ดูแบบคำตอบเดียว
  #90  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default


คม ชัด ลึก
3-7-15


นายกฯประมงนอกน่านน้ำ แจงปมปัญหาไอยูยู-เรือล้นระบบ



กรณีเรือประมงเข้าจอดฝั่ง ไม่ออกทำประมง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังจากครบกำหนดที่รัฐบาลขีดเส้นต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามไอยูยู หรือ "การทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและการควบคุม" ที่สหภาพยุโรป หรืออียู แจกใบเหลืองต่อประเทศไทย ซึ่งมีเรือประมงเข้าจอดฝั่งประมาณ 3,000 ลำ ทั้งที่รัฐบาลให้เวลา 3 เดือนก่อนถึงกำหนดใช้มาตรการเข้มงวดจับกุม 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จึงมีคำถามว่าชาวประมงมีข้อจำกัดหรือมีอุปสรรคด้านใดถึงไม่สามารถทำตามกฎระเบียบได้ และการจอดเรือครั้งใหญ่ครั้งนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภคอย่างไร
"อภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์" นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ในฐานะฝ่ายผู้ประกอบการ ได้คลี่ข้อสงสัยตลอดจนชี้แจงถึงปัญหาของชาวประมง ในรายการ "ชั่วโมงที่ 26" ทางช่องนาว 26 คืนวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม ดำเนินรายการโดย อติชาต วงศ์วุฒิวัฒน์ อย่างละเอียดและให้ข้อคิดเห็นแนวทางแก้ปัญหาไว้ด้วย

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีระบุต้องทำตามระเบียบตามที่อียูให้ดำเนินการในกรอบไอยูยู ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อภาพรวมอุตสาหกรรมประมงของประเทศที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท แต่จริงๆ แล้วชาวประมงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ข่าวที่ออกมาว่าชาวประมงออกมาประท้วง ต้องไปดูว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล จริงแล้วไม่มีชาวประทงมาประท้วง ที่ออกมาว่าเป็นพันลำนั้นออกมาสนับสนุนรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาเรื่องไอยูยู ที่ต้องทำให้ถูกต้อง

"แต่ที่ต้องวิ่งเข้าฝั่ง เพราะยังทำไม่ถูกต้อง ซึ่งภาพที่เรือจำนวนมากเข้าฝั่งกลายเป็นมาประท้วง แต่จริงๆ ไม่ใช่ ผิดเรื่องเอกสาร ผิดเรื่องต่างๆ จึงต้องวิ่งกลับเข้ามาเพื่อจัดการให้ถูกต้อง เพราะเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นเดดไลน์ เท่าที่ทราบมีประมาณ 3,000 กว่าลำกลับเข้ามา"

ส่วนคำถามที่ว่าช่วงที่รัฐบาลให้ระยะเวลาเพื่อจัดการทุกอย่างให้ถูกระเบียบทำไมไม่จัดการ อภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ทุกคนพยายามทำแต่รัฐบาลไม่ได้แก้ไขให้ ยกตัวอย่าง 3,000 ลำ แบ่งเป็นสองส่วน บางลำมีอาชญาบัตรแต่เครื่องมือไม่ตรง ตรงนี้ก็ผิดไอยูยู อีกส่วนไม่มีเลยก็ผิดเหมือนกัน ตัวเลข 3,000 ลำ ที่จอดฝั่ง ก่อนหน้านี้กรมประมงเคยออกไปสำรวจ และชาวประมงก็ให้ความร่วมมือและไปสารภาพบาปเลยว่ามีจำนวนเท่านี้

นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ชี้แจงถึงขั้นตอนขออนุญาตทำประมงว่า อาชญาบัตร คือการที่จะไปทำมาหากินในทะเลได้นั้น ทรัพยากรทางทะเลถือเป็นทรัพยากรของชาติ เรือประมงไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ ไม่ใช่จับปลาได้เลย ต่อเรือเสร็จต้องไปที่กรมประมงเพื่อขออาชญาบัตรทำการประมงและเครื่องมือประมงที่มีหลากหลาย โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดเรามีประมงอวนลาก ตรงนี้ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมถึงจะไปทำประมงได้

ดังนั้น ส่วนประกอบหลักของเรือ คือ มีใบอนุญาตใช้เรือ ทะเบียนเรือ และอาชญาบัตรทำประมงและเครื่องมือประมง นี่คือ 3 ตัวหลักที่ต้องมี รวมทั้งผู้ควบคุมเรือ หรือ "ไต้ก๋ง" ก็ต้องไปกรมเจ้าท่าเพื่อขอใบอนุญาตเช่นกัน

"ปัญหานี้เราเคยแจ้งรัฐบาลไปแล้ว แต่รัฐบาลบอกว่าเรือ 3,000 ลำ ทำให้ไม่ได้ ภาครัฐไม่ได้ช่วยชาวประมง ทางภาครัฐก็มีเหตุผล เช่นใบอาชญาบัตรที่เป็นการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยผลสำรวจของกรมประมงพบว่าเราทำประมงแบบโอเวอร์ฟิชชิ่ง คือจับสัตว์น้ำทะเลมากกว่าที่ควรจะทำ พอโอเวอร์แล้วก็เลยจะมาออกให้เรือ 3,000 ลำ ไม่ได้ จากนั้นก็มีการนั่งคุยกัน ทางชาวประมงก็ถามภาครัฐว่าเรือประมงในประเทศมีกี่ลำ ตรงนี้ก็เป็นคำถามมาสิบปีแล้ว ไม่มีใครตอบได้ พอมีศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) แต่ปรากฏว่ากรมประมงก็มีตัวเลขหนึ่ง กรมเจ้าท่าก็มีอีกตัวเลขหนึ่ง ต่างกันเป็นหมื่นลำ" อภิสิทธิ์ กล่าวถึงปมปัญหา และว่า เคยถามภาครัฐว่าจะทำไงกับ 3,000 กว่าลำนี้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ แต่เห็นว่ารัฐบาลจะเยียวยา แต่ถามว่าทำไมไม่คิดก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังดีวันนี้คิดได้ก็อาจจะมีทางออก

อภิสิทธิ์ เห็นว่า ช่วงเวลาในการทำให้ถูกต้องตามระเบียบ ให้เร็วที่สุดต้องประมาณ 2 อาทิตย์ถึงหนึ่งเดือน แต่เรือประมงก็อาจออกไม่ได้อยู่ดี เพราะศูนย์วันสต๊อปเซอร์วิสของแรงงานก็ปิดไปเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว เพราะแม้เรือประมงจะมีอาชญาบัตร ใบอนุญาต เครื่องวิทยุและอุปกรณ์วีพีเอส ไต้ก๋ง ถูกต้องแต่ไม่มีลูกเรือ ถามว่าจะออกเรือได้อย่างไร

"คือลูกเรือไม่ได้อยู่กับเราเหมือนโรงงานหรืออาชีพอื่น ลูกเรือประมงพอลงเรือบางทีก็เบื่อไปทำโรงงาน เรือลำหนึ่งใช้ลูกเรือประมาณ 30-40 คน และเราต้องจ่ายล่วงหน้าให้ก่อนคนละหมื่นก็เป็นต้นทุนไปแล้ว 3-4 แสนบาท และศูนย์วันสต๊อปเซอร์วิสปิดอีก 3 เดือน จะไปเอาแรงงานประมงที่ไหน ขอยกตัวอย่าง เรือลำนึงมีลูกเรือ 30 คน พอนัดแรงงานที่ถูกกฎหมายออกเรือ แต่ปรากฏมาไม่ครบ ก็ต้องไปหาแรงงานอื่นที่ไหนก็ได้ ที่อาจยังไม่มีใบอนุญาตทำงานถูกกฎหมายเอามาทำงานก่อน ตรงนี้ก็ผิดแล้ว ซึ่งแรงงานก็อยู่ใน ศปมผ.ด้วย และเราเคยบอกถึงปัญหาให้ทราบก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาเอาอย่างนี้เปิด 3 เดือน ปิด 3 เดือน ทั้งที่ควรจะเปิดตลอดปี"

อภิสิทธิ์ ขมวดปมปัญหาว่า มีสองเรื่องหลัก คือแรงงานประมงและการออกใบอนุญาตทำประมง โดยเฉพาะเรื่องการจัดทรัพยากรทางทะเลไม่ให้โอเวอร์ฟิชชิ่ง ที่มีปัญหาเรื่องข้อมูลของภาคราชการกับภาคเอกชนที่ไม่รับตรงนี้ การจัดการบริหารทางทะเลทางกรมประมงมีนักวิชาการไปทำสำรวจข้อมูลมีทรัพยากรเท่าไหร่ แต่พอตัวเลขวิชาการที่เรืออวนลากจับปลาได้กำหนดชั่วโมงละ 24 กิโลกรัม พอมีตัวเลขนี้ก็มีปัญหากับเรือประมง

"คุณไม่ต้องมาบังคับหรอก จอดเรือโดยอัตโนมัติ เพราะตัวเลขนี้เห็นๆ ว่าขาดทุนแน่นอน แรงงาน 30 คน ค่าจ้างวันละเท่าไหร่ ค่าน้ำมันอีก จับปลาแค่นี้ไม่คุ้มทุนแน่"

ส่วนการยึดตัวเลขภาครัฐดังกล่าวกับจำนวนเรือประมงที่เหมาะสม อภิสิทธิ์ ระบุว่า นอกเหนือจากเรือที่มีอาชญาบัตรถูกต้องแล้ว ในส่วนที่จอดอีก 3,000 ลำ คงต้องออกจากระบบ ทางเราก็มีคุยกันมีแนวคิดเปลี่ยนเครื่องมือประมงดีไหม ซึ่งมีเครื่องมือประมงที่ยอมรับกันทั่วโลก เช่น เรือเบ็ด แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา เหมือนเปลี่ยนขับรถไปขับเครื่องบินคนละเรื่องกันเลย อีกหลายคนคิดว่าจับปลาง่ายมากแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เครื่องมือชนิดหนึ่งความชำนาญก็แตกต่างกันแล้ว ต้องใช้ทักษะกว่า 20 ปี

"ก็มีแนวคิดว่าให้ภาครัฐซื้อเรือประมงไป อียูก็แก้ปัญหาแบบนี้ ก่อนที่อียูจะแจกใบเหลือง ทางอียูก็มีปัญหาแบบเดียวกับเรา เมื่อเราลอกแบบมาแต่ลอกไม่หมด รู้หรือไม่อียูต้องใช้งบเท่าไหร่ซื้อเรือออกจากระบบ แล้วให้คนส่วนนั้นไปทำอาชีพอื่น ไปถามอียูเลย ชาวประมงของเราบางส่วนก็ยินดีเพราะอย่างน้อยมีเงินไปทำอาชีพอื่น ส่วนอีกแนวทางหาประเทศอื่นที่ไม่ทำประมง มีทรัพยากรทางทะเลสมบูรณ์ ทำพันธมิตรกัน จับมือกันแบ่งผลประโยชน์"

นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย เสนอว่า กฎระเบียบบางตัวไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เป็นการจัดการในประเทศของเรา ไม่ต้องไปล้อวิธีการของประเทศอื่น ประเทศไทยทำเองได้โดยบนวิถีทางจัดการทรัพยากรทางทะเลแบบยั่งยืน แล้วก็ไม่ผิดสัตยาบันที่เราให้ไว้ในอนุสัญญา 1982 ซึ่งการจะให้ทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องง่าย บางประเทศใช้เวลา 2-5 ปี ที่บอกจะทำภายใน 3 เดือน 6 เดือน มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

"ยกตัวอย่าง เรือมีทุกอย่างครบแล้ว ต้องมีล็อกบุ๊ก ที่ไต้ก๋งต้องลงบันทึก บางทีอียูอาจจะบอกว่าเชื่อถือไม่ได้ ถามว่าจะต้องทำอย่างไรให้เชื่อถือได้ วันนี้อียูใช้ระบบอีล็อกบุ๊ก จับปลาวันนี้ลงบันทึกส่งข้อมูลเข้าศูนย์กลางเลย ผมอยากเสนอรัฐบาลให้ใช้ระบบซีแอลเอสที่บริษัทนี้ไปวางระบบให้อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลี ประเทศพวกนี้หลุดใบเหลืองหมดเลย แก้ง่ายและเร็วที่สุด"

ทิ้งท้ายกับผลกระทบจากเรือประมงกว่า 3,000 ลำ หยุดออกทะเลครั้งนี้ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ระบุว่า อาหารทะเลขึ้นแน่นอน แต่คงขึ้นไม่มากมาย แต่ไม่มีจะขาย ซึ่งการหยุดครั้งนี้เรื่องบริโภคส่วนหนึ่ง แต่หนักที่สุดคืออุตสาหกรรมทางทะเล ถามว่าไม่มีวัตถุดิบจะเอาสินค้าที่ไหนไปส่งออก โจทย์เราคือส่งออก 3.5 หมื่นล้านบาท จะเอามาจากไหน

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม