ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 13-03-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


จับแพร้านอาหารอ่าวสะปำ ขายเมนูเปิบพิสดาร ปลาไหลมอเรย์



ภูเก็ต 12 มี.ค.- เจ้าหน้าที่บุกจับแพร้านอาหาร 2 แห่ง ที่อ่าวสะปำ จ.ภูเก็ต ขายเมนูเปิบพิสดาร ปลาไหลมอเรย์ เจอของกลางปลาสวยงามห้ามครอบครองเพียบ

หลังจากมีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งโพสต์คลิปเมนู "เปิบพิสดาร ปลาไหลมอเรย์" แพร้านอาหารทะเลภายในอ่าวสะปำ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นลักษณะแพกลางทะเล โดยจะรับซื้ออาหารทะเลสด ๆ จากชาวประมงมาประกอบอาหาร และพบว่ามีปลาไหลมอเรย์ รวมอยู่ด้วย โดยในคลิปทางร้านระบุว่า ปลาไหลมอเรย์ สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู โดยเฉพาะนึ่งซีอิ๊วกับทอดกระเทียม จากนั้นนักรีวิวอาหารได้ตกลงซื้อปลาดังกล่าวในราคา 700 บาท เพื่อนำไปทอดกระเทียมและนึ่งซีอิ๊ว โดยในช่วงท้ายคลิป ได้ลองชิมปลาไหลมอเรย์นึ่งซีอิ๊วให้ดู และบอกว่าเนื้อปลาไหลชนิดนี้มีรสชาตินุ่มอร่อยเหมือนปลาเก๋า และปลาหิมะ หลังจากภาพรีวิวเผยแพร่ออกไป ก็เกิดการวิจารณ์เป็นวงกว้าง

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (สทช.10) โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจกรณีมีการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่าแพร้านอาหารทะเลบริเวณอ่าวสะปำ มีการจำหน่ายปลาไหลมอเรย์ ซึ่งเป็นปลาสวยงามตามบัญชี 3 ท้ายประกาศกระทรวงฯ พร้อมจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 2 ราย

ร้านแรก พบของกลาง ปลาผีเสื้อนกกระจิบ 2 ตัว ปลาโนรี 2 ตัว ปลาสิงโต 2 ตัว ปลาวัวส้ม 1 ตัว ปลาไหลมอเรย์ 5 ตัว ส่วนร้านที่ 2 พบของกลางเป็น ปลาสิงโต 1 ตัว ปลาโนรี 2 ตัว ปลาปักเป้าหน้าหมา 1 ตัว โดยแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานฝ่าฝืน ข้อ 11 (8) ห้ามจับหรือครอบครองปลาสวยงามในบัญชี ก่อนที่จะนำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีต่อไป

ปลาไหลมอเรย์ ส่วนใหญ่มีสีสันลวดลายสวยงาม บางชนิดที่มีขนาดเล็ก ยาวไม่เกิน 2 ฟุต อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำกร่อยหรือน้ำจืดได้ นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามาม ไม่ใช่เพื่อการบริโภค

นายสุชาติ รัตนเรืองสี ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดภูเก็ต สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (สทช.10) กล่าวว่า นอกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนว่ายังมีร้านจำหน่ายอาหารทะเลหรือซีฟู้ดอีกหลายแห่งที่มีกระชังเลี้ยงปลาเป็นของตัวเอง แอบลักลอบนำปลาสวยงามมาทำเมนูจำหน่ายให้กับลูกค้า แต่จะไม่มีการระบุชื่อเมนูของปลาสวยงามไว้ในเมนูหลัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถนำมาทำเมนูอาหารได้ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป.


https://tna.mcot.net/region-1132230


******************************************************************************************************


กรม ทช. เผยปลาตายเกยหาดบางแสนหลุดจากเครื่องมือประมง



ชลบุรี 12 มี.ค. ? กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตรวจสอบการตายของปลาที่ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นเกยหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี พบเกิดจากอวนแตก โดยปลาที่ตายเป็นเป็นปลาตะเพียนน้ำเค็มซึ่งขณะนี้เป็นฤดูชุกชุม นอกจากนี้ยังตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล ไม่พบความผิดปกติใดๆ โดยอยู่ในเกณฑ์คุณภาพน้ำทะเลเพื่อการนันทนาการ ขณะนี้เทศบาลเมืองแสนสุขเก็บซากปลาและทำความสะอาดหาดเรียบร้อยแล้ว

นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก (ศวบอ.) สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 รายงานผลการตรวจสอบสาเหตุการตายของปลาที่ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาเกยหาดบางแสน จังหวัดชลบุรีตามที่ได้รับแจ้งจากเทศบาลเมืองแสนสุขเมื่อเวลาประมาณ 17:20 น. พบการขึ้นเกยหาดของปลาทะเลจำนวนมากบริเวณชายหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยพบว่า ปลาที่ตายเป็นปลาชนิดเดียวกันคือ ?ปลาตะเพียนน้ำเค็ม? ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Anodontostoma chacunda มีชื่อเรียกอีกว่า ปลาโคกหรือปลามักคา เป็นปลาน้ำเค็มและน้ำกร่อยชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาหลังเขียว

ทั้งนี้ซากปลาที่เกยหาดมีขนาดใกล้เคียงกันทั้งหมด ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร จึงตรวจสอบข้อมูลจากเครือข่ายอนุรักษ์ ผู้ประกอบการแพปลา และเรือประมงในพื้นที่พบว่า เรือประมงอวนล้อมได้ออกจับปลาปลาตะเพียนน้ำเค็มที่ชุกชุมมากในระยะนี้ ปริมาณที่จับได้มากถึงวันละหลายหมื่นกิโลกรัม โดยขณะทำการประมง อวนที่จับปลาเกิดขาด ทำให้ปลาที่จับได้หลุดลอยและถูกคลื่นลมซัดไปเกยบริเวณชายหาดบางแสน

ต่อมาเทศบาลเมืองแสนสุขได้จัดเก็บซากปลาทั้งหมดออกจากชายหาดบางแสน มีน้ำหนักรวมโดยประมาณ 8,000 กิโลกรัม และทำความสะอาดชายหาดเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ได้ตรวจสอบคุณภาพน้ำเพื่อหาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลคุณภาพน้ำเบื้องต้นจากสถานีตรวจวัดน้ำอัตโนมัติที่ศรีราชาซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้เคียงมากที่สุด (วันที่ 11 มีนาคม 2566 เวลา 17:00 น.) อุณหภูมิ 29.32 องศาเซลเซียส ความเค็ม 31.70 PSU ความอิ่มตัวออกซิเจนละลายในน้ำ 270.30% ความเป็นกรด-ด่าง 8.33 อยู่ในเกณฑ์คุณภาพน้ำทะเลเพื่อการนันทนาการ

สำหรับ "ปลาตะเพียนน้ำเค็ม" เป็นปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ สามารถจำหน่ายได้ในราคา 30-40 บาท/กิโลกรัม ในช่วงนี้มีความชุกชุมมากในพื้นที่ตำบลแสนสุขและใกล้เคียง สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนชายฝั่งจำนวนมาก แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของจังหวัดชลบุรี ทางศวบอ. ได้กำชับเรือประมงให้ทำการประมงด้วยความระมัดระวังเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง.


https://tna.mcot.net/environment-1131990

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม