จำนวน 90 ตัน อย่างใกล้ชิด ได้กำหนดแผนเป็นขั้นเป็นตอนที่ประกอบด้วย ประสานกับทางบริษัทราชาเฟอร์รี่และบริษัทผู้รับเหมาขนขยะที่เป็นคู่สัญญากับทางเทศบาลนครเกาะสมุย

โดยกำหนดให้มีการเก็บกู้ขยะ เก็บกู้รถ กู้เรือโดยเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดปัญหาขยะที่อยู่ในถุงบิ๊กแบ็กติดที่อยู่ในรถบรรทุกและติดอยู่ภายในท้องเรือหลุดไปตามกระแสน้ำ จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในท้องทะเลและชายฝั่ง ส่วนการดำเนินการกู้เรือนั้นจะต้องมีความระมัดระวังไม่ให้ขยะหลุดลอยออกมาจนกระทบต่อระบบนิเวศ จากการประเมินเบื้องต้นในจุดที่เรือล่มนั้นพื้นที่เป็นโคลนปนทรายไม่มีปะการังหรือหญ้าทะเลแต่อย่างใด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเฝ้าระวังป้องกันที่อาจเกิดปัญหาขณะการกู้เรือก็เป็นไปได้

ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นสำรวจตรวจวัดคุณภาพน้ำในจุดเกิดเหตุ และจุดใกล้เคียงที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จำนวน 5 จุด ก่อนการกู้เรือและขณะกำลังกู้เรือและหลังการกู้เรือ ว่าระบบนิเวศของน้ำทะเลมีการเปลี่ยนไปหรือไม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงไปจนส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเล ปะการัง หญ้าทะเล และพื้นที่ชายหาด ผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดขอบและเป็นการผิดกฎหมายอีกด้วย

แต่ในขณะนี้ยังยืนยันว่า จากวันเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคม จนมาถึงวันนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์ทะเล ซึ่งทาง ทช. และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เฝ้าติดตามและดำเนินการจัดเก็บขยะในพื้นที่เกาะแตนและพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นจุดเฝ้าระวังที่ขยะจะหลุดลอยมาติดค้าง ซึ่งการจัดเก็บขยะที่ผ่านมาพบว่าเป็นขยะเก่าที่ลอยมากับคลื่นลมไม่ใช่ขยะใหม่ที่หลุดลอยมาจากก้อนขยะที่จมอยู่ใต้ทะเลดังกล่าว


https://mgronline.com/south/detail/9630000087952


*********************************************************************************************************************************************************


เตรียมรำลึกครบรอบ 30 ปี การจากไปของ "สืบ นาคะเสถียร"



บนหนทางเดินและวันเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มูลนิธิสืบฯ จะยังคงสืบทอดเจตนาเดิมของคุณสืบ นาคะเสถียร และร่วมส่งต่อประกายไฟแห่งการอนุรักษ์ให้ลุกโชนสืบไปไม่มีวันสิ้นสุด เนื่องในวันครบรอบ 30 ปี การจากไปของสืบ นาคะเสถียร

ในปีนี้ยังคงไว้ซึ่งการจัดกิจกรรมระลึกถึงนักอนุรักษ์ผู้วายชนม์ดั่งเช่นปีที่ผ่านๆ มา เพียงแต่สถานการณ์การระบาดของโควิด ? 19 ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 6 กันยายน 2563 ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์

สำหรับกิจกรรมงานรำลึกสืบ นาคะเสถียร ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในปีนี้ไม่มีกิจกรรมให้บุคคลภายนอกเข้าร่วม เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน จึงปรับกิจกรรมเป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เพจมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

ทั้งนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2563 งานทำบุญและวางหรีด ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีมาตรการจำกัดจำนวนคนเข้าร่วม จึงขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า "งานรำลึก 30 ปีสืบฯ ห้วยขาแข้งจัดเป็นการภายใน ไม่มีอนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วม" ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรำลึกสืบฯ ผ่านกิจกรรมออนไลน์ เช่น กิจกรรมวางดอกไม้และจุดเทียนรำลึกสืบ นาคะเสถียร และกิจกรรม LIGHT IT UP ฉายเลเซอร์ข้อความรณรงค์สิ่งแวดล้อม

ส่วนนิทรรศการจัดขึ้นในวันที่ 1-9 กันยายน 2563 เวลา 10.00 ? 19.00 น. (ทุกวัน) ณ โถงชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นิทรรศการ "30 ปี สืบในความทรงจำ ผู้จุดไฟในงานอนุรักษ์" เป็นการเล่าเรื่องราวของสืบ นาคะเสถียร จากอดีตที่ผ่านมาถึงการทำงานสืบทอดเจตนาในปัจจุบัน 30 ปี สืบ นาคะเสถียร ผ่านมิติของแสงและเงา เพื่อระลึกถึงการจากไปของนักอนุรักษ์ผู้เป็นตำนาน

"แสง-เงา" เป็นคำที่หยิบมาใช้เพื่อบอกความหมายของงานอนุรักษ์ในมุมมองของมูลนิธิสืบฯ "แสง" ตัวแทนของงานอนุรักษ์ นิทรรศการครั้งนี้เราตั้งใจใช้แสงไฟเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ และขับเคลื่อนงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในอีกนัยยะหนึ่ง คือ แสงที่จะส่องต่อไปยังคนรุ่นใหม่ เพื่อที่พวกเขาจะเป็นอีกแรงหนึ่งในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติให้ยังคงอุดมสมบูรณ์ "เงา" ตัวแทนอุดมการณ์ของสืบ ที่ทางมูลนิธิสืบฯ ได้สานต่อเจตนาแต่หนก่อนสู่การลงมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดการป่าอนุรักษ์ 20 ล้านไร่ การผลักดันให้ป่าห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก และการเฝ้าระวังโครงการต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000087657

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม