เอ็กซตรีม เวทเตอร์
เหตุอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยครั้งนี้ นับว่ายิ่งใหญ่รุนแรงกว่าทุกครั้ง และคงต้องจดจำสถิติ เล่าขานกันไปอีกนาน
ส่วนสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดมวลน้ำขนาดใหญ่ขึ้นทางภาคเหนือของประเทศ ก็คือการเกิดฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน และตกในปริมาณที่มากกว่าปกติ
จากนั้นมวลน้ำมหาศาลก็เคลื่อนผ่านลงมาสู่ภาคกลาง เพื่อหาทางออกสู่ทะเลตามธรรมชาติของน้ำย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
สำหรับการเกิดพายุฝนตกติดต่อกันยาวนานนั้น เรียกว่า "ภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง (Extreme Weather)"
ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเช่นนั้นก็เป็นที่ยอมรับกันในแวดวงวิชาการทั่วโลกแล้วว่า มาจาก "ปรากฏการณ์โลกร้อน" นั่นเอง
ปรากฏการณ์โลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร
ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับถึง พ.ศ.2548 อากาศใกล้ผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น 0.74-0.18 องศาเซลเซียส
ซึ่งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือไอพีซีซี (IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า
จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้น ค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการเพิ่มความเข้มของก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของ "ปรากฏการณ์เรือนกระจก"
ข้อสรุปพื้นฐานดังกล่าวนี้ได้รับการรับรองโดยสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยกว่า 30 แห่ง
แม้นักวิทยาศาสตร์บางคนจะมีความเห็นโต้แย้งกับข้อสรุปของไอพีซีซีอยู่บ้าง
แต่เสียงส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้
แบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศที่สรุปโดยไอพีซีซี บ่งชี้ว่าอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 หรือช่วงพ.ศ. 2544-2643
การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และคาดว่าทำให้เกิด "ภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง" ที่รุนแรงมากขึ้นด้วย
ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดน้ำฟ้าและพายุฝนจะเปลี่ยนแปลงไป!
ส่วนผลกระทบอื่นๆ ของปรากฏการณ์โลกร้อนได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผลิตผลทางเกษตร การเคลื่อนถอยของธารน้ำแข็ง การสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์บางชนิด รวมทั้งการกลายพันธุ์และแพร่ขยายโรคต่างๆเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ได้แก่ปริมาณของความร้อนที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคต ผลของความร้อนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบอื่นๆ ที่จะเกิดกับแต่ละภูมิภาคบนโลกว่าจะแตกต่างกันอย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับประเทศอุตสาหกรรมว่า ปรากฏการณ์โลกร้อนนั้นรุนแรงจริงหรือไม่
แต่ล่าสุด มีผลงานวิจัยยืนยันอีกครั้งว่าโลกของเรากำลังร้อนขึ้นจริง โดยคราวนี้เป็นทีมนักวิทยาศาสตร์ของโครงการเบิร์กเลย์ เอิร์ธ โปรเจ็กต์ สหรัฐ
ซึ่งเก็บข้อมูลจากสถานีบันทึกข้อมูลภูมิอากาศกว่า 40,000 แห่งทั่วโลก เป็นข้อมูลอ้างอิงในการทดลอง
ระบุว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยอาศัยวิธีการศึกษา วิธีการเก็บข้อมูล และขั้นตอนการวิเคราะห์ใหม่ทั้งหมด
โดยไม่อ้างอิงข้อมูลจากการศึกษาอื่นใดก่อนหน้านี้
จาก ................. มติชน คอลัมน์ คอลัมน์ที่ 13 วันที่ 27 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|