ชื่อกระทู้: โลกร้อน (3)
ดูแบบคำตอบเดียว
  #69  
เก่า 29-02-2012
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,116
Default


"แรงลม" ผลพวงโลกร้อน เรียนรู้เข้าใจ...ลดภัยพิบัติ



หลังน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนคนไทยเริ่มตื่นตัวกับปัญหาภัยธรรมชาติ บทเรียนครั้งนั้นสร้างความเสียหายมากมายต่อสภาพจิตใจและชีวิตความเป็นอยู่ของคนหลายคน น่าจะถึงเวลาแล้วที่เราต้อง เรียนรู้เพื่ออยู่กับธรรมชาติอันแปรเปลี่ยนอย่างเข้าใจ ซึ่ง ’ลม” ถือเป็นหนึ่งในทรัพยากร ธรรมชาติที่ถูกมองข้าม ทั้งๆที่ความจริงแล้วมีผลต่อการกินอยู่หลับนอน จนถึงการทำเกษตรกรรม

สมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ความเห็นว่า ลมเป็นสิ่งที่คนไทยควรทำความเข้าใจ หลายครั้งเมื่อมีการพยากรณ์อากาศเกี่ยวกับลมหลายคนยังไม่เข้าใจ และตื่นกลัวกับข่าวลือต่างๆ ก่อนอื่นต้องเข้าใจถึงการเกิดลมซึ่งลม เกิดจากการเคลื่อนตัวของอากาศโดยนำมวลอากาศจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ในลักษณะของความกดอากาศสูงเข้าหาพื้นที่ความกดอากาศต่ำ โดยทางอุตุนิยมวิทยาพิจารณาว่า ลมที่พัดมาจากทางไหน นำอะไรมากับลม และจะทำให้พื้นที่เกิดอะไรขึ้น!

โดยธรรมชาติลักษณะลมทั่วโลกจะหมุนตามเข็มนาฬิกาคือ เมื่อเกิดลมเหนือต่อมาก็จะเกิดลมตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือหมุนไปอย่างนี้ทำให้เกิดสภาพอากาศและฤดูต่าง ๆ สิ่งที่คนไทยควรทำความเข้าใจคือ ลมประจำฤดูเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดสภาพอากาศต่างๆ โดย

1. ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำเนิดจากเขาสูงในประเทศจีนซึ่งหนาวตลอดปี เมื่อมาถึงไทยทำให้เกิดฤดูหนาวช่วงกลางเดือนตุลาคม–กลางเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี

2. ลมตะวันออกเฉียงใต้ แหล่งกำเนิดจากทะเลจีนใต้ตอนล่าง เกิดจากลมสามกระแสทำให้แปรปรวนไม่ชัดเจนในบางครั้ง ขณะเดียวกันช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยจะหันเข้าหาพระอาทิตย์ ทำให้เกิดอากาศร้อนในกลางเดือนกุมภาพันธ์–กลางเดือนพฤษภาคม

3. ลมตะวันตกเฉียงใต้ แหล่งกำเนิดมาจากซีกโลกใต้ทางออสเตรเลีย และมหาสมุทรอินเดียทำให้เกิดฝน

จะเห็นได้ว่าลมที่เกิดและผ่านพื้นที่ต่างๆ ย่อมนำพาสภาพอากาศแตกต่างกัน โดยลมที่มาจากทะเลจะทำให้มีอากาศอุ่นชื้น ส่วนลมที่มาจากพื้นดินจะเย็นและแห้ง ขณะเดียวกันการเกิดลมจะแรงหรือเบาเกิดจากความกดอากาศที่ถ้าแตกต่างกันมากลมจะพัดรุนแรง แต่ถ้าความกดอากาศไม่ต่างกันมากลมจะพัดเบาๆ

ภาวะโลกร้อน เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อลมประจำถิ่น อย่างปีที่ผ่านมามีลมตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าปกติซึ่งนำพาความชื้นเข้ามา เหตุจากแหล่งกำเนิดได้รับผลกระทบอย่างธารน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือและทะเลต่างๆ ปกติพลังงานแสงอาทิตย์ที่ส่งมายังโลก 100 เปอร์เซ็นต์ จะสะท้อนกลับไปยังชั้นบรรยากาศ 53 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 47 เปอร์เซ็นต์ ส่องมาถึงพื้นที่โลกและพอกลางคืนเปลี่ยนเป็นคลื่นยาวเพื่อคลายตัวออกสู่ชั้นบรรยากาศนอกโลก แต่ด้วยสภาวะปัจจุบันที่ชั้นบรรยากาศมีคาร์บอนมากจากการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ทำให้คลื่นยาวเหล่านั้นออกไปยังนอกโลกไม่ได้ ทำให้โลกเกิดสะสมพลังงานความร้อนขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อพื้นดินและน้ำอันเป็นแหล่งกำเนิดของลม ตอนนี้มีผลกระทบแค่ลมประจำถิ่นซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ยังไม่กระทบร้ายแรงถึงขั้นที่มนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง

“ปีนี้คาดว่าลมปกติดีในภาพรวม อาจมีเปลี่ยนแปลงบ้างบางช่วงเวลา เช่น ปีก่อนลมตะวันออกเฉียงเหนือที่นำอากาศหนาวมาเร็วกว่าปกติและอยู่นานอย่างที่หลายคนไม่คาดคิด ปกติลมประจำถิ่นพวกลมบก, ลมทะเลหรือลมภูเขา ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นมีการสังเกตและรู้ถึงทิศทางลมที่เปลี่ยนไปจึงไม่น่าห่วง สำหรับลมประจำฤดูเป็นลมภาพรวมใหญ่อนาคตอาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามภาวะผลกระทบที่เกิดขึ้น”



คนทั่วไปจะดูทิศทางลมเพื่อทำนายการเกิดอากาศสามารถทำได้ แต่ต้องเข้าใจภูมิศาสตร์ที่ตรงนั้นว่าทิศที่ลมพัดมาผ่านภูเขาหรือทะเลอย่างไร โดยดูจากยอดไม้ขนาดสูงในที่โล่งซึ่งไม่มีตึกสูงบัง การคาดเดาลมส่วนใหญ่ถ้าอยู่ในเมืองตึกสูงหนาแน่นไม่สามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจน ถ้าอยู่บนเขาหรือในทะเลสามารถคาดเดาได้ดีกว่า ขณะเดียวกันลมที่พัดแรงไม่สามารถบอกได้ว่าฝนกำลังจะตกแรงหรือเบาเพราะขึ้นอยู่กับความกดอากาศ เวลาฟังกรมอุตุฯ บอกเรื่องลมส่วนใหญ่จะเน้นบอกสำหรับคนที่เดินเรือ โดยลมที่เริ่มมีความรุนแรงอยู่ที่ 20–40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

อยากฝากถึงประชาชนว่าถ้า หากมีความเข้าใจถึงการเกิดลมและจะนำสิ่งใดมาย่อมทำให้ท่านสามารถเตรียมตัวพร้อมรับมือได้อย่างไม่วิตกกังวล การศึกษาสามารถเรียนได้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์กรมอุตุฯ หรือจากการฟังพยากรณ์อากาศและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น

ลมค่อนข้างไกลตัวในการดูแลรักษา และจะมองในส่วนของการนำลมมาเป็นพลังงานเพื่อใช้ไฟฟ้ามากกว่า เพราะต่อไปพลังงานที่นำมาผลิตไฟฟ้าจะลดลง ซึ่งลมเป็นพลังงานสะอาดที่ต้องเร่งศึกษานำมาทดแทนสิ่งที่กำลังหมดไป นอกจากนี้ครอบครัวสามารถให้เด็กเรียนรู้ผ่านสภาพอากาศได้ โดยพ่อแม่เองต้องมีความเข้าใจก่อน แล้วให้ลูกสังเกตสภาพต้นไม้ในฤดูต่างๆ หรือพฤติกรรมสัตว์ พอเด็กจดจำไปเรื่อยๆ จะเกิดการเรียนรู้และคาดเดาได้ถึงสภาพอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องไปนั่งเรียนในห้องเลยก็ได้

ลมเป็นอีกธรรมชาติที่มนุษย์ต้องเร่งทำความเข้าใจ เพื่อไม่ปล่อยให้ข่าวลือทำลายความเชื่อมั่นในจิตใจของคนในสังคม.


.................................................................................





รอบรู้เรื่องลมประจำถิ่นที่เปลี่ยนแปลง

1. ลมภูเขา บริเวณภูเขาในขณะที่มีระบบลมอ่อน ลมมักพัดลงตามลาดของภูเขาในเวลากลางคืน และพัดขึ้นลาดภูเขาในเวลากลางวัน เพราะเวลากลางคืนตามบริเวณภูเขาที่ระดับสูง มีอากาศเย็นกว่าตามที่ต่ำ ความแน่นของอากาศในที่สูงจึงมีมากกว่าในระดับต่ำลมจึงพัดลงตามเขาเราเรียกลมนี้ว่า ลมภูเขา

ลมหุบเขา เวลากลางวันดวงอาทิตย์แผ่รังสีให้แก่ภูเขา และหุบเขาทำให้อุณหภูมิมีระดับสูง โดยเฉพาะยอดเขาจะสูงกว่า อุณหภูมิตามที่ต่ำ หรือหุบเขา ความแน่นของอากาศในระดับสูงจึงน้อยกว่า และลอยตัวสูงขึ้น ฉะนั้นอากาศจากที่ต่ำหรือหุบเขา จึงพัดขึ้นไปแทนที่เราเรียกว่า ลมหุบเขา

ลมหุบเขา จะเกิดขึ้นในเวลากลางวัน โดยอากาศตามภูเขาและลาดเขาจะร้อน เพราะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่อากาศบริเวณใกล้ภูเขาระดับความสูงเดียวกัน ซึ่งมีความเย็นกว่าจึงเคลื่อนไปเข้าแทนที่ทำให้มีลมพัดไปตามลาดเขาขึ้นสู่เบื้องบน ส่วนลมภูเขา เกิดขึ้นในเวลากลางคืน โดยอากาศตามภูเขาและลาดเขาจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการถ่ายโอนความร้อนออก อากาศตามลาดเขาที่เย็นและหนักกว่าอากาศบริเวณใกล้เคียงจึงเคลื่อนไปตามลาดเขาสู่หุบเขาเบื้องล่าง


2. ลมทะเล ในเวลากลางวันพื้นดินรับความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ ทำให้อากาศเหนือพื้นดิน มีอุณหภูมิสูงกว่า อากาศเหนือพื้นน้ำ เป็นผลให้อากาศเหนือพื้นน้ำมีความกดอากาศสูงกว่าเคลื่อนที่เข้าหาบริเวณพื้นดิน ที่มีความกดอากาศต่ำกว่าหรือเกิดลมพัดจากทะเลเข้าหาฝั่งในเวลากลางวัน

ลมบก ในเวลากลางคืนพื้นดินคลายได้เร็วกว่าพื้นน้ำ ทำให้อากาศเหนือพื้นดินมีอุณหภูมิต่ำกว่าอากาศเหนือพื้นน้ำ หรืออากาศเหนือพื้นดินมีความกดอากาศสูงกว่าอากาศเหนือพื้นน้ำ เป็นผลให้อากาศเหนือพื้นดินที่มีความกดอากาศสูงกว่าเคลื่อนที่เข้าหาพื้นน้ำที่มีความกดอากาศต่ำกว่า หรือเกิดลมพัดจากบนบกออกสู่ฝั่งทะเลในเวลากลางคืนนั่นเอง.




จาก ........................ เดลินิวส์ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม