ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 23-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


"วราวุธ" รับล้มเหลวแก้ไฟป่า 9 จ.ภาคเหนือ เสียหาย 16.3ล.ไร่



ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเผชิญช่วงวิกฤตโรคโควิด-19 แพร่ระบาด เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันก็คือสถานการณ์ไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ ที่ปีนี้ไฟป่าไหม้อย่างรุนแรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมายอมรับว่า ปีนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟป่า ทำให้ป่าเสียหายกว่า 16.3 ล้านไร่ มากสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุมาจากการลักลอบเผามากที่สุด เพราะความขัดแย้งกับชาวบ้าน ในนโยบายทวงคืนผืนป่า

หลังสถานการณ์ไฟป่าคลี่คลายลงไปเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา วันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือปี 2563 ขึ้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านในพื้นที่เข้ารวม

ผลจากการประชุม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่า ปีนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟป่า ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ

ในช่วงระยะเพียง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ เสียหาย 16.3 ล้านไร่ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ที่ 366 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นานเกิน112วัน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มาเป็นประธานปลูกป่าฟื้นฟูจากไฟป่า ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาทำความเข้าใจกับชาวบ้านโดยเร็ว เพื่อลดความขัดแย้ง และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำแผนแก้ไขปัญหาไฟป่าในปีหน้าเสนอเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรี

ปัจจุบันสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือสงบลงแล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงทำโครงการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสียหายไปจากไฟป่าโดยตั้งเป้าปลูกป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 33,500 ไร่


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/125904


*********************************************************************************************************************************************************


ภาวะโลกร้อนทำหิมะในทวีป "แอนตาร์กติกา" กลายเป็นสีเขียว

อุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ "หิมะสีเขียว" ในทวีปแอนตาร์กติกา หลายจุดสามารถมองเห็นได้แม้แต่จากอวกาศ



นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และคณะสำรวจทวีปแอนตาร์กติกาแห่งสหราชอาณาจักร จัดทำแผนที่การแพร่พันธุ์ของสาหร่ายบนชายฝั่งคาบสมุทรแอนตาร์กติกเป็นครั้งแรก โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมเป็นเวลา 2 ปี จากดาวเทียมเซนติเนล ทู ขององค์การอวกาศยุโรป และเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 พ.ค.)

มอสและไลเคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์แสงได้ที่พบได้ทั่วไปในทวีปแอนตาร์กติกา แต่การสำรวจทำแผนที่ใหม่นี้พบกลุ่มสาหร่าย 1,679 กลุ่ม ซึ่งทำให้หลายพื้นที่ของทวีปที่เคยขาวโพลนด้วยหิมะและน้ำแข็ง เป็นสีเขียวมากขึ้น

ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อการแพร่พันธุ์ของสาหร่ายบนหิมะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่พวกมันถูกตามหมู่เกาะนอกชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกาที่อุณหภูมิเพิ่มสูงกว่าบริเวณอื่นๆ

แมตต์ เดวีย์ จากสาขาวิชาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ บอกว่า สาหร่ายที่เกิดขึ้นนี้เติบโตบนหิมะที่กำลังละลาย พวกมันต้องการน้ำที่อยู่ในสภาพของเหลวเพื่อสืบพันธุ์และแบ่งตัว แต่ถ้าสภาพอากาศอุ่นขึ้นจนทำให้หิมะละลายเร็วเกินไป พวกมันก็ไม่สามารถอยู่ได้เช่นกัน

เดวีย์บอกอีกว่า สาหร่ายเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในความสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศของทวีปแอนตาร์กติกา โดยกลุ่มสาหร่ายที่พบในปัจจุบัน สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เทียบเท่ากับ การเดินทางด้วยรถยนต์ 875,000 เที่ยว ซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนเยอะ แต่หากเทียบกับการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกแล้ว ยังถือว่าน้อยมากๆ

ทั้งนี้ ทวีปแอนตาร์กติกาทำสถิติอุณหภูมิสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยวัดอุณหภูมิสูงสุดได้ 18.3 องศาเซลเซียส ในแถบชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรแอนตาร์กติก


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/125880

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม