ดูแบบคำตอบเดียว
  #46  
เก่า 13-06-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default



“ซีพีเอฟ” ซัด “เดอะการ์เดียน” ตั้งธงโจมตี ยันพร้อมแก้ “แรงงานทาส” คุมมาตรฐานซื้อปลาป่น



“ซีพีเอฟ” โต้ “เดอะการ์เดียน” ลั่นพร้อมประณามการใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมประมง ควบคุมการจัดซื้อปลาป่นให้ได้มาตรฐาน แจงมีโครงการคุ้มครองน่านน้ำไทย แก้ละเมิดสิทธิมนุษยชนบนเรือ ติงสื่ออังกฤษมุ่งโจมตีประเด็นแรงงานทาส ไม่พูดถึงแผนปรับปรุงที่บริษัทกำลังทำ ย้ำหากจำเป็น พร้อมพัฒนาโปรตีนใช้แทนปลาป่นทั้งหมดในปี 2021

หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ ได้นำเสนอรายงานปัญหาการใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมปลาป่นและการผลิตกุ้งในประเทศไทย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้ผลิตอาหารายใหญ่ของประเทศไทย ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ว่า บทความของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งอุตสาหกรรมในห่วงโซอุปทานอาหารทะเลของประเทศไทยนั้น ซีพีเอฟถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากล็อบบี และไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลไทย หนังสือพิมพ์ได้หันมากดดันแบรนด์และธุรกิจใหญ่ๆ ของโลกเพื่อผลักดันให้ปรับปรุงสถานการณ์ทันที

ซีพีเอฟเป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมนี้ ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสื่อและตอบคำถามสื่อ โดยพื้นฐานแล้ว ซีพีเอฟ เชื่อว่า แต่ละคนที่ทำงานให้ซีพีเอฟ ทำงานกับซีพีเอฟในฐานะผู้ค้า หรือผ่านส่วนใดของห่วงโซ่อุปทานของซีพีเอฟ ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงเรือประมง สมควรต้องได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและด้วยเกียรติภูมิทุกขณะเป็นอย่างน้อย ในเรื่องนี้ ซีพีเอฟจึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบปฏิบัติการทั้งหมดของบริษัทเพื่อประณามการใช้แรงงานทาสตลอดแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานของเรา และนำระบบตรวจสอบอิสระแบบสุ่ม (spot check) ที่ได้รับการประสานงานมาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานของเราไม่มีและยังคงไม่มีการใช้แรงงานทาส

ส่วนการดำเนินการระยะยาว ในฐานะผู้ซื้อปลาป่นรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทยและผู้นำการผลิตของภูมิภาค ซีพีเอฟมีพันธสัญญาที่จะควบคุมระบบการจัดซื้อปลาป่นให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อขจัดการทำประมงผิดกฎหมายและปรับปรุงการทำประมง ทั้งนี้ ซีพีเอฟใช้ปลาป่นประมาณ 10% ของส่วนประกอบในการผลิตอาหารเลี้ยงกุ้ง มีโรงผลิตอาหารสัตว์น้ำ 5 แห่งในประเทศไทย แต่ละแห่งได้รับการรับรองมาตรฐานแนวปฏิบัติในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Best Aquaculture Practice) และบริษัทซื้อปลาป่นที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาหารเลี้ยงปลาจากโรงงานแปรรูปปลาป่นอิสระ 55 แห่ง ในจำนวนนี้ 40 แห่งปฏิบัติตามมาตรฐานรับรองการไม่ทำประมงผิดกฎหมาย (non-IUU certification scheme) ของกรมประมงเต็มรูปแบบ

ซีพีเอฟชี้แจงอีกว่า โรงงานปลาป่นอิสระที่เราซื้อปลาป่นแปรรูปปลาป่นจากผลพลอยได้ (by-product) ที่ได้จากการตัดแต่งทูน่าและปูอัดและทั้งหมดได้รับการรับรองว่าได้จากการไม่ทำประมงผิดกฎหมาย หรือปลาที่เหลือจากการจับ (by-catch) ที่บางครั้งเรียกว่า “ปลาเป็ด” จากน่านน้ำนอกประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ (อินโดนีเซีย) และเป็นประเด็นที่เดอะการ์เดียนยกขึ้นมาโจมตีว่ามีแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายประมาณ 200,000 ราย ถูกเอาเปรียบจากหัวหน้าแก๊ง ซีพีเอฟพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยโครงการ “ทำประมงในอ่าวไทยอย่างยั่งยืน” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2013 เพื่อคุ้มครองอนาคตของน่านน้ำของประเทศไทย และเพื่อให้ชุมชนชาวประมงสามารถทำมาหากินได้ถึงรุ่นลูกหลาน โครงการนี้ครอบคลุมปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจของการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งการจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนบนเรือประมงไทยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ

นอกจากนี้ ซีพีเอฟพยายามใช้คู่ค้าหรือซัปพลายเออร์ที่ซื้อวัตถุดิบจากผลพลอยได้ให้มากที่สุด ปัจจุบันทำได้แล้ว 42% และเป้าหมายของเราคือ 70% ภายในปี 2016 ผู้ค้าปลาป่นรายใหญ่ที่สุดคือ คิงฟิชเชอร์ (Kingfisher) ใช้ผลพลอยได้จากทูน่าที่ได้จากมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นบริษัทปลาป่นรายแรกที่ได้รับมาตรฐานรับรองการผลิตที่ดี (GMP) และการเป็นผู้ค้าที่รับผิดชอบ (responsible supply) ส่วนคู่ค้า 40 จากทั้งหมด 55 ราย ได้รับการรับรองตามมาตรฐานรัฐบาลไทยว่าด้วยการไม่ทำประมงผิดกฎหมาย คิดเป็น 73% ของคู่ค้าและเราตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ 100%

นอกจากนี้ ซีพีเอฟเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่จ่ายค่าส่วนเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองเต็มรูปแบบว่าไม่ได้มาจากการทำประมงผิดกฎหมายแก่คู่ค้า ซึ่งเมื่อสิ้นสุดปี 2013 ซีพีเอฟจ่ายค่าส่วนเพิ่มไปแล้วอีก 48.2 ล้านบาท

ซีพีเอฟชี้แจงกรณีเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนว่า หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนติดต่อบริษัทเพื่อสอบถามแผนความยั่งยืนโดยทั่วไป ซึ่งบริษัทตัดสินใจจะสื่อสารกับหนังสือพิมพ์ ด้วยเข้าใจว่าในฐานะเป็นหนังสือพิมพ์ที่รับผิดชอบ บริษัทหวังว่าเดอะการ์เดียนจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ที่จำเป็นในงานที่บริษัทกำลังทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับแผนปรับปรุงการทำประมงที่ทั้ง SPF และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลนำเสนอ

ระหว่างการติดต่อสื่อสาร บริษัทส่งคำตอบให้กับคำถามต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งสถิติการส่งออกมหภาคและรายละเอียดการกำกับดูแลห่วงโซ่อาหารในขณะนี้ ข้อมูลคู่ค้าปลาป่นและความคืบหน้าในการควบคุมการจัดซื้อปลาป่นให้เข้มงวดขึ้นอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหนังสือพิมพ์ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเจาะประเด็นแรงงานทาสเพียงประเด็นเดียวโดดๆ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับแผนปรับปรุงการทำประมงโดยรวม

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สามารถช่วยได้ด้วยการเขียนข่าวโดยมีบริบทผูกโยงกับงานที่ซีพีเอฟกำลังทำ แต่หากหนังสือพิมพ์เลือกที่จะแค่ตั้งเป้าไปที่ผู้ค้าปลีกที่ถูกกล่าวหาว่าใช้แรงงานทาสอย่างที่กำลังทำอยู่ งานของเราก็จะยิ่งยากขึ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของทั้งอุตสาหกรรม

ซีพีเอฟมีทางเลือกสามารถเลือกที่จะไม่ใช้ปลาป่นอีกต่อไป ทั้งนี้ เราได้พัฒนาโปรตีนซึ่งสามารถนำมาใช้แทนปลาป่น และเรามีพันธะสัญญาที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จภายในปี 2021 หากจำเป็น หรือสามารถเลือกที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไปและประพฤติตัวด้วยความรับผิดชอบด้วยการใช้พลังและศักยภาพของเราเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม สิ่งที่เราทำกำลังคืบหน้าไปด้วยดี แต่ขณะนี้เรายืนอยู่บนจุดหักเห เราสามารถเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยและเฝ้าดูปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมพวกนี้ทำลายน่านน้ำรอบประเทศไทยรวมทั้งอุตสาหกรรมประมงในอีกหลายรุ่นข้างหน้า หรือไม่เราสามารถช่วยผลักดันแผนปรับปรุงการทำประมงที่ SFP และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล นำเสนอ



รายละเอียดคำชี้แจงของซีพีเอฟ

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน - การตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าใช้แรงงานทาสในห่วงโซ่อุปทานของซีพีเอฟ


ปัญหา

· ซีพีเอฟเป็นผู้ซื้อปลาป่นรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศไทย

· ปลาป่นเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์ เพราะมีโอกาสเป็นผลพวงจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) การทำประมงผิดกฎหมายนี้นำไปสู่ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมร้ายแรงหลายอย่างรวมถึงประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนโจมตี

· บทความเมื่อวานนี้ (11 มิถุนายน 2557) เป็นบทความล่าสุดในรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน (The Guardian) ซึ่งเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งอุตสาหกรรมในห่วงโซอุปทานอาหารทะเลของประเทศไทย ซีพีเอฟถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
· หลังจากล็อบบี และไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลไทย หนังสือพิมพ์ได้หันมากดดันแบรนด์และธุรกิจใหญ่ๆ ของโลกเพื่อผลักดันให้ปรับปรุงสถานการณ์ทันที


ท่าทีและการดำเนินการของซีพี


การดำเนินการทันที

· ซีพีเอฟเป็นตัวแทนเพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมนี้ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสื่อและตอบคำถามสื่อ

· โดยพื้นฐานแล้ว ซีพีเอฟเชื่อว่าแต่ละคนที่ทำงานให้ซีพีเอฟ ทำงานกับซีพีเอฟในฐานะผู้ค้า หรือผ่านส่วนใดของห่วงโซอุปทานของซีพีเอฟ ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงเรือประมง สมควรต้องได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและด้วยเกียรติภูมิทุกขณะเป็นอย่างน้อย

· ในเรื่องนี้ ซีพีเอฟจึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบปฏิบัติการทั้งหมดของบริษัทเพื่อ

o ประณามการใช้แรงงานทาสตลอดแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานของเรา

o นำระบบตรวจสอบอิสระแบบสุ่ม (spot check) ที่ได้รับการประสานงานมาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานของเราไม่มีและยังคงไม่มีการใช้แรงงานทาส


การดำเนินการระยะยาว

ในฐานะผู้ซื้อปลาป่นรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทยและผู้นำการผลิตของภูมิภาค ซีพีเอฟมีพันธะสัญญาที่จะ

1. ควบคุมระบบการจัดซื้อปลาป่นของเราให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย

2. ปรับปรุงการทำประมงเพื่อปกป้องคุ้มครองน่านน้ำไทยให้กับคนรุ่นหลัง


ความเข้าใจเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานปลาป่นในขณะนี้ของเรา

· ซีพีเอฟใช้ปลาป่นเป็นส่วนประกอบในจำนวนไม่มาก (ประมาณ 10% ของส่วนประกอบ) ในการผลิตอาหารเลี้ยงกุ้ง เรามีโรงผลิตอาหารสัตว์น้ำ 5 แห่งในประเทศไทย ซึ่งทุกโรงใช้ปลาป่นในการผลิตอาหารปลา (โรงงานบ้านบึง มหาชัย หนองแค บ้านพรุ น้ำน้อย)

· โรงงานผลิตอาหารสัตว์แต่ละแห่งของเราได้รับการรับรองมาตรฐานแนวปฏิบัติในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Best Aquaculture Practice) http://www.gaalliance.org/

· ปัจจุบันบริษัทซื้อปลาป่นที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาหารเลี้ยงปลาจากโรงงานแปรรูปปลาป่นอิสระ 55 แห่ง ซึ่ง 40 แห่งจากทั้งหมด ปฏิบัติตามมาตรฐานรับรองการไม่ทำประมงผิดกฎหมาย (non-IUU certification scheme) ของกรมประมงเต็มรูปแบบ


โรงงานแปรรูปผลิตปลาป่นอย่างไร

· โรงงานปลาป่นอิสระที่เราซื้อปลาป่นแปรรูปปลาป่นจากผลพลอยได้ (by-product) หรือ ปลาที่เหลือจากการจับ (by-catch)

Ø ผลพลอยได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการตัดแต่งทูน่าและปูอัดและทั้งหมดได้รับการรับรองว่าได้จากการไม่ทำประมงผิดกฎหมาย ผลพลอยได้จากทูน่าส่วนใหญ่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิกและจากเรือประมงที่มีผู้สังเกตการณ์อิสระประจำภูมิภาคบนเรือเพื่อรับรองความถูกต้องของวิธีจับสัตว์น้ำ ผู้สังเกตการณ์อิสระนี้มาจากคณะกรรมาธิการการประมงแปซิฟิกตะวันตก และแปซิฟิกกลาง (WCPFC) http://www.wcpfc.int/

Ø ปลาที่เหลือจากการจับหรือที่บางครั้งเรียกว่า “ปลาเป็ด” จะมาจากน่านน้ำนอกประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ (อินโดนีเซีย) และเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของสัตว์น้ำที่เรือจับได้โดยเป็นสิ่งที่ขายไม่ได้อย่างสิ้นเชิงไม่ว่าในตลาดใด ปกติแล้ว ปลาที่เหลือจากการจับจะถูกแช่แข็งในเรือขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เรือแม่” ซึ่งจะออกเดินทะเลเป็นเวลาหลายๆ เดือนในแต่ละครั้ง เรือขนส่งลำเล็กจะไปรับบล็อกปลาแช่แข็งจากเรือใหญ่นี้เพื่อนำมาขายต่อที่ท่าเรือประมงของไทย

__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 13-06-2014 เมื่อ 20:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม