ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 06-09-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,397
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


บุกจับผู้ใหญ่บ้านแสมสาร จ.ชลบุรี คุมงานก่อสร้างรุกพื้นที่ทะเลกว่า 4 ไร่ พบนำรถใหญ่ติดสติกเกอร์ "ไร่ภูพญากรุ๊ป" เข้าทำงาน



ศูนย์ข่าว?ศรีราชา -? บุกจับผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี คุมงานก่อสร้างรุกพื้นที่ทะเลเนื้อที่กว่า 4 ไร่ มีรถแบ็กโฮ และรถบรรทุกหลายคันติดสติกเกอร์ "ไร่ภูพญากรุ๊ป" เข้าขุดปรับและถมดิน คาดทำแลมป์ขึ้นลงเรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตนเอง ตำรวจเร่งขยายผลเป็นเจ้าของที่เองด้วยหรือไม่

วานนี้ (4 ก.ย.)? นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้ นายชูศักดิ์ นันทิธัญญธาดา ปลัดอาวุโส รักษาการแทนนายอำเภอสัตหีบ และนายนิเวศน์ กุศล ปลัดฝ่ายความมั่นคง นำกำลังร่วมเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กรมเจ้าท่า ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่กองอสังหาริมทรัพย์ฐานทัพเรือสัตหีบ และ อบต.แสมสาร ลงพื้นที่ตรวจสอบด้านหลังรีสอร์ตในพื้นที่ ม.1 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ชายทะเลเพื่อดำเนินการก่อสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

จากการตรวจสอบพบทั้งรถแบ็กโฮ และรถบรรทุกจำนวนหลายคันติดสติกเกอร์ ?ไร่ภูพญากรุ๊ป? ที่หน้ารถที่กำลังทำการขุด ปรับ และถมดินในทะเลบนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เพื่อก่อสร้างทางเดินหน้ากว้าง 4 เมตร และเขื่อนหินกั้นพื้นที่ซ้ายขวาเป็นทางยาวลงไปในทะเล ประมาณ 135 เมตร โดยมีผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งกำลังยืนควบคุมงาน

โดยหลังจากที่หน่วยงานที่ร่วมกันลงพื้นที่ได้สั่งการให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวยุติการทำงานในทันทีแล้ว นายณัฐพงศ์ พิทักษ์กรณ์ ผู้ใหญ่บ้าน ต.แสมสาร ม.1 ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินทางราชการ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.กมล อัปการัตน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.สัตหีบ

เพื่อให้ดำเนินคดี นายอภิชาติ อร่ามรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ต.แสมสาร ม.3 ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างดในความผิดฐาน "บุกรุกที่สาธารณะ" ส่วนจะมีความผิดหรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณด้วยหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง

และหากพบว่ามีความผิดหรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานดังกล่าวจะดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมโดยไม่มีข้อยกเว้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดการก่อสร้างขนาดใหญ่ในพื้นที่ทะเลแสมสารเช่นนี้จึงสามารถดำเนินการมาได้ในโดยไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่เข้ามาท้วงติง หรือตรวจสอบ และยังได้รับรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวในพื้นที่อีกว่า การดำเนินการในครั้งนี้น่าจะเป็นการถมพื้นที่หาดทรายและแลมป์ หรือทางขึ้นลงเรือเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของตนเอง


https://mgronline.com/local/detail/9660000079868


******************************************************************************************************


แห่ชื่นชม! ชาวเกาะมุกด์ร่วมใจกันช่วยชีวิต "ไอ้ลาย" พะยูนเพศผู้เกยตื้น คืนสู่ทะเลปลอดภัย



ตรัง - ชื่นชมชาวบ้านเกาะมุกด์ อ.กันตัง จ.ตรัง ที่ร่วมใจกันช่วยชีวิต "ไอ้ลาย" พะยูนเพศผู้ ที่หนักถึง 300 กก. ขณะกำลังเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดของหมู่บ้าน จนสามารถนำกลับคืนสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย

ชาวบ้านเกาะมุกด์ หมู่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ได้ถ่ายคลิปวิดีโอพะยูน สัตว์อนุรักษ์คู่จังหวัดตรัง แบบตัวเป็นๆ อย่างชัดเจน และสุดน่ารัก ความยาวประมาณ 5 นาที ขณะที่ชาวบ้านเกาะมุกด์ประมาณ 10 คน พยายามเร่งหาวิธีช่วยชีวิต "ไอ้ลาย" พะยูนเพศผู้ น้ำหนักประมาณ 300 กก. ยาวประมาณ 3 เมตร ที่กำลังนอนเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดของหมู่บ้าน

ทั้งนี้ เนื่องจากพะยูนเพศผู้ตัวนี้มีรอยแผลเป็นลักษณะขีดข่วนจากการต่อสู้กับตัวอื่นมาที่บริเวณแผ่นหลัง ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า "ไอ้ลาย" และเป็นพะยูนตัวที่อาศัยหากินหญ้าทะเลอยูในบริเวณทะเลหน้าเกาะมุกด์ รวมทั้งที่สะพานเป็นถิ่นประจำ ซึ่งมีหญ้าทะเลอาหารของพะยูนอุดมสมบูรณ์ ทำให้นักท่องเที่ยวพบเห็นได้ทุกวัน คุ้นเคยกับคนและเรือ จนเป็นที่รักและหวงแหนของชาวบ้าน ร่วมกันดูแลสอดส่อง

แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง โดยเชื่อว่าเมื่อน้ำทะเลขึ้นสูง ไอ้ลาย หากินหญ้าทะเลไปเรื่อยๆ แต่พอน้ำทะเลลดลง พะยูนเพศผู้ตัวนี้กลับกินหญ้าจนเพลิน ลงกลับตามน้ำทะเลไม่ทัน เป็นผลทำให้เกยตื้น โชคดีที่ชาวบ้านในหมู่บ้านเกาะมุกด์ไปพบเห็น จึงได้พยายามช่วยกันนำไอ้ลายลงกลับคืนสู่ทะเลอย่างทุลักทุเลด้วยความปลอดภัย

ทั้งนี้ ผู้คนที่เห็นคลิปดังกล่าวซึ่งมีการแชร์กันบนโลกออนไลน์ ต่างชื่นชมชาวบ้านเกาะมุกด์ ที่รู้วิธีการช่วยเหลือพะยูนเกยตื้น ด้วยการไม่ลาก ไม่ยกหาง ไม่ดึงครีบ แต่พยายามหาอุปกรณ์มาช่วย คือการนำอุปกรณ์ หรือวัสดุมารองตัวของพะยูน ซึ่งคือสแลนกันแดด และใช้วิธีตักน้ำราดรดตัวพะยูนตลอดเวลาเพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น

จากนั้นพยายามให้ไอ้ลาย เข้าไปอยู่ในสแลนดังกล่าว โดยที่พะยูนเพศผู้ตัวนี้ไม่ดิ้นรนมากนัก เพราะคงรับรู้ว่าชาวบ้านกำลังช่วยชีวิต และปกติคุ้นชินกับคนอยู่แล้ว จนสามารถหามนำไอ้ลายไปปล่อยลงทะเลได้อย่างปลอดภัย ซึ่งวิธีการช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นนั้น เป็นวิธีที่ชาวบ้านที่อยู่กับทะเล และอยู่กับพะยูน ได้เรียนรู้จากเจ้าหน้าที่ที่เข้าให้การช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นในท้องทะเลตรังบ่อยครั้ง ทำให้ทุกคนที่เห็นคลิปดังกล่าวเข้าไปแสดงความชื่นชมชาวบ้านเกาะมุกด์เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านเกาะมุกด์ นอกจากไอ้ลายแล้ว ขณะนี้ยังมีพะยูนเข้ามาอาศัยอยู่เป็นประจำเพิ่มขึ้น รวมแล้วประมาณ 4-5 ตัว ทำให้ชาวบ้านต้องช่วยกันดูแล และสอดส่องพะยูน เพราะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวเกาะมุกด์มากยิ่งขึ้นด้วย โดยชาวบ้านต่างช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งการรักษาหญ้าทะเล อาหารของพะยูน การไม่วางอวนจับสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งที่พะยูนหากิน

นอกจากนั้น ยังมีการงดการใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายกับพะยูน การระมัดระวังในการเดินเรือ การวางทุ่นกำหนดเขตเดินเรือ รวมทั้งการเก็บขยะ การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลให้มากขึ้น รวมทั้งช่วยกันตรวจตราเรือประมงไม่ให้เข้าไปหากินใกล้แหล่งพะยูน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวเกาะมุกด์ เพื่อไปดูพะยูน สร้างรายได้เข้าพื้นที่เป็นจำนวนมาก


https://mgronline.com/south/detail/9660000079998


******************************************************************************************************


กรมอนามัยเฝ้าระวังผลกระทบน้ำมันรั่ว ขอชาวประมงงดจับสัตว์น้ำรอบจุดเกิดเหตุ

กรมอนามัยส่งทีมเฝ้าระวังน้ำมันดิบทุ่นเทียบเรือรั่ว ยังไม่พบคราบที่ชายฝั่ง รอผลตรวจคุณภาพน้ำทะเล เฝ้าระวังโลหะหนักปนเปื้อนในตลาดอาหารทะเล ย้ำชาวประมงเลี่ยงจับสัตว์น้ำบริเวณเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวเลี่ยงลงน้ำพื้นที่ตรวจพบคราบน้ำมัน



เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีน้ำมันดิบจากทุ่นเทียบเรือ รั่วไหลลงทะเล เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ได้มอบหมายให้กองอนามัยฉุกเฉินติดตามสถานการณ์ พร้อมให้ทีมปฏิบัติการด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชลบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานในพื้นที่ ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ เฝ้าระวังการปนเปื้อนสารโลหะหนักจากน้ำมัน เช่น สถานที่จำหน่ายอาหาร ตลาดสด-อาหารทะเล บริเวณใกล้เคียง เพื่อลดความเสี่ยง ควบคุม กำกับ จัดการด้านสุขาภิบาลอาหารสุขลักษณะของผู้ประกอบการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข และเร่งสื่อสารประชาชนในการเลือกซื้ออาหารและวัตถุดิบทางทะเลอย่างปลอดภัย

นพ.สุทัศน์ ไชยยศ ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ย. ได้รับแจ้งข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการในการขจัดมลพิษทางน้ำของทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจไม่พบคราบน้ำมันในทะเลและบริเวณชายฝั่ง ทั้งนี้ ต้องรอผลการตรวจคุณภาพน้ำทะเลจากห้องปฏิบัติการของกรมควบคุมมลพิษว่า พบการปนเปื้อนหรือไม่ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารโลหะหนักจากน้ำมันดิบในสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่อาหารได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาวประมง ดังนั้น ระยะนี้ขอให้ชาวประมงควรหลีกเลี่ยงการจับสัตว์น้ำในบริเวณที่ตรวจพบคราบน้ำมัน เพราะสัมผัสสารพิษเข้าสู่ร่างกายในขณะทำงาน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพแบบเฉียบพลันได้ เช่น หายใจลำบาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะผู้มีอาการภูมิแพ้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น หากสัมผัสทางดวงตาและผิวหนังโดยตรง อาจระคายเคือง หรือกระทบเรื้อรังและระยะยาว หากมีความจำเป็นควรสวมถุงมือจับสัตว์ทะเลที่สงสัยว่ามีการปนเปื้อนคราบน้ำมัน

"สำหรับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมทางน้ำในพื้นที่ตรวจพบว่ามีคราบน้ำมันปนเปื้อน เพื่อป้องกันผลกระทบทางสุขภาพจากการสัมผัสสารพิษโลหะหนัก ควรสังเกตลักษณะของอาหารทะเล หากพบความผิดปกติมีการปนเปื้อนคราบน้ำมัน ควรหลีกเลี่ยงการซื้อมารับประทาน และติดตามข้อมูลสถานการณ์การจัดการคราบน้ำมันและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวในการรับประทานอาหารที่ปลอดภัย จากร้านอาหารหรือสารประกอบการที่ได้มาตรฐาน" นพ.สุทัศน์ กล่าว


https://mgronline.com/qol/detail/9660000080167

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม