ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 02-09-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default



ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งของรีสอร์ทเป็นโรงผลิตปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยจุลินทรีย์ เหมาะสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ ตามแนวคิดวิถี "เศรษฐกิจพอเพียง"



โดยก่อนหน้านี้ ชุมพร คาบาน่า ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทยเมื่อปี 2540 เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่นๆจำนวนมาก ทำให้เจ้าของธุรกิจเป็นหนี้มหาศาลถึง 300 ล้านบาท

ท่ามกลางภาระอันหนักอึ้งของ คุณวริสร รักษ์พันธุ์ หรือ "จ๋อง" หนุ่มวัย 20 กว่าปีในขณะนั้น ซึ่งถือว่าหนุ่มไฟแรง บัณฑิตจบใหม่สาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยรังสิต



10 ปี ผ่านไป คุณวริสร สามารถใช้หนี้ได้เกือบครึ่ง จากการนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ประกอบกับการน้อมนำพระราชดำรัสแบบ "พึ่งตนเอง" มาเป็นแนวทาง และยึดวิธีคิดที่ว่า "เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง" เสมอมา

ทุกวันนี้ ชุมพร คาบาน่า นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอันดับต้นๆแล้ว ยังกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานของผู้คนทั่วประเทศ ที่สนใจแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

จากความสำเร็จตรงนี้ ใครๆก็อยากเจอคุณวริสร ที่ตามตัวยากมากถึงมากที่สุด และเมื่อมีโอกาส "มติชนออนไลน์" จึงขอเข้าไปพูดคุยกับคุณวริสรทันที โดยเจ้าตัวตั้งตัวแทบไม่ติด เนื่องจากมีเวลาในการพูดคุยกันแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น


ผลที่ตามมาหลังนำเอาแนวคิดแบบ "พึ่งตนเอง" มาประยุกต์ใช้

คุณวริสรเล่าว่า ที่ทำรีสอร์ททุกวันนี้ ไม่ได้หวังการตอบรับมากหรือน้อย คือเราทำอยู่แล้ว จึงเสมือนทำไปด้วย ศึกษาไปด้วย ประมาณว่าอยากเรียน จึงลงวิชาเรียน ซึ่งถือว่าเป็นการลงเรียนใหม่ ทั้งนี้ มองว่าตนยังเรียนอยู่ตลอด ต้องถามอาจารย์อยู่ตลอด คิดจิตนาการอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่เศรษฐกิจไม่ดี เจ้าหนี้ก็จะเอาอย่างเดียว แต่เราคิดในทางตรงกันข้าม เหมือนกลับความคิดใหม่ว่าเป็นผู้ให้ คิดว่าเราไม่ทำจุดขาย เปลี่ยนไปเป็นจุดให้ดีกว่า คิดว่าจะให้อะไรคนอื่นได้บ้าง หรือทำอะไรให้คนอื่นได้บ้าง ... ดูเหมือนประชดหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ก็เป็นไปในทางที่อยากจะทำ เพราะเราคิดอยากจะทำ พอได้ทำแล้ว ก็อยากทำต่อไป

โดยเริ่มจากโจทย์ที่ว่า เราใช้สถานที่นี้ เป็นที่ฝึกของพนักงาน เขาอยู่กับท้องถิ่นมาก่อน เราก็สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน (ดูเหมือนหนังน้ำเน่านะผมว่า) พอเราไม่มีใครจริงๆ ก็มีแต่พระราชดำรัสอย่างเดียว เหมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ เครื่องชโลมจิตใจ เพราะการที่เราพอเพียง ก็น่าจะมาจากความไม่พอเพียง มากไป น้อยไปจริงๆ อย่างการลงทุนก็ไม่ควรเยอะขนาดนี้ ไปทำซะเยอะก็เป็นภาระหนักหน่วง สิ่งที่น้อยไปก็คือความรู้ ความชำนาญ สามารถของคนในท้องถิ่น

พอมาจับงานโรงแรม ซึ่งเป็นงานสากล เราก็ต้องบริหารความไม่สัมพันธ์ ความไม่ลงตัว เราก็เลยคิดว่า ความพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ ถ้าทำได้ก็สบาย ลงตัวพอดี



นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่เราเผชิญก็เสมือนเป็นแรงกระตุ้น แล้วใช้กระแสพระราชดำรัส มาผนวกกับวิถีชีวิตในชุมชนของคนในท้องถิ่น ในการจัดการ

ตนได้นำหลักพุทธศาสนา ปรัญชาความพอเพียง และความเป็นท้องถิ่นผสมกัน เราไม่ได้วางว่า ที่นี่รับแขก ได้เงิน ได้กำไร แต่เราจะพัฒนาพนักงานให้อยู่ร่วมกันได้ แล้วใช้โจทย์ที่ว่าอยากให้ประเทศเป็นอย่างไร อยากปกครองอย่างไร ให้เป็นประชาธิปไตย เข้าใจวิถีไทย ไม่ใช่พวกมากลากไป ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมันผิด แล้วเรายับยั้งได้อย่างไรล่ะ

ทุกวันนี้ ตนจึงเป็นฝ่ายควบคุม เสมือนตุลาการ หรือเป็นเจ้าคณะจังหวัดในการดูแลองค์กร เหมือนการประชุมสภาฯในประเทศอิหร่าน ที่มีผู้แทนศาสนาคอยคุมอยู่ เพราะพวกมากลากไป อาจขัดกับศีลธรรมอันดีได้ แต่ประเทศเราเองไม่ได้ใช้คุณธรรมกำกับ เรารอให้ชาวบ้านมีประชาธิปไตยก่อน แล้วจึงวางการปกครองที่นี่

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม