ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 10-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,356
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


อ.ธรณ์ เผย "พะยูน" ในเกาะลิบง-เกาะมุก จำนวนลดลง แนะวิธีช่วยที่สำคัญที่สุด



อ.ธรณ์ เผย "พะยูน" ในเกาะลิบง-เกาะมุก มีจำนวนลดลง พร้อมแนะวิธีช่วยที่สำคัญที่สุด สำหรับถ้าคนทั่วไปที่รักษ์สัตว์รักษ์โลก

จากกรณี ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) ได้รับแจ้งจาก นายวิสุท สารสิทธิ์ เครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก เกาะลิบง จังหวัดตรัง เรื่องพบซากพะยูนเกยตื้นบริเวณปากคลองบ้านพร้าว ต.เกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ ศวอล. ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ในการเข้าตรวจสอบและขนย้ายซากเพื่อมาชันสูตรยังศูนย์วิจัยฯ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นซากพะยูน (Dugong dugon) เพศผู้ โตเต็มวัย ความยาวลำตัววัดแนบ 265 ซม. คะแนนความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในเกณฑ์ผอม (Body condition score, BCS = 1/5) สภาพซากสด ลักษณะภายนอกพบลักษณะแผลหลุมลึก ยาว 7.5 x 4 ซม.บริเวณข้างลำตัวด้านบนครีบข้างซ้าย เมื่อเปิดผ่าดูอวัยวะภายใน พบก้อนลิ่มเลือดสีขาวอยู่ในหัวใจห้องบนขวา ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากการเสียชีวิตและมีเลือดคั่งในหัวใจ

ขณะที่บริเวณส่วนของทางเดินหายใจ พบฟองอากาศภายในหลอดลมและเนื้อเยื่อปอด คาดว่าเกิดจากการสำลักน้ำ บริเวณม้ามพบจุดเลือดออกกระจายเป็นหย่อม พบปื้นเลือดออกและเลือดคั่งที่เนื้อเยื่อไต ส่วนของทางเดินอาหาร พบเศษหญ้าทะเลเล็กน้อยและพยาธิตัวกลมจำนวนมาก บริเวณลำไส้พบก้อนเนื้อขนาด 2 x 1 ซม. และก้อนหนองขนาด 1 x 1 ซม. และพยาธิใบไม้เล็กน้อย ตับอ่อนพบลักษณะบวมน้ำและมีเลือดคั่ง และพบเศษเชือกไนลอนในกระเพาะอาหาร ซึ่งไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิต สรุปสาเหตุการตายคาดว่าป่วยตามธรรมชาติ เนื่องจากพบความผิดปกติหลายระบบ ป่วยเรื้อรังเป็นระยะเวลานานร่วมกับภาวะอ่อนแอจากวัยแก่ จึงทำให้สัตว์เสียชีวิตในที่สุด

ทางด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ข้อมูลเบื้องต้นจากการบินสำรวจสัตว์หายากของกรมทะเล พบว่าพะยูนในเขตเกาะลิบง/เกาะมุก มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สภาพเช่นนี้อาจสัมพันธ์กับวิกฤติหญ้าทะเลที่มีปริมาณลดลง แต่จำนวนพะยูนที่ตายมีน้อยกว่าจำนวนพะยูนที่หายไป หมายความว่าพะยูนบางส่วน น่าจะมีการอพยพเปลี่ยนแหล่งหากิน เมื่อไม่ค่อยมีหญ้าให้กิน พะยูนก็เคลื่อนย้ายไปที่อื่นซึ่งเป็นเรื่องปกติ

ในต่างประเทศมีงานวิจัยบอกว่า พะยูนอาจย้ายถิ่นเขยิบไปเรื่อยๆ นับร้อยกิโลเมตรหรือกว่านั้น ผมนำแผนที่บินสำรวจของกรมทะเล (ตรัง) มาให้เพื่อนธรณ์ดู เพื่ออธิบายว่าพะยูนไปไหน อันดับแรก เกาะลิบงและเกาะมุก เป็นแหล่งหญ้าทะเลใหญ่สุดในไทย พะยูนจึงมารวมกันอยู่ตรงนี้มากกว่าที่ไหนๆ ข้อมูลสำรวจกรมทะเลปี 66 รายงานว่า พบมากกว่า 180 ตัว เป็นแม่ลูก 12 คู่ แต่การสำรวจปีนี้เบื้องต้นพบน้อยลงมาก และไม่พบแม่ลูกเลย จนถึงตอนนี้ เหลือเวลาสำรวจอีก 2 วัน ติดตามข้อมูลเป็นทางการจากกรมทะเลต่อไป

ขณะที่ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ยังได้เผยกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" อีกว่า "ถ้าคนทั่วไปที่รักษ์สัตว์รักษ์โลก สนใจเรื่องพะยูนแล้วอยากจะช่วยสัตว์เหล่านี้ ต้องช่วยกันลดโลกร้อน เพราะสาเหตุมาจากตรงนั้น ที่เหลือก็ลดขยะทะเล น้ำเสีย ฯลฯ แต่สำคัญสุดคือโลกร้อน

ส่วนหญ้าทะเลที่ลดลงทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็ญในการแก้ ปลูกก็ไม่น่ารอด เพราะในธรรมชาติยังไม่รอดเลย ต้องรอให้มีข้อมูลมากกว่านี้อีกหลายด้าน ตอนนี้ได้แต่รอ เรียกร้องให้มีการสนับสนุนการศึกษาวิจัยมากกว่านี้ ตอนนี้แทบไม่มีเงินงบประมาณครับ".

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat


https://www.thairath.co.th/news/sustainable/2769291

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม