ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 07-07-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,158
Default

ผู้จัดการออนไลน์


ชาวประมงพื้นบ้านภูเก็ตวอนทุกหน่วยแก้ปัญหาระบบนิเวศชายฝั่งถูกทำลาย

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวประมงพื้นบ้านภูเก็ตระบุระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งถูกทำลาย เหตุเกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยว วอนทุกหน่วยร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสุธา ประทีป ณ ถลาง ตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ปัจจุบันนี้บริเวณชายฝั่งทะเลทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายไปจำนวนมาก และที่ผ่านระบบนิเวศชายฝั่งได้รับผลกระทบจากการใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวซึ่งไม่สามารถที่จะจัดการได้ เช่น เรื่องของน้ำเสียที่มาจากทั้งครัวเรือน จากสถานประกอบ รวมทั้งเรื่องของการก่อสร้างเปิดหน้าดิน ปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงทะเลลดน้อยลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สัตว์น้ำวัยอ่อนในแนวปะการังลดลง เมื่อระบบนิเวศชายฝั่งมีปัญหาไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านเท่านั้นที่มีปัญหาแต่รวมไปถึงประมงพาณิชย์ที่หากินนอกบริเวณชายฝั่งด้วย

“สำหรับระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งของจังหวัดภูเก็ตนั้นถือว่าแย่มากในปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่การท่องเที่ยวจะเข้ามาก็คาดว่าน่าจะลดลงไปประมาณ 50% สัตว์น้ำบางชนิดก็สูญพันธ์ไป” นายสุธา กล่าวและว่า

เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งให้กลับมามีสภาพดีขึ้น อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมมือกันในการดูแลและฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม เพราะการที่จะรอให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นผู้ดูแลเพียงหน่วยงานเดียวคิดว่าไม่น่าจะทำได้ คงจะต้องอาศัยความร่วมมือและบูรณาการในการดูแลให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากหน่วยงานราชการแล้วในส่วนของผู้ประกอบการก็จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องมานั่งคุยกันเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสุธากล่าวต่อไปว่า การจะนำกฎหมายมาบังคับใช้เพียงอย่างเดียวคิดว่าไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่ง ทางออกที่ดีของการแก้ปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น คิดว่าควรที่จะเริ่มจากการพูดคุยมากกว่าที่จะนำกฎหมายมาบังคับใช้ เพราะเชื่อว่าทุกคนน่าจะให้ความร่วมมือและพูดคุยกันได้แต่จะต้องนำความจริงมาพูดคุยกัน ถ้าทำได้เชื่อว่าการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่งน่าจะประสบความสำเร็จ


***************************************************************************************


ชาวแม่รำพึงพบฉลามวาฬหากินใกล้ฝั่ง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 52 เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณชายหาดระหว่างบ้านหนองมงคลกับหาดบ้านดอนสำราญ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฉลามวาฬ ขนาดใหญ่ 2 ตัว มีลำตัวยาวประมาณเกือบ 10 เมตร ส่วนอีกตัวมีความยาวประมาณ 6 เมตร เข้าหากินอาหาร ลูกปลาบริเวณหน้าหาดบ้านหนองมงคล ซึ่งเป็นหาดที่เชื่อมต่อระหว่างหาดบ้านดอนสำราญ และหาดบ้านกรูด ห่างจากฝั่งไม่ถึง 30 เมตรสามารถมองเห็นได้ด้วยตาจากชายหาด

นายนินทร์ ศรีเมือง อายุ 45 ปี ชาวประมงชายฝั่งที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า ปกติจะพบเห็นฉลามวาฬเมื่อออกเรือไปหาปลาไกลฝั่ง แต่ช่วงนี้ฉลามวาฬเข้ามาหากินใกล้ฝั่งมาก

“วันนี้เป็นวันที่ที่ 3 แล้วที่เห็นฉลามวาฬคู่นี้เข้ามาหากินใกล้ฝั่งขนาดนี้ ผมจะเห็นมันว่ายหากินตรงหน้าหาดบ้านหนองมงคล แล้วก็ตรงหน้าหาดบ้านดอนสำราญซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน”

นายสุพจน์ ส่งเสียง รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ซึ่งลงเรือเพื่อบันทึกภาพฉลามวาฬในครั้งนี้ กล่าวว่า จากที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านทราบว่าปกติก็จะมีฉลามวาฬมาหากินบริเวณนี้เป็นประจำอยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่จะเจอเวลาที่ออกเรือไปหาปลาซึ่งจะอยู่ห่างจากฝั่งมากกว่านี้ แต่ช่วงนี้ ฉลามวาฬได้เข้ามาใกล้ฝั่งมากจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องส่องกล้อง

“ธรรมชาติของสัตว์ตระลฉลามหรือวาฬ จะมาหากินในเฉพาะในทะเลที่มีความสมบูรณ์”

นายสุพจน์กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าก็มีชาวประมงจาก อ.ทับสะแก แจ้งว่า เห็นฉลามวาฬเช่นกัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าชายหาดบริเวณนี้เป็นหาดที่มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะชายหาดบริเวณอ่าวแม่รำพึง มีปริมาณแพลงตอนสูงมากโดยไหลออกมาจากป่าพรุแม่รำพึง ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์น้ำวัยอ่อนและลูกปลาเล็กปลาน้อย ลูกปลาเหล่านี้เป็นอาหารในอีกห่วงโซ่หนึ่งของปลาที่ใหญ่กว่า เช่นฉลามวาฬที่เราพบกันในวันนี้

“บริเวณที่พบฉลามวาฬนี้ก็อยู่ห่างจากที่ตั้งของโครงการโรงถลุงเหล็กที่ชาวบ้านคัดค้านการก่อสร้างไม่ถึง 1 กม. พวกเราจึงอยากให้กลุ่มทุนที่พยายามผลักดันโครงการนี้มองเห็นถึงความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลที่เรามีอยู่อย่าได้เอาอุตสาหกรรมที่มีมลพิษสูงอย่างโรงถลุงเหล็ก มาทำลายความสมบูรณ์และความสวยงามของบางสะพานเลย เราควรส่งเสริมการพัฒนาตามศักยภาพที่โดดเด่นในพื้นที่ของเรา เช่น เรื่องของการท่องเที่ยวและการเกษตรกรรมจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนมากกว่า และยังเป็นการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย” นายสุพจน์ กล่าว

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม