ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เจออีกเพียบ! ปรากฏการณ์ ?เรือลอยได้? กลางทะเล ล่าสุดเป็นเรือสำราญยักษ์
พบอีกภาพประหลาด เรือสำราญขนาดใหญ่ เหมือนลอยอยู่กลางอากาศนอกชายฝั่งสหราชอาณาจักร ปรากฏการณ์หาดูได้ยากที่เรียกว่า ภาพหลอกตา (Optical illusion) ทว่าเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง
ในภาพล่าสุดนี้ เป็นภาพเรือสำราญขนาดใหญ่ลำหนึ่ง "กำลังลอยอยู่กลางอากาศ" บริเวณ Lyme Bay ระหว่างมณฑลเดวอน กับมณฑลดอร์เซ็ต สหราชอาณาจักร ซึ่งชัดเจนว่า มันมีต้นตอจากภาพหลอกตา
เดฟ เมดล็อค พบเห็นเรือดังกล่าวตอนที่เขาจูงสุนัขออกไปเดินเล่นเมื่อวันเสาร์ (6 มี.ค.) ?มันเป็นบางอย่างที่ดูเหมือนมาจากหนังเจาะเวลาหาอดีต (Back to the Future) แต่ผมรู้ว่ามันเป็นรูปแบบพิเศษบางอย่างของปรากฏการณ์ภาพลวงตา (mirage)
แม้ดูเหมือนเรือกำลังลอยอยู่กลางอากาศ แต่ความจริงแล้วมันยังคงอยู่ในน้ำ โดยที่เห็นว่ามันลอยค้างอยู่นั้น สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า superior mirage (ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเหนือวัตถุจริง )
mirage เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหักเหของแสงในชั้นบรรยากาศต่างๆ เนื่องจากความหนาแน่นของชั้นอากาศต่างๆ ไม่เท่ากัน ทำให้ภาพที่ปรากฏออกมาอยู่เหนือกว่าตำแหน่งที่แท้จริง ซึ่งในกรณีทำให้เรือสำราญ P&O ดูเหมือนกำลังลอยอยู่
เรือสำราญ P&O เป็นหนึ่งในเรือหลายลำ ที่มีผู้พบเห็นลอยอยู่กลางอากาศในทะเล ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เดวิด มอร์ริส พบเห็นเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ ระหว่างเดินทางตามแนวชายฝั่งคอร์นิช ใกล้เมืองฟัลเมาท์ มณฑลคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร เช่นกัน
มอร์ริส บอกว่า เขาถึงกับตกตะลึงหลังเห็นภาพดังกล่าวระหว่างออกไปเดินเล่นริมทะเล เลยตัดสินใจถ่ายรูปเอาไว้ และนำมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์จนเกิดเป็นกระแสไวรัล
ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างตั้งข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับภาพถ่ายดังกล่าว บ้างก็เชื่อว่า อาจจะเป็นภาพตัดต่อ บางส่วนสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากปรากฏการณ์ภาพลวงตาอะไรสักอย่าง หรือถึงขั้นบอกว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวก็มี
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ก็มีคนพบเห็นเรือสำราญหลายลำลอยอยู่เหนือน่านน้ำนอกชายฝั่งเมืองเพย์นตัน มณฑลเดวอน
นอกจากนี้แล้ว คอลิน แม็คคัลลัม พบเห็นเรือสีแดงขนาดใหญ่ลอยได้ อยู่บนเส้นขอบฟ้า ขณะที่เขาเดินทางผ่านเมืองแบนฟ์ อะเบอร์ดีนเชียร์
"ตอนที่ผมเห็นเรือครั้งแรก ผมจำเป็นต้องมองมันอีกรอบ เพราะคิดจริงๆ ว่ามันกำลังลอยอยู่" เขากล่าว "อย่างไรก็ตาม พอสังเกตเพิ่มเติม ผมสังเกตเห็นว่าข้อเท็จจริงคือมันเป็นแค่ภาพหลอกตาเท่านั้น"
แม้ปรากฏการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้บนบก แต่ส่วนใหญ่แล้วมักพบเห็นในทะเลมากกว่า เนื่องจากน้ำทะเลช่วยให้เกิดการก่อตัวของชั้นอากาศเย็น
โฆษกรายหนึ่งของสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพที่พบเห็นในคอร์นวอลล์ ว่า "ภาพเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Fata Morgana"
"มันเป็นรูปแบบหนึ่งของภาพลวงตาที่หายากมากๆ และซับซ้อนอย่างมาก ซึ่งบืดเบือนทั้งแนวตั้งและแนวนอน กลับหัวกลับหางและเปลี่ยนแปลงระดับความสูงของวัตถุต่างๆ? โฆษกระบุ ?ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือผิวน้ำ และเกิดขึ้นจากการทับซ้อนกันของชั้นบรรยากาศหลายชั้นที่มีการหักเหของแสงต่างกัน"
https://mgronline.com/around/detail/9640000023109
*********************************************************************************************************************************************************
พบซาก "เต่าตนุ" ถูกคลื่นซัดเกยหาดหัวไทร ปัญหาก้อนน้ำมันทะลักยังไร้คำตอบ
นครศรีธรรมราช - ก้อนน้ำมันลึกลับยังทะลักเกยหาดหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ล่าสุด วันนี้พบซาก "เต่าตนุ" สัตว์ทะเลลอยตาย ชาวบ้านสุดเอือมเป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี แต่ยังไร้คำตอบของต้นตอที่มา
วันนี้ (10 มี.ค.) สภาพพื้นที่ชายหาดทรายในท้องที่หมู่ 3 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เต็มไปด้วยก้อนน้ำมันจำนวนมากที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดทราย หลังจากที่เริ่มถูกความร้อนจากแสงแดด ก้อนน้ำมันเหล่านี้จะเริ่มละลายกลายเป็นของเหลวข้นเหนียวสีดำสนิท จากนั้นจะค่อยๆ ซึมจมลงไปในทรายจนกลายเป็นสีดำ โดยลักษณะของก้อนน้ำมันยังคงถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยหาดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ขณะที่ชาวบ้านแจ้งว่า ก้อนน้ำมันเริ่มถูกซัดเข้าหาฝั่งเมื่อ 3 วันก่อน และเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนถึงวันนี้ โดยคาดว่าจะมีต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์
ชาวประมงพื้นบ้านในย่านนี้รายหนึ่งบอกว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมหาดบริเวณ ต.หน้าสตน เหมือนกับถูกทอดทิ้ง ไร้การเหลียวแล ปัญหาก้อนน้ำมันเช่นนี้มีเป็นประจำทุกปี เมื่อเป็นข่าวถูกเผยแพร่ขึ้นมาเจ้าหน้าที่จะเข้าเก็บตัวอย่าง อ้างว่านำไปตรวจสอบที่มาของก้อนน้ำมัน หลังจากเรื่องเงียบก็จะหายไปเหมือนเดิม ชาวบ้านต้องเผชิญกับก้อนน้ำมันเช่นนี้มาอย่างน้อย 10 ปี ไม่เคยได้รับคำตอบว่าก้อนน้ำมันมาจากที่ไหน แม้จะเก็บตัวอย่างไปทุกปีแล้วก็ตาม แต่หากพิจารณาโดยหลักแล้ว น้ำมันจำนวนมหาศาลเช่นนี้มาได้เพียง 2 ทาง คือจากแท่นขุดเจาะ และเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำโดยมนุษย์แน่นอน ไม่มีทางที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาต้นตอไม่เจอ เพียงแต่ไม่ดำเนินการ หรือรู้ว่ามาจากที่ใด แต่ไม่เปิดเผยเท่านั้นเอง
นอกจากนั้น ชาวประมงรายนี้ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่ตามมากับก้อนน้ำมันที่เข้าเกยหาด จะมีสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น หมึก ปลา จะถูกคลื่นซัดมาตายเป็นระยะทางตลอดแนวชายหาด และวันนี้ยังพบซาก "เต่าตนุ" ถูกคลื่นซัดมาเกยหาด อาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก ได้เก็บซากไว้เพื่อส่งมอบให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ชุมพร) มารับไปเพื่อทำการวิจัย และชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไปแล้ว
https://mgronline.com/south/detail/9640000023137
*********************************************************************************************************************************************************
ผ่าชันสูตร "ซากเต่าทะเล" พบกระเพาะ-ลำไส้เต็มไปด้วยขยะ และของเหลวสีดำจำนวนมาก
นครศรีธรรมราช - สัตวแพทย์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เร่งผ่าชันสูตรซาก "เต่าตนุ" หลังถูกพบเกยหาดหัวไทรพร้อมก้อนน้ำมัน พบในกระเพาะอาหาร และลำไส้เต็มไปด้วยขยะ และของเหลวสีดำ
ความคืบหน้าการชันสูตร "ซากเต่าทะเล" ที่ตายเกยหาด พร้อมกับ "ก้อนน้ำมัน" จำนวนมาก บริเวณหาดบ้านแพรกเมือง บ้านฉิมหลา หมู่ 3 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุด วันนี้ (10 มี.ค.) สัตวแพทย์หญิงพิมพ์ชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้เข้ารับซาก ?เต่าตนุ? จากอาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก หลังจากที่พบซากเต่าตัวนี้ตายเกยหาด พร้อมกับก้อนน้ำมันจำนวนมากบริเวณชายหาดแพรกเมือง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันชันสูตร พบว่าเต่าตนุตัวนี้เป็นเต่าเพศเมีย อายุประมาณ 4-5 ปี น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม หลังจากที่ผ่าเปิดช่องท้อง และชันสูตรลึกไปจนถึงระบบทางเดินอาหารของเต่า พบว่าภายในกระเพาะอาหาร และลำไส้เต็มไปด้วยขยะพลาสติกจำพวกเชือกจากเครื่องมือประมง ถุงพลาสติกขนาดเล็ก และพบของเหลวสีดำคล้ายกับก้อนน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดแล้วละลายกลายเป็นของเหลว โดยทั้งหมดถูกเก็บเป็นตัวอย่างนำไปวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งชิ้นส่วน และเนื้อเยื่อของเต่า หลังจากนั้นได้ฝังกลบซากไว้ในบริเวณหาดทราย
สัตวแพทย์หญิงพิมพ์ชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เปิดเผยว่า การผ่าชันสูตรนั้นไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ เพราะสภาพซากเริ่มเน่ามากแล้ว แต่จากการตรวจพบในระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขายังสามารถหาอาหารได้ตามปกติ แต่ในลำไส้มีขยะค่อนข้างมากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแน่นอน แต่เรายังไม่สามารถสรุปได้
ส่วนก้อนน้ำมันจำนวนมากที่เกยหาด ขณะนี้ได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำ และซึมไปในหาดทราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังหวั่นอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสัตว์ทะเลหายากในย่านนี้จากสารประกอบโลหะหนักที่อยู่ในก้อนน้ำมัน ซึ่งอาจไปสะสมอยู่ในร่างกายของสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ และจะก่อให้เกิดอาการป่วย หากรับไปในปริมาณมากจะทำให้ตายได้ในทันที
https://mgronline.com/south/detail/9640000023277
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|