"นอนไม่หลับ" เป็นเรื่องธรรมดา และผลดีต่อ "สุขภาพจิต" เมื่อคุณ "อดนอน"
เดลิเมล์เปิดเผยผลวิจัยความจำเป็นในการนอนไม่หลับ ของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ว่า อาการนอนไม่หลับอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการก็เป็นไปได้ ด้วยเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการนอนจะทำให้เราเก็บความทรงจำที่เจ็บปวดที่ทำให้เรารู้สึกผิด
จากการทดลองของนักวิจัยพบว่า คนที่ว้าวุ้นใจหรือบอบช้ำทางใจความรู้สึกเหล่านี้จะน้อยลง หากพวกเขายังคงตื่นอยู่หลังจากพบเหตุการณ์สะเทือนใจ
คำอธิบายจากนักประสาทวิทยากล่าวว่านี้เป็นวิวัฒนาการด้านความรู้สึกเพื่อให้บรรพบุรุษของเราดำรงอยู่ได้ โดยการจดจำสถานการณ์อันตรายได้ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต
จากการทดลองชายและหญิงจำนวน 106 คน ของนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ โดยให้ทั้งหมดดูภาพสะเทือนอารมณ์ เช่นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงอุบัติเหตุรถยนต์ และอื่นๆ และถามถึงความรู้สึกหลังจากดูภาพเหตุการเหล่านั้นภายในเวลา 1-9 นาที
หลังจากนั้นอีก 12 ชั่วโมง ได้ให้ผู้ถูกทดลองดูภาพชุดใหม่โดยมีภาพเก่าที่พวกเขาได้ดูก่อนหน้านี้ปะปนอยู่ และถามความรู้สึกหลังจากดูภาพทั้งหมดแล้ว
โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มในจำนวนคนเท่าๆกัน ซึ่งกลุ่มหนึ่งให้นอนตามปกติ อีกกลุ่มให้อดนอน แล้วจึงให้ทั้งสองกลุ่มดูภาพเดิมในตอนเช้าและตอนเย็น
พบว่าผู้ที่ได้นอนหลับจะมีความรู้สึกโศกเศร้าไม่ต่างจากครั้งแรกที่เห็น แต่ผู้ที่ไม่ได้นอนกลับมีความรู้สึกหม่นหมองใจน้อยกว่า
แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้นอนหลับหลังจากพบเรื่องเจ็บปวดหรือเรื่องทำลายจิตใจ จะจดจำความรู้สึกเจ็บปวดได้แม่นยำกว่าผู้ที่อดนอน
ดร.รีเบคก้า สเปนเซอร์ กล่าวว่า การนอนหลับไม่เพียงจะปกป้องความทรงจำเราเท่านั้น มันยังรักษาอารมณ์ที่เรามีระหว่างช่วงเวลาต่างๆไว้อีกด้วย
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าการนอนไม่หลับเป็นสิ่งธรรมดาเมื่อเราต้องพบเจอกับความไม่สบายใจ เพราะสมองไม่ต้องการและอาจเป็นอาการสนองตอบทางชีวภาพที่ดี
ผลการวิจัยตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยา ว่าการจดจำเรื่องพวกนี้มีความสำคัญแก่ผู้ที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ในการเกิดอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม
แต่อย่างไรก็ตามทีมวิจัยเห็นว่าการนอนไม่หลับเป็นสิ่งจำเป็นที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ได้เผชิญมา
ข้อมูลจาก...ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555
__________________
Saaychol
|