[สายน้ำ]

พบโลมาขนอมพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยน




ผลวิจัยพบพฤติกรรมโลมาสีชมพูที่ อ.ขนอม มีพฤติกรรมเปลี่ยน เหตุจากภัยคุกคามการท่องเที่ยว

นายสุวัฒน์ จุฑาพฤทธิ์ นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิทยาศาสตร์เชิงคำนวณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยผลการศึกษาเรื่องการประมาณจำนวนประชากรและการกระจายของโลมาหลังโหนก หรือโลมาสีชมพู (Sousa Chinensis) ในทะเลขนอม จ.นครศรีธรรมราช หลังข้อมูลจากศูนย์วิจัยทรัพยากรชายฝั่งที่ 3 จ.สงขลา พบว่าตั้งแต่ปี 2549-2551 มีโลมาตายถึง 11 ตัว ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะสูญพันธ์ไปจากทะเลขนอม

โดยจากการเข้าไปสำรวจในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ช่วงเวลาตั้งแต่ 7.00-14.00 น. พบว่าปัจจุบันโลมาหลังโหนกที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลขนอม มาจากชายฝั่งทะเลใกล้เคียง ทั้งฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานี และแถบ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รวมจำนวน 50 ตัว และโลมาประจำถิ่นประมาณ 20 ตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ พบว่าโลมาเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ออกล่าหาอาหาร ที่อยู่อาศัย ความระแวดระวังเรือ และการรวมฝูง ทั้งนี้ อาจเป็นผลจากธุรกิจนำเที่ยว การประกอบอาชีพประมงขนาดต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างของสถานที่ต่าง ๆ ใกล้บริเวณชายฝั่ง นอกจากนี้ยังเป็นผลจากนิสัยและพฤติกรรมของโลมาสายพันธุ์นี้ที่ชอบอาศัยประจำที่ หรือมีการย้ายที่น้อยมาก และอาศัยไม่ห่างจากชายฝั่งเกินระยะ 1 กิโลเมตร

นักวิจัยกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันแนวทางการป้องกันและอนุรักษ์ในเชิงนโยบายได้ถูกกำหนดไว้โดยคร่าวๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวนและเฝ้าระวังจากตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง หรือกำหนดให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลขนอมเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษสำหรับการอนุรักษ์โลมา แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกลับมาจากแหล่งอื่น คือ การก่อสร้างท่าเรือบริเวณอ่าวนางกำ เกาะท่าไร่ ทำให้การชะล้างจากสิ่งก่อสร้างแนวชายฝั่งที่เป็นดินโคลนไหลลงสู่ทะเลเมื่อฝนตก น้ำทะเลขุ่นและมีสีที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจากการสำรวจพบว่าความใสของน้ำทะเลมีผลต่อการอยู่อาศัยของโลมาเช่นกัน และน่าจะเป็นสาเหตุให้ระยะหลังของการสำรวจไม่พบโลมาในบริเวณนี้ แต่กลับไปพบบริเวณอ่าวท้องชิง และอ่าวแขวงเภามากยิ่งขึ้น.



จาก : ข่าว อสมท. MCOT News วันที่ 19 ธันวาคม 2552