ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 01-09-2009
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default


"ปะการังเทียม"ฟื้นฟูทะเลไทย สร้างรายได้ประมงพื้นบ้าน (สกู๊ปแนวหน้า)



สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทรงมีพระราชเสาวนีย์ในหลายโอกาสให้สร้างแนวปะการังเทียมเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เนื่องจากในหลายพื้นที่ที่สร้างแนวปะการังเทียม พบว่ามีปริมาณสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น ระบบนิเวศในท้องทะเลดีขึ้น ชาวประมงก็มีรายได้เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา โดยทรงย้ำในเรื่องนี้อีกครั้งว่า...

"ปะการังเทียมนั้นใช้ได้ผลจริงๆ ควรสร้างปะการังเทียมเพิ่ม"

ข้อมูลจาก โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงสนองพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ท่าน โดยสั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจัดทำโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชาย ฝั่งทะเลไทย และวางแนวปะการังเทียมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา



และหนึ่งในพื้นที่วางปะการังเทียมครั้งนี้ คือชายฝั่งทะเลปัตตานี โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาเป็นประธานเปิดโครงการด้วยตัวเอง

นายวิชาญ ทวิชัย อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า เมื่อแนวปะการังตามธรรมชาติถูกทำลาย ก็เหมือนที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ของสัตว์น้ำลดลง ปริมาณสัตว์น้ำก็ลดตาม การสร้างแนวปะการังเทียมจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ทำหน้าที่คล้ายแนวหินหรือแนวปะการังตามธรรมชาติ ซึ่งยอมรับกันว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการอนุรักษ์ทรัพยา กรทางทะเล โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดเล็กไม่ให้ถูกจับถูกล่าไปก่อน และสามารถดึงดูดสัตว์น้ำนานาชนิดให้เข้ามาอยู่อาศัย หาอาหาร สืบพันธุ์ ตลอดจนสามารถพัฒนาเป็นแหล่งประมงสำหรับทำประมงขนาดเล็กและประมงในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย

"ประโยชน์ของปะการังเทียมมีหลายด้าน ได้แก่ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสิ่งมีชีวิตในทะเล โดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตพวกเกาะติด ทำให้เกิดแพลงตอนพืชในมวลน้ำเพิ่มขึ้น ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ และเป็นแหล่งตกปลา ซึ่งผลการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า บริเวณที่มีการวางปะการังเทียมจะมีปริมาณสัตว์น้ำเข้ามาอาศัยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น มากกว่าบริเวณที่ไม่ได้วางแนวปะการังเทียมเป็นจำนวนมาก"



อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวอีกว่า สำหรับการวางแนวปะการังเทียมครั้งนี้ ได้จัดวางปะการังเทียมในพื้นที่ตามแนวพระราชดำริ โดยพื้นที่จัดวางอยู่ในทะเลห่างจากชายฝั่งบ้านตันหยงเปาว์ หมู่ 4 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ประมาณ 5-6 กิโลเมตร บริเวณน้ำลึกประมาณ 8-14 เมตร พื้นทะเลเป็นโคลนปนทราย โดยแท่งปะการังเทียมทำจากซีเมนต์รูปทรงลูกบาศก์โปร่งขนาด 1.5 คูณ 1.5 คูณ 1.5 เมตร จำนวน 2,135 แท่ง

โครงการจัดวางปะการังเทียมได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2544 ในหลายอำเภอของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น อ.หนองจิก อ.เมือง อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ และ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ช่วยคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล สร้างรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประมงพื้นบ้านได้อย่างยั่งยืน

จากโครงการวางแนวปะการังเทียมเมื่อปี 2545 ในพื้นที่ จ.ปัตตานี พบว่า บริเวณปะการังเทียมมีสัตว์น้ำเข้ามาอาศัยมากขึ้น ได้แก่ ปลาสลิดหิน ปลาอมไข่ ปลาดุกทะเล ปลากะรัง ปลากะพงข้างปาน ปลากะพงแดง ปลาสีกุน และปูม้า ซึ่งจากการศึกษาด้วยเครื่องมืออวนจมกุ้งในอดีต พบว่าจำนวนชนิดสัตว์น้ำที่จับได้ด้วยอวนจมกุ้งมีทั้งหมด 17 ชนิด และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในปีถัดมา คือสามารถจับสัตว์น้ำได้ทั้งหมด 33 ชนิด ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่า ปะการังเทียมสามารถเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำได้จริง



นายสุไลมาน ทิพย์ยอแล๊ะ รองประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านรูสะมิแล ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ปัจจุบันการทำมาหากินของกลุ่มชาวบ้านที่เป็นประมงพื้นบ้าน ต้องยอมรับว่าทำมาหากินได้ยากขึ้น เนื่องจากทรัพยากรทางทะเลจำพวกสัตว์ทะเลที่เคยจับไปขายเพื่อเลี้ยงชีพมีปริมาณลดน้อยลงกว่าในอดีตมาก การทำมาหากินของชาวประมงค่อนข้างฝืดเคีอง ประกอบกับรายจ่ายในการออกเรือเพื่อทำประมงแต่ละครั้งค่อนข้างสูง ซ้ำเมื่อออกเรือก็จับสัตว์น้ำได้ไม่คุ้ม ต้องออกไปไกลฝั่งมากๆ จึงจะได้

"ในอดีตกลุ่มประมงพื้นบ้านไม่ได้ออกไปจับปลาไกลมากเหมือนทุกวันนี้ เมื่อก่อน ออกไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็สามารถทอดแหหรือตกปลาเอาไปขายได้วันละ 300-500 บาทแล้ว ชาวบ้านก็อยู่ได้ เพราะต้นทุนการทำประมงน้อยมาก แต่ปัจจุปันชาวประมงต้องขับเรือออกไปกว่า 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 40 นาที หนำซ้ำยังจับปลาได้น้อยกว่าในอดีตมาก ไหนจะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันที่ใช้เติมเรือที่มากขึ้น ราคาน้ำมันก็แพง แต่ราคาปลาทะเลที่จับมาได้กลับไม่ได้สูงเหมือนต้นทุน วันนี้ออกเรือไปหาปลาแต่ละครั้งใช้ต้นทุน 400-500 บาท หาปลาได้น้อยลงทำให้ชาวประมงหลายรายต้องหยุดออกเรือ แล้วไปทำงานรับจ้างอย่างอื่นแทน" รองประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านรูสะมิแล บอก

นายสุไลมานกล่าวอีกว่า หลังจากรู้ว่าจะมีโครงการวางแนวปะการังเทียมในพื้นที่ก็รู้สึกดีใจ เพราะเคยทราบจากเครือข่ายประมงในพื้นที่ อ.สายบุรี ที่เคยมีโครงการวางแนวปะการังเทียมมาก่อนว่า ให้หลัง 1 ปี สัตวน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับปลาและทำมาหากินได้ตามปกติ มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงคิดว่าหากมีการวางแนวปะการังเทียมขึ้นในพื้นที่เขต อ.เมืองและ อ.หนองจิก จะทำให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ดีขึ้น

"ชาวประมงพื้นบ้านทุกคนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหาการุณธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมมั่นใจว่าหลังจากนี้ชาวประมงพื้นบ้านจะทำมาหากินได้อย่างปกติสุข" นายสุไลมาน กล่าว

โครงการดีๆ เช่นนี้จะช่วยอนุรักษ์ให้ทะเลปัตตานีอุดมสมบูรณ์ไปชั่วลูกชั่วหลาน...



จาก : แนวหน้า วันที่ 31 สิงหาคม 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม