ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 31-03-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


Red Tide เมื่อการเติบโตของสาหร่าย คร่าชีวิตสัตว์ทะเลนับไม่ถ้วน ....................... โดย กรวิชญ์ มัจฉาธิคุณ

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลให้โลกของเรากำลังแปรปรวนอย่างหนัก เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ เช่น ภัยแล้งที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของไฟป่า การละลายของธารน้ำแข็งในขั้วโลกและกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก นอกจากภัยทางธรรมชาติที่สร้างผลกระทบในวงกว้างหลายประเทศแล้ว ปรากฎการณ์เล็กๆบางอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน


เนื้อหาโดยสรุป

- น้ำทะเลเปลี่ยนสี(Red Tide) หรือ ขี้ปลาวาฬ มีอันตรายที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในปี พ.ศ. 2561 มีนักชีววิทยาเชื่อว่าศพวาฬวัยรุ่นที่เกยตื้นตายบนชายหาด รวมทั้งศพโลมา 9 ตัวนั้นตายเพราะพิษจากการเกิดภาวะน้ำทะเลเปลี่ยนสี

- นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า และมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ระบุในแถลงการณ์ในนาม journal Environmenteal Science & Technology ว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย ซึ่งเราจะควบคุมการเกิดปรากฎการณ์นี้ได้ยากขึ้นหรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย"

- ปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจาก สาหร่ายหรือแพลงก์ตอนพืชที่ตายแล้วจะลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำทำให้พืชและปะการังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทำให้ระดับออกซิเจนในน้ำลดลงส่งผลให้พืชและสัตว์น้ำในบริเวณนั้นตายลงในที่สุด

- เราเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้นที่จะหยุดหายนะเหล่านี้ได้ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดและหยุดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคพลังงาน ภาคอุตสาหกรรม ภาคคมนาคม ลดการบริโภคเนื้อสัตว์จากอุตสาหกรรมปศุสัตว์


น้ำทะเลเปลี่ยนสี(Red Tide) หรือ ขี้ปลาวาฬ ที่คนไทยรู้จักเป็นปรากฎการณ์ที่น้ำทะเลเกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีต่างๆตามสีของสาหร่ายในบริเวณนั้นบางคนอาจจะรู้สึกแปลกตาและเห็นว่าสวยงาม แต่ปรากฎการณ์นี้มีอันตรายที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต โดยคร่าชีวิตสัตว์ทะเลไปมากมาย ในปี พ.ศ. 2561 มีนักชีววิทยาเชื่อว่าศพวาฬวัยรุ่นที่เกยตื้นตายบนชายหาด รวมทั้งศพโลมา 9 ตัวนั้นตายเพราะพิษจากการเกิดภาวะน้ำทะเลเปลี่ยนสีนี้เอง


ภาพปลาตายถูกน้ำพัดขึ้นมาบนชายฝั่งเนื่องจากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในฟลอริด้า เมื่อปี 2561 ? Steve Nesius / Greenpeace

สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์นี้มีอยุ่ด้วยกันสองสาเหตุ คือ เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเกิดจากฝีมือของมนุษย์ ซึ่งมีที่มาจากการทำเกษตร เนื่องจากปุ๋ยที่ใช้ทำการเกษตรนั้นมีฟอสฟอรัสที่เป็นแหล่งอาหารของสาหร่ายอยู่จำนวนมากเมื่อถูกกระแสน้ำพัดพาไปลงสู่ทะเลจึงทำให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของสาหร่าย และอีกปัจจัยหนึ่งที่มาจากการกระทำของมนุษย์คือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ เร่งให้โลกเกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ปรากฎการณ์นี้ไม่เพียงแค่เกิดขึ้นในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในประะเทศไทยก็เกิดปรากกฎการณ์แบบนี้ขึ้นเช่นเดียวกัน ที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่บางแสน อ่าวอุดม อ่างศิลา ถึงศรีราชา โดยมีสาเหตุมาจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนพืช หรือ ไดโนแฟลกเจลเลต จำพวก Noctiluca


มนุษย์เป็น "ตัวเร่ง" ให้เกิดน้ำทะเลเปลี่ยนสีบ่อยมากขึ้น

นักวิจัยของสถาบัน the Environmental Protection Agency ระบุเอาไว้ว่า แน่นอนว่าจากอุณหภูมิโลกและอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมแปรปรวนเป็นตัวเร่งให้เกิดการเติบโตของสาหร่ายมากขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้น มนุษย์เองเป็นก็ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเนื่องจากการปลดปล่อยจากก๊าซเรือนกระจกเนื่องจากกิจกรรมต่างๆที่เราทำ โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า และมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ระบุในแถลงการณ์ในนาม journal Environmenteal Science & Technology ว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย ซึ่งเราจะควบคุมการเกิดปรากฎการณ์นี้ได้ยากขึ้นหรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย"


Red Tide มีส่วนทำให้ระบบนิเวศทางทะเลเสียหาย


สัตว์ทะเลหลายชนิดเช่น เต่าทะเล นกทะเล แมงกะพรุน หรือแม้กระทั่งฉลามก็ได้รับผลกระทบจาก ปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี ที่เกิดขึ้นในฟลอริด้าเมื่อปี 2661 ? Steve Nesius / Greenpeace

ปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจาก สาหร่ายหรือแพลงก์ตอนพืชที่ตายแล้วจะลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำทำให้พืชและปะการังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทำให้ระดับออกซิเจนในน้ำลดลงส่งผลให้พืชและสัตว์น้ำในบริเวณนั้นตายลงในที่สุด เมื่อพืชและสัตว์น้ำตายแล้วซากของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะถูกคลื่นพัดขึ้นมาบนพื้นดินทับถมกันจนเกิดการเน่าเหม็นทำให้เกิดมลพิษทางกลิ่นในปี พ.ศ.2517 เกิดเหตุการณ์น้ำทะเลนอกชายฝั่งฟลอริดาเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองอำพันทำให้ปลาทะเลจำนวนมากเสียชีวิต และในปี 2511 เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นที่แนวชายฝั่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ในประเทศอังกฤษเป็นสาเหตุการตายของนกทะเลจำนวนมาก และไม่นานมานี้ปรากฎการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ อ่าวเตยงาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยเป็นสาหร่ายกลุ่มสีเขียวแกมน้ำเงิน(blue green algae) ชนิด Lyngbya sp. และถ้าหากเกิดมากกว่านี้ อาจทำให้ปริมาณของออกซิเจนลดลงและทำให้สัตว์น้ำตายลงในที่สุด โดยจะพบเหตุการณ์นี้ทุกปี ปีละ2-3ครั้ง


เราจำเป็นต้องชะลอวิกฤตสภาพภูมิอากาศ หยุดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส

ปัจจุบัน คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ชี้แจงไว้ว่าเราควรตั้งเป้าหมายคงอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส การที่มนุษย์ยังเพิกเฉยและปล่อยให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศคือการสร้างหายนะให้กับมนุษย์และระบบนิเวศทั่วโลก

เราเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้นที่จะหยุดหายนะเหล่านี้ได้ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดและหยุดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคพลังงาน ภาคอุตสาหกรรม ภาคคมนาคม ลดการบริโภคเนื้อสัตว์จากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานด้วยการพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องมหาสมุทรของเรา ผ่านการผลักดันสนธิสัญญาทะเลหลวง (Global Ocean Treaty) ที่กรีนพีซ ร่วมกับนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อเสนอให้องค์การสหประชาชาติประกาศรับรองการกำหนดเขตปกป้องมหาสมุทรให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 30 จากพื้นที่มหาสมุทรทั้งหมด โดยตั้งเป้าหมายทำให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อหยุดยั้งและปกป้องระบบนิเวศใต้ท้องทะเล


https://www.greenpeace.org/thailand/...d-tide-impact/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม