ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 02-09-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default



ต้องมีการสร้างเวที พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็น และต้องมีใจรักในความพอเพียงด้วย มิเช่นนั้นก็มีแต่ความเห็น เกิดความวุ่นวาย เอาล่ะ เมื่อคิดตรงนี้ได้แล้ว เราก็ใช้หลักศาสนาพุทธกำกับ ตามด้วยหลักของพระเจ้าอยู่หัว และใช้หลักสมัยใหม่ทั่วไป

เมื่อเรามาย้อนดู หลักศาสนาเราก็มีแล้ว หลักสมัยใหม่ก็ตามๆไปกับกระแส แต่ยังขาดหลักแห่งความพอเพียง เราต้องใช้ 3 หลักดังกล่าวควบคู่กันไป เราใช้ที่นี่เป็นเตาหลอม เมื่อได้ความรู้ ได้วิชาติดตัวไป ก็ออกไปประกอบอาชีพได้ เราเองก็ใช้การให้บริการลูกค้าเป็นเครื่องมือควบคู่ไปด้วยเช่นกัน เพราะการที่หลายๆคนเข้ามาใช้บริการ เราก็บอกว่าเป็นเสมือนบ้าน เป็นพี่เป็นน้อง



ความรู้ที่ไม่ได้มีสอนในหลักสูตร MBA

เรามาจากหนี้เยอะมาก เมื่อทำอย่างนี้ก็ต้องแก้ไขไปด้วย เราอยู่กับความไม่ลงตัว เราต้องบริหารจัดการอยู่ตลอดเวลา ต้องวางโครงสร้างใหม่ เริ่มธุรกิจจากทุนนิยมจ๋าก็ไม่ดี ต้องเดินทางสายกลาง ใช้ความรู้ไปพร้อมกับคุณธรรม และเริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ ทำเป็นบันไดคุณธรรม โดยเริ่มจากการเป็นผู้ให้ จากธุรกิจเพื่อตัวเองก็เปลี่ยนเพื่อคนอื่นบ้าง อย่างเรื่องความรู้ ก็ต้องเป็นการรู้เขา รู้เรา รู้สถานการณ์ ซึ่งชาวบ้านไม่รู้อีกหลายเรื่องจากที่เราได้ศึกษามา

"ถ้าจะทำได้ก็ต้องเกิดจากให้ก่อน แต่เราต้องเชื่อในเรื่องของการให้ก่อน ให้แล้วมีผล ไม่ใช่ให้แล้วได้อะไร(วะ) เมื่อเราไม่โกรธเจ้าหนี้ เราขอบคุณเขา ทำที่นี่ให้เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ เริ่มต้นจากเรื่องกิน ใช้เกษตรอินทรีย์ ไม่ฆ่าดิน ฆ่าน้ำ ไม่ใช้สารเคมี ต่อมาก็คือเรื่องของการอยู่ ที่เราต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ดูแลดิน น้ำ ป่า ต่อด้วยเรื่องของการใช้ การจัดการ การปกครอง บำรุงสิ่งที่เหนือกว่า คือไม่ทิ้งวัด เพราะวัดเป็นใช้เป็นที่สะสมความมั่งคั่ง แต่ตอนนี้การคิดถึงคนที่สูงกว่า ก็เป็นกิจกรรมในองค์กรไปเสียแล้ว ขณะเดียวกันความกตัญญูรู้คุณก็หายไปด้วย เพราะสิ่งที่กล่าวมาหลักสูตร MBA ไม่มีสอน"

แต่ก่อนเรียนรู้แต่การโรงแรม แต่พอศึกษาเรื่องของความพอเพียงมากๆ เราก็มาดูว่าทุกอย่างต้องเริ่มจากหนึ่งเสมอ นั่นก็คือ ความศรัทธา ตามด้วยวิริยะ คือขยัน และอีกหลายข้อ ปัญญาอยู่สุดท้าย แต่ก่อนจะเกิดปัญหา ก็มีกระบวนการที่นำไปสู่การเกิดปัญญา (เอ่อ...ที่เราทำนี่แหละใช่แล้ว) แต่ต้องมีอาจารย์ดีนะ นั่นก็คือกัลยาณมิตร เรามีเพื่อน ครอบครัว มีตัวอย่างเยอะมาก มีมืออาชีพก็เข้ามาช่วยเราได้ เพราะฉะนั้นเราก็รอด ที่รอดมาได้ ไม่ใช่ด้วยตัวของเราเพียงอย่างเดียว



รัฐบาลขานรับแนวคิดธุรกิจแบบ "ชุมพร คาบาน่า" มากน้อยแค่ไหน

ถ้าพูดถึงในแง่ของเศรษฐศาสตร์ จะมีคำว่าธุรกิจตาโต กับเศรษฐกิจหลังเขา แต่คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้สุดโต่งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ตนมองว่า เศรษฐกิจแบบประชานิยม เป็นเศรษฐกิจตาโต ซึ่งดีระยะสั้น ไม่ยั่งยืน แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ไม่ตัดสินใจ ไม่ฟันดาบ อนุรักษ์นิยมเกินไป ก็เป็นเศรษฐกิจแบบหลังเขา ซึ่งก็ใช้ไม่ได้อีกเช่นกัน

ฉะนั้นคำว่าพอเพียงคือ เราต้องยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้ก่อน ต้องมั่นคง ใช่ว่าพึ่งปัจจัยภายนอกอยู่ตลอด ขั้นก้าวหน้าก็อย่าลืมเรื่องทะนุบำรุงสิ่งที่เหนือกว่า และดูแลคนที่ด้วยกว่า สังคมแบบนี้ก็จะเป็นสังคมที่สงบสุข มากกว่าสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่ง หลังเขาก็ปิดประเทศ ไม่คบกับใครเลย ก็แย่นะ เราเป็นประเทศที่เชื่อต่อได้ มีทะเล มีภูมิประเทศ ในทางกลับกันถ้าเราตาโตไปเลย หรือหัวก้าวหน้าอย่างเดียว ก็น่ากลัว ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าบางนโยบายน่ากลัว เพราะล่อแหลม

เมื่อถามย้ำ เพราะฉะนั้นคุณจ๋องกำลังจะบอกว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ออกแนวตาโต? (หัวเราะ) ก่อนจะบอกว่า เศรษฐกิจตาโตตรงกับกิเลสคน เร็ว ง่าย ถูกใจคนส่วนใหญ่ หลังเขาก็มีแค่ส่วนน้อย ส่วนเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองคนก็ไม่เอา ก็จะเหนื่อยหน่อยในช่วงแรก


เมื่อเป็นประชานิยมมากเกินไป ก็ควรจะดึงไว้บ้าง

เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ดีที่สุด คนไม่ได้รักทั้งประเทศ แต่ก็มีคนที่มายึดหลักสายกลางอยู่บ้าง ไม่ถึงครึ่งก็ได้ แต่ขอแค่ 1 ใน 4 (ก็พอล่ะวะ) อย่างน้อยคนไทยส่วนหนึ่งยังให้ความสำคัญกับคำว่า "ความพอเพียง"

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม