ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 09-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ยกย่องหนุ่มนักท่องเที่ยวช่วยโลมาเกยตื้นที่เกาะสุกร จนว่ายน้ำกลับสู่ท้องทะเลได้สำเร็จ



ตรัง - ชื่นชม! หนุ่มนักท่องเที่ยวชาว อ.สะเดา จ.สงขลา ตัดสินใจวิ่งลงไปช่วยชีวิต "โลมาสีชมพู" ขณะกำลังเกยตื้นอยู่ที่บริเวณชายหาดบนเกาะสุกร จนสามารถกลับคืนสู่ท้องทะเลอันดามันได้สำเร็จ

นายเสริมวิทย์ มุเส็มสะเดา หรือ "บังหนึ่ง" อายุ 36 ปี ชาว ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ได้โพสต์คลิปลงในเฟซบุ๊กส่วนตัววินาทีที่ตนเองกำลังวิ่งลงไปบริเวณชายหาด หน้าญาตา สปา แอนด์ รีสอร์ต ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านเสียมไหม บนเกาะสุกร หรือเกาะหมู อ.ปะเหลียน อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.ตรัง ขณะที่ได้เร่งทำการช่วยชีวิตของโลมาสีชมพู หรือโลมาปากขวดตัวหนึ่ง ขนาดยาวประมาณ 3 เมตร และหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งกำลังเกยตื้นอยู่บริเวณหาดทราย และพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เพื่อพาร่างกลับคืนสู่ท้องทะเลอันดามัน จนทำให้เนื้อตัวมีบาดแผลถลอกไปทั่ว เนื่องจากโดนเปลือกหอยบาดเข้า

จากนั้น บังหนึ่ง ได้พยายามใช้มือผลักดันร่างของโลมาตัวนี้ให้กลับคืนลงสู่ท้องทะเลอย่างทุลักทุเล เพราะมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ และลงมือช่วยชีวิตเพียงคนเดียว จึงต้องใช้เวลาอยู่ประมาณ 5 นาที กว่าที่จะสามารถผลักร่างของโลมาตัวนี้ให้กลับลงสู่ท้องทะเลได้สำเร็จ โดยมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาตะโกนบอกให้กำลังใจ และถ่ายคลิปวินาทีดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งหลังจากโลมาตัวดังกล่าวว่ายน้ำกลับรวมฝูง และปลอดภัยดีแล้ว มันก็ได้ตีหาง 2 ครั้ง เสมือนเป็นการขอบคุณผู้ที่ได้ทำการช่วยชีวิตให้รอดจากการเกยตื้นในครั้งนี้ และหลังจากมีการนำคลิปไปโพสต์ลงบนโซเชียล ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาชื่นชมหนุ่มชาวสะเดารายนี้กันเป็นจำนวนมาก

นายเสริมวิทย์ มุเส็มสะเดา หรือ "บังหนึ่ง" กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาเที่ยวเกาะสุกรกับกลุ่มเพื่อนๆ และก่อนหน้านั้นได้ถ่ายคลิปโลมาตัวนี้ขณะกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานอยู่กับฝูงรวม 3 ตัว โดยไม่นึกว่าพอถัดมาอีกวัน กลับต้องมาเจอโลมาตัวดังกล่าวเกยตื้นอยู่ ซึ่งจังหวะนั้นมีแค่ชาวประมงพื้นบ้านที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว และกำลังอยู่ในอาการตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ตนเองจึงตัดสินใจรีบลงไปช่วยโลมาตัวนี้ในทันที เพราะมันเกยตื้นมาพักหนึ่งแล้ว และท้ายสุดก็ช่วยชีวิตได้สำเร็จ จึงรู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวทะเลตรัง และได้พบเห็นโลมาแบบตัวเป็นๆ ซึ่งที่บ้านเกิดของตัวเองที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จะเคยพบเห็นสัตว์ที่อยู่ริมทะเล ก็แค่เพียงนกเงือกเท่านั้น


https://mgronline.com/south/detail/9630000115515


*********************************************************************************************************************************************************


เกยตื้นครั้งล่าสุด!! ชมคลิปการข่วยชีวิตวาฬกว่า 100 ตัว ครั้งใหญ่สุดในศรีลังกา



กองทัพเรือและอาสาสมัครของศรีลังกาช่วยเหลือวาฬนำร่อง 120 ตัวที่เกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่พบว่าวาฬบาดเจ็บอย่างน้อย 2 ตัวเสียชีวิต

ลูกเรือจากกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งพร้อมกับอาสาสมัครในพื้นที่ได้ผลักดันวาฬอย่างน้อย 120 ตัวในเช้าวันอังคารหลังจากการช่วยเหลือข้ามคืนอันแสนทรหด Indika de Silva โฆษกกองทัพเรือกล่าว

ช่วงบ่ายวันจันทร์ (2พฤศจิกายน2563) ฝูงวาฬเกยตื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนเกาะ ฝูงวาฬนำร่องถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งที่ Panadura ซึ่งอยู่ห่างจากโคลัมโบไปทางใต้ 15 ไมล์ หรือประมาณ 25 กิโลเมตร



กองทัพเรือและอาสาสมัครของศรีลังการ่วมมือกัน
เพื่อช่วยเหลือวาฬนำร่องกว่า 100 ตัวที่เกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดของศรีลังกา เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน2563

"เราใช้ยานลาดตระเวนบนบกขนาดเล็กเพื่อดึงวาฬทีละตัวกลับสู่น่านน้ำที่ลึกกว่า น่าเศร้าที่วาฬสองตัวต้องเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่ยังคงมีอยู่ เมื่อพวกมันเกยตื้น"

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้รับคำสั่งว่า อย่าให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากอย่างที่เกิดขึ้นในแทสเมเนียเมื่อเดือนกันยายน เมื่อวาฬนำร่องประมาณ 470 ตัวเกยตื้น และมีเพียง 110 ตัวเท่านั้นที่รอดจากการช่วยชีวิต หลังจากพยายามช่วยเหลือหลายวัน

"เราคิดว่าครั้งนี้คล้ายกับการเกยตื้นในแทสเมเนียเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเรื่องผิดปกติมากที่วาฬจำนวนมากจะมาถึงชายฝั่งของเรา และยังไม่ทราบสาเหตุของการติด" Dharshani Lahandapura หัวหน้าหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล (MEPA) ของศรีลังกา กล่าว

https://youtu.be/50R_t7FHsQU">https://youtu.be/50R_t7FHsQU" type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="340">

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า วาฬนำร่องเกือบ 400 ตัวตายในรัฐแทสเมเนีย นับเป็นการเกยตื้นที่เลวร้ายที่สุดของออสเตรเลีย วาฬเหล่านี้ถูกพัดมาติดอยู่ที่หลุมทรายในน่านน้ำบริเวณที่เรียกว่า แม็กควารี เฮดส์ (Macquarie Heads)ตอนแรกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนับจำนวนวาฬได้ 270 ตัว แต่เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์พบวาฬตายอีก 200 ตัวในพื้นที่ใกล้เคียง การเกยตื้นครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ทั่วโลก และทำลายสถิติการเกยตื้น 320 ตัวในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 1996

มีการใช้สลิงและอุปกรณ์อื่นช่วยดึงวาฬออกจากหาดทราย เพื่อที่จะให้มันจมลงในน้ำทั้งตัว เมื่อวาฬกลับไปลอยอยู่ในน้ำได้ พวกมันก็จะสามารถว่ายน้ำออกไปในเขตน้ำลึก แต่กระแสน้ำที่รุนแรงเป็นอุปสรรค ทำให้วาฬที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ลอยกลับเข้ามายังชายฝั่งอีกครั้ง

ศ.ปีเตอร์ แฮร์ริซัน กลุ่มวิจัยวาฬ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นครอสส์ (Southern Cross University) กล่าวว่า การที่ไม่มีน้ำช่วยพยุงตัวไว้ วาฬจะค่อยๆ ถูกน้ำหนักตัวของมันเองกดทับ



ผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬ ระบุว่า วาฬที่รอดตายจะอ่อนแรงและอ่อนแอ

วาฬนำร่องมีความยาวได้ถึง 7 เมตร และหนักถึง 3 ตันเป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคม แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะศึกษาปรากฏการณ์นี้มาหลายทศวรรษ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของการเกยตื้นของวาฬ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000115406

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม