ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 03-03-2020
แมลงปอ แมลงปอ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 698
Default

ข่าวสด

MEA ห่วงใย เตือนภัยพายุฤดูร้อน แนะเตรียมพร้อมป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า




ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศโดยระบุว่าประเทศไทยได้เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อน และตามประกาศที่ 3/2563 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2563 แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มีนาคม 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในวันที่ 5 มีนาคม 2563 นั้น

นางสาวผาสุก สัมปุณณะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า MEA มีความห่วงใยประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างร้านที่ติดตั้งป้ายโฆษณา จะต้องต้องติดตั้งป้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงปลอดภัย หากป้ายอยู่ในแนวสายไฟฟ้าแรงสูงต้องตรวจสอบความแข็งแรงและระยะที่ปลอดภัยของป้ายกับสายไฟฟ้ามากขึ้นเพราะอาจทำให้กระทบระบบไฟฟ้าทำให้ไฟฟ้าดับได้ และขอให้อยู่ห่างจากป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ ไม่แข็งแรงใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกิ่งไม้อาจหักโค่นจากลมกระโชกแรงและพาดลงมาทำให้เสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาด เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพปลอดภัยหากชำรุดเร่งซ่อมแซมแก้ไข และสำรวจต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านของตนเอง ให้กิ่งไม้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่ระสายไฟฟ้าเพราะอาจทำให้ไฟฟ้าดับ รวมไปถึงอาจจะทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ที่เปียกน้ำจากฝนฟ้าคะนองได้ พร้อมทั้งควรติดตามข่าวสาร สถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ด้านระบบไฟฟ้านั้น MEA ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูร้อนของทุกปีเนื่องจากมักจะเกิดพายุฝนลมแรง จึงได้ระดมกำลังพนักงานทุก MEA เขต เร่งลงพื้นที่บำรุงรักษาระบบจำหน่าย ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บนเสาไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ และการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ มั่นคง ปลอดภัย ลดความเสี่ยงของการลัดวงจรในระบบจำหน่าย ตลอดจนมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำรองในสถานที่สำคัญ และ MEA จัดเจ้าหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด อยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA Line@ : @meathailand Twitter : @mea_news หรือ แจ้งผ่าน MEA Smart Life ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดาวน์โหลดฟรี คลิก http://onelink.to/measmartlife

#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร


ผู้จัดการออนไลน์


เรือเฟอร์รี่ล่มคร่า 18 ชีวิตใน "แอมะซอน" ยังสูญหายอีก 30




เอเอฟพี ? มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนเมื่อเรือล่องแม่น้ำลำหนึ่งล่มในพื้นที่ป่าฝนของแอมะซอน ทางการบราซิล ระบุเมื่อวันจันทร์ (2) ในขณะที่ผู้รอดชีวิตเล่าถึงนาทีการหนีตายออกจากเรือลำดังกล่าว

เรือลำดังกล่าวนำผู้โดยสารล่องไปตามแม่น้ำจารี แม่น้ำสายย่อยของแอมะซอน ก่อนที่มันจะเริ่มหงายท้องอย่างกะทันหันเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (29)

เมื่อค่ำวันจันทร์ (2) ทางการ ระบุว่า นอกเหนือจากผู้เสียชีวิต 18 คน พวกเขาได้ช่วยผู้รอดชีวิต 46 คนและยังมีผู้สูญหายอีก 30 คน หมายความว่า น่าจะมีผู้อยู่บนเรือมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก

ปฏิบัติการค้นหากำลังดำเนินอยู่ โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน และนักประดาน้ำกู้ภัย

กองทัพเรือบราซิล ระบุว่า พวกเขาได้เปิดการสืบสวนต่อเหตุการณ์นี้แล้ว ในขณะที่สาเหตุของมันยังไม่ได้ถูกเปิดเผย

ผู้รอดชีวิต แวนเดอร์เลีย มอนเตโร กล่าวว่า เรือ Anna Karoline III ดูเหมือนว่าจะประสบปัญหาเมื่อเรืออีกลำหนึ่งแล่นขนาบข้างและพยายามจะทอดสมอ พฤติกรรมปกติสำหรับเรือเฟอร์รีที่เดินทางในแอมะซอนและแม่น้ำสายย่อยต่างๆ



มีคนตะโกนว่า ?มันกำลังจม? และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เรือก็หงายท้อง เธอบอกสำนักข่าวบราซิล G1 หลังจากหลบหนีพร้อมกับสามีของเธอและลูกชายวัย 11 ขวบ

?เราหนีออกทางหน้าต่างและรู้สึกเหมือนกับว่าผนังของเรือกลับด้านในขณะที่มันกำลังหงายท้อง มันเหมือกับในหนังเลย? เธอกล่าว



?กระแสน้ำพัดเราไปเร็วมาก และเราก็ได้เห็นเรือของเราล่มอยู่ไกลๆ จากนั้นเรืออีกลำก็มาช่วยเรา?

Anna Karoline III เรือเฟอร์รี 2 ชั้น ออกเดินทางเมื่อเย็นวันศุกร์ (28) จากเมืองมากาปา เมืองเอกของรัฐอามาปาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล

มันกำลังมุ่งหน้าไปเมืองซังตาไรในรัฐปารา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 ชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงกว่าจะมาถึง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลมาก

เหยื่อ 3 รายเป็นเด็กหญิงอายุระหว่าง 7 ถึง 11 ขวบ รัฐบาลรัฐอามาปา ระบุในถ้อยแถลง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม