ชื่อกระทู้: โลกร้อน (3)
ดูแบบคำตอบเดียว
  #44  
เก่า 16-01-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default


ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ไว้ โลกกำลังร้อน!?! ..................... โดย เกษียร เตชะพีระ



ผมอยากเชิญชวนท่านผู้อ่านลองพิจารณาข้อมูลภูมิอากาศในรอบปี ค.ศ.2010 ที่ผ่านมาต่อไปนี้ดู: -


พม่า : หน้าร้อนที่ผ่านมา อุณหภูมิในพม่าขึ้นสูงถึง 46.6 องศาเซลเชียส

จีน : ภาคใต้ของจีนน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายสัปดาห์ บางท้องที่ในมณฑลเสฉวนเกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบกว่า 150 ปี

ญี่ปุ่น : หน้าร้อนญี่ปุ่นปีที่แล้วร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์นับแต่หน่วยงานอุตุนิยม วิทยาของญี่ปุ่นเคยเก็บรวบรวมข้อมูลเริ่มจากปี ค.ศ.1898 เป็นต้นมา, ร้อนกว่าสถิติร้อนที่สุดของญี่ปุ่นครั้งก่อนในปี ค.ศ.1994, ในกรุงโตเกียว อุณหภูมิขึ้นสูงถึง 37 องศาเซลเชียส

ปากีสถาน : อุณหภูมิหน้าร้อนขึ้นสูงถึง 53.6 องศาเซลเชียส ทำลายสถิติร้อนที่สุดในทวีปเอเชีย พายุฝนยังตกกระหน่ำทำให้น้ำท่วมพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของประเทศ ชาวปากีสถาน 20 ล้านคนเดือดร้อนสาหัส

ไนเจอร์ : แรกทีเดียวประสบภัยแล้งซึ่งอาจก่อทุพภิกขภัยกว้างขวาง แต่แล้วก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ตามมา ทำให้ชาวไนเจอร์แสนคนไร้ที่อยู่อาศัย

รัสเซีย : กรุงมอสโกซึ่งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยร้อนถึง 37.7 องศาเซลเชียสมาก่อนเลย ปรากฏว่าหน้าร้อนเดือนกรกฎาคมศกก่อน อุณหภูมิในมอสโกขึ้นไปแตะเพดาน 37.7 องศาเซลเชียส ถึง 5 ครั้ง หากเทียบสถิติอุณหภูมิมอสโกนับแต่ปี ค.ศ.1950 เป็นต้นมา เหตุที่เกิดขึ้นนับว่าหาได้ยากพอๆกับเรื่องราวที่แสนปีจะมีสักครั้ง คลื่นความร้อนที่รัสเซียไม่เคยประสบมาก่อนในรอบ 130 ปี ยังทำให้ไฟป่าปะทุไหม้ลามหลายพันแห่งทั่วประเทศชาวรัสเซียเสียชีวิตไป 15,000 คน เหตุเหล่านี้ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลกในสภาพที่รัสเซียต้องหยุดส่งออกข้าวสาลี เนื่องจากผลผลิตเสียหายเพราะอากาศร้อนผิดปกติราว 30%


ค่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกผิดปกติเป็นองศาเซลเชียส (a) ม.ค.-พ.ย.2010 (b) พ.ย.2010


ยุโรป : หิมะตกหนักและพายุหิมะทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินโกลาหลวุ่นวายไปทั่วทวีป

สหรัฐอเมริกา : เกิดพายุฝนหนักตกกระหน่ำในหลายมลรัฐทางภาคตะวันออกของสหรัฐ เริ่มจากมลรัฐนิวอิงแลนด์ในเดือนมีนาคม, ตามมาด้วยฝนตกสูงถึง 13 นิ้วในชั่ว 2 วัน เมื่อเดือนพฤษภาคมในมลรัฐเทนเนสซี ส่งผลให้น้ำท่วมใหญ่เมืองแนชวิลล์จมอยู่ใต้น้ำโดยพื้นฐานมีผู้เสียชีวิต 30 คน ต้องอพยพหนีอุทกภัยอีกหลายพัน ถือเป็นเหตุการณ์หาได้ยากประเภทพันปีมีหนในมลรัฐนี้และก่อภัยพิบัติร้ายแรงแก่เทนเนสซีชนิดที่ยากจะหากรณีอื่นใดเทียบได้นอกจากสงครามกลางเมือง เหนือ-ใต้ของอเมริกาเมื่อเกือบ 150 ปีก่อน, จากนั้นฝนก็ตกหนักเป็นประวัติการณ์ในเมืองโอคลาโฮมาซิตี้ในเดือนมิถุนายน, และพายุฝนกระหน่ำมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาติดชายฝั่งในเดือนตุลาคม

ในขอบเขตทั่วประเทศ นี่เป็นฤดูร้อนที่สุดอันดับ 4 ของสหรัฐ โดยรวมศูนย์แถบพื้นที่ติดมหาสมุทรแอตแลนติกตอนกลาง เช่นเขตเมืองหลวงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่แล้วสภาพภูมิอากาศก็สวิงกลับไปกลับมาระหว่างร้อนตับแทบแตกกับพายุหิมะตก หนัก ลมโกรกแรง อากาศหนาวจัดอีกในช่วงปลายปี เมืองใหญ่น้อยหลายร้อยแห่งทางฝั่งตะวันออกถูกถล่มด้วยพายุหิมะใหญ่หลังคริสต์มาส หลายแห่งหิมะตกหนากว่า 2 ฟุต ลมแรงถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง มลรัฐ 6 แห่งต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เที่ยวบิน รถไฟ รถโดยสารหลายพันเที่ยวต้องยกเลิกที่นิวยอร์ก หิมะตกกองพะเนินเทินทึกอากาศหนาวยะเยียบไม่ทันไร ปรากฏว่ากลับตาลปัตรอุ่นขึ้นเป็น 10 องศาเซลเชียส ช่วงวันสุกดิบก่อนขึ้นปีใหม่!?!


ดัชนีอุณหภูมิแผ่นดิน-มหาสมุทรของโลก แสดงค่าอุณหภูมิผิดปกติเป็นองศาเซลเชียส ค.ศ.1880-ปัจจุบัน (a) ค่าเฉลี่ยรายปีและราย 5 ปี (b) ค่าเฉลี่ย 60 เดือน และ 132 เดือน


ความผันผวนแปรปรวนสวิงสุดโต่งของภูมิอากาศในอเมริกา จะเห็นได้จากสถิติเปรียบเทียบระหว่างท้องที่ทั่วประเทศ ซึ่งรายงานว่ามีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์กับท้องที่ซึ่งรายงานว่ามีอุณหภูมิต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีที่ร้อนเป็นประวัติการณ์ 4,100 แห่ง ขณะที่หนาวเป็นประวัติการณ์ 1,500 แห่ง คิดเป็นอัตราส่วนร้อนสุดต่อหนาวสุดราว 2.5:1

ประเทศไทย, อินโดนีเซีย, อินเดีย, เวเนซุเอลา ฯลฯ : ฝนตกหนัก โคลนถล่มและเกิดน้ำท่วมกว้างขวาง มีผู้เสียชีวิตหลายพัน บ้านช่องทรัพย์สินเสียหายวอดวายนับล้านครอบครัว

18 ประเทศทั่วโลก : คิดเป็นเนื้อที่ 1 ใน 5 ของพื้นผิวโลกต่างรายงานว่ามีอุณหภูมิร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีเดียวกัน ขณะที่หน้าพายุเฮอร์ริเคนของมหาสมุทรแอตแลนติกก็มีพายุชุกชุม ส่วนมหาสมุทรแปซิฟิกก็เปลี่ยนจากภาวะกระแสน้ำอุ่นเอลนิโญ่ (El Nino) ไปเป็นภาวะกระแสน้ำเย็นลานีญ่า (La Nina) แทน

โลก : องค์การนาซา (NASA - National Aeronautics and Space Administration) ของรัฐบาลสหรัฐรายงานเมื่อศุกร์ที่ 10 ธันวาคมศกก่อนว่าปีอุตุนิยมวิทยาที่ผ่านมา (นับจากธันวาคม ค.ศ.2009- พฤศจิกายน ค.ศ.2010) เป็นปีที่ร้อนที่สุดในรอบ 131 ปีเท่าที่องค์การนาซาเคยเก็บสถิติมา ที่น่าวิตกก็คือมันเป็นปีร้อนที่สุดทั้งๆ ที่มี 2 ปัจจัยคอยช่วยผ่อนคลายประทังให้โลกเย็นไว้ ได้แก่
1) โลกกำลังอยู่ในช่วงความรับอาบรังสีจากดวงอาทิตย์ต่ำ (lower solar irradiance) ซึ่งช่วยให้ภูมิอากาศโลกเย็นลง และ
2) ยังมีปรากฏการณ์กระแสน้ำเย็นลานีญ่าซึ่งช่วยกดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำ ไว้นับแต่ปลายหน้าร้อนปีที่แล้วเป็นต้นมาด้วย

ข่าวนี้ทำให้ ดอกเตอร์ เจมส์ ฮันเส็น ผู้อำนวยการ Goddard Institute for Space Studies และยอดนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศแห่งองค์การนาซา ชี้ไว้ในบทความที่เขียนร่วมกับเพื่อนร่วมงาน 3 คน ว่า : "อุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในปี ค.ศ.2010 มีความหมายสำคัญเป็นพิเศษเพราะมันเกิดขึ้นในระหว่างที่ความรับอาบรังสีจากดวงอาทิตย์ต่ำสุดเมื่อเร็วๆ นี้กำลังส่งผลผ่อนคลายโลกให้เย็นลงที่สุด"

สรุป : ภัยพิบัติธรรมชาติในรอบปี ค.ศ.2010 ที่ผ่านมาคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปประมาณ 260,000 คน (ในจำนวนนี้มี 21,000 รายที่เสียชีวิตเนื่องจากภูมิอากาศโดยตรง) มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากภัยก่อการร้าย 40 ปีที่ผ่านมารวมกัน (ไม่ถึง 115,000 คน), มันทำลายเศรษฐกิจโลกเสียหายไปทั้งสิ้นราว 222 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (มูลค่ามากกว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงทั้งเกาะ), บัญชีหัวข้อข่าวภัยพิบัติธรรมชาติรายวันตลอดปีที่แล้ว ซึ่งสำนักข่าวเอพีประมวลขึ้นยาวเหยียดถึง 64 หน้ากระดาษพิมพ์!

คำถาม : แล้วอากาศสวิงสุดโต่ง (extreme weather) ที่คร่าชีวิตผู้คนไปเรือนหมื่นเรือนแสนเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อนและภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (global warming & climate change) อย่างไร?




จาก ....................... มติชน วันที่ 16 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม