ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 31-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


นายกเมืองพัทยาแจงคลิปภาพปล่อยน้ำเสียลงทะเล แท้จริงแค่ตะกอนน้ำค้างท่อ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยา แจงคลิปภาพปล่อยน้ำเสียลงหาดพัทยาที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ แท้จริงแค่ตะกอนน้ำค้างท่อที่ถูกฝนชะลงทะเล ไม่ใช่น้ำเสียตามที่เป็นข่าว ยันระบบบำบัดเมืองพัทยามีประสิทธิภาพ ซ้ำก่อนปล่อยน้ำลงทะเลทุกครั้งยังต้องตรวจวัดค่า BOD ตามมาตรฐานสากล



จากกรณีที่เพจ We love Pattaya ได้แชร์ภาพคลิปท่อบำบัดน้ำเสียเมืองพัทยาที่กำลังปล่อยน้ำเสียจำนวนมากลงสู่ทะเลพัทยา จนทำให้น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวกลายเป็นสีดำไปทั่ว พร้อมระบุข้อความภาษาอังกฤษที่แปลได้ว่า ?ท่อบำบัดน้ำเสียกำลังทำงาน? จนทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างนั้น

วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่าบริเวณที่ถูกระบุในคลิปวิดีโอ คือ อาคารสูบน้ำชายหาดพัทยา ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวอล์กกิ้งสตรีท ย่านพัทยาใต้ และยังพบว่าจุดดังกล่าวเป็นที่ระบายน้ำของเมืองพัทยาที่ได้หยุดปล่อยน้ำลงชายหาดพัทยาไปแล้ว แต่ยังมีคราบน้ำเสียสีดำกระจายอยู่ในวงกว้าง

ขณะที่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยถึงคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ พร้อมระบุว่า เป็นการปล่อยน้ำเสียจำนวนมากลงสู่ทะเลพัทยา ว่าพื้นที่ที่อยู่ในคลิปภาพเป็นสถานีสูบน้ำในระบบบำบัดน้ำเสียของเมืองพัทยา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากทางวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ และเป็นจุดที่ใช้สูบน้ำเสียเพื่อนำไปบำบัด

โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกน้ำจำนวนมากจะเอ่อล้นและไหลระบายลงสู่ทะเล ซึ่งภาพที่เห็นไม่ใช่การระบายน้ำเสียโดยตรง เนื่องจากน้ำเสียทั้งหมดที่ออกมาจากอาคารจะถูกสูบเข้าระบบบำบัดน้ำเสียที่โรงบำบัดน้ำเสียวัดบุญกาญจนาราม และที่โรงบำบัดนำเสียซอยหนองใหญ่

พร้อมยืนยันว่า เมืองพัทยา มีระบบระบายน้ำอยู่ทั่วเมืองและในช่วงก่อนที่จะมีฝนตกลงมาน้ำภายในท่อระบายน้ำได้ถูกสูบเพื่อนำไปบำบัดทั้งหมดแล้ว จะเหลือก็แต่เพียงตะกอนและน้ำเสียตกค้างอยู่บ้างเท่านั้น



"เมื่อฝนตกลงมาอย่างหนักน้ำที่ออกมาจากท่อระบายน้ำก็อาจจะมีความขุ่นดำอยู่บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีฝนตกเมืองพัทยา จะกักน้ำฝนไว้เพื่อให้เกิดความเจือจางของตะกอนแล้วจึงปล่อยลงสู่ทะเล แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มีจำนวนมากจึงเกรงว่าน้ำจะเอ่อล้นท่อหนุนกลับขึ้นไปท่วมบ้านเรือนประชาชน จึงมอบนโยบายให้สำนักช่างสุขาเมืองพัทยา ว่าจะต้องระบายน้ำฝนลงทะเลบ้างแม้สภาพน้ำจะมีความขุ่นดำบ้างก็ตาม"

นายกเมืองพัทยา ยังกล่าวอีกว่า ภาพที่เห็นในคลิปไม่ใช่การระบายน้ำเสียลงสู่ทะเลอย่างแน่นอน เพราะหากเป็นท่อระบายน้ำเสียจริงเมืองพัทยา จะตั้งในพื้นที่สาธารณะได้อย่างไร

ที่สำคัญ เมืองพัทยา ได้มีการตรวจสอบค่า BOD ของน้ำที่ถูกปล่อยลงสู่ทะเลตลอดเวลา ซึ่งจะต้องมีค่า BOD ไม่เกิน 20 ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและส่วนใหญ่จะต้องมีการตรวจสอบค่าก็จะอยู่ที่ 11-13 เท่านั้นซึ่งถือว่ายังอยู่ในมาตรฐาน เช่นเดียวกับระบบระบายน้ำเสียที่ค่า BOD ก็จะต้องต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดจึงจะสามารถปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะ


https://mgronline.com/local/detail/9630000056389


*********************************************************************************************************************************************************


เร่งตรวจยึดขนำบุกรุกสร้างกลางทะเลพื้นที่ชุ่มน้ำ หาลูกหอยวุ่นไม่หยุด ประมงพื้นบ้านเกือบปะทะกำนันคนดัง

สุราษฎร์ธานี - ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าท่า และ ทช. เร่งตรวจยึดขนำหรูที่บุกรุกก่อสร้างกลางทะเลในพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ ในขณะที่บรรยากาศการหาลูกหอยแครงของชาวประมงพื้นบ้านยังวุ่นไม่เลิก วันนี้เกือบมีปะทะกับกลุ่มกำนันคนดังในพื้นที่อำเภอพุนพิน



เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (30 พ.ค.) พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่ชุดพนักงานสอบ พร้อมด้วยนายณัฐพัชร เจ๊ะมะ นักวิชาการขนส่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสุราษฎร์ธานี และนายวิชัย สมรูป ผอ.สนง.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสุราษฎร์ธานี เข้าทำการตรวจยึดขนำหรูสีแดง 2 ชั้น มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ที่ก่อสร้างอยู่กลางทะเลในพื้นที่ชุมน้ำนานาชาติ หรือ พื้นที่อนุรักษ์ ใน ต.บางชนะ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลังจากเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจังหวัดได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีต่อเจ้าของอาคารทั้ง 2 หลัง ในข้อหาบุกรุกและก่อสร้างสิ่งล้วงล้ำลำน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้ง 2 แห่งชาวประมงพื้นบ้านร้องเรียนต่อ พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน แม่ทัพน้อยที่ 4 ที่ลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ในอาคารขู่ทำร้ายและสั่งห้ามลงเก็บลูกหอย ซึ่งทางแม่ทัพน้อยที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจค้นพบอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน และควบคุมชายฉกรรจ์ จำนวน 4 คนไปดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดี



ในขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านจำนวนหลายพันคนยังคงออกทะเลหาลูกหอยแครงในพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีกันอย่างคึกคัก และมีชาวประมงพื้นบ้านนำเรือกว่า 500 ลำเข้าไปจับลูกหอยในพื้นที่ ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน ได้มีนายประเสริฐ ชัญจุกรณ์ กำนันตำบลลีเล็ด พร้อมพวกจำนวนหนึ่งได้นำเรือติดเครื่องขยายเสียงออกมาระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวกว่า 100 ไร่เป็นพื้นที่ของชุมชนได้กันพื้นที่เลี้ยงหอยแครง โดยซื้อลูกหอยมาปล่อย แต่ชาวบ้านไม่เชื่อเกือบมีการปะทะกัน สุดท้ายนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้มอบหมายให้ นายวิชัย สมรูป ผอ.สนง.ทช.สุราษฎร์ธานี เข้าเจรจาให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาข้อยุติ โดยใช้วิธีตรวจสอบว่าใต้น้ำเป็นลูกหอยหรือหอยใหญ่

จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นหอยแครงใหญ่ที่มีขนาด 80-100 ตัวต่อกิโลกรัม นายวิชัย จึงได้ขอร้องให้ชาวประมงถอยออกจากจุดนี้ไปก่อน และขอให้ทางจังหวัดได้ประชุมหาทางออกอีกครั้งในวันจันทร์นี้ ซึ่งทางกลุ่มประมงพื้นบ้านจึงได้ยอมถอนตัวไปจับลูกหอยในพื้นที่ที่ทาง นาวาเอกวศากร สุนทรนันท์ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.) ได้เปิดพื้นที่บริเวณขนำสีแดงในพื้นที่ตำบลลีเล็ด


https://mgronline.com/south/detail/9630000056393

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม