ดูแบบคำตอบเดียว
  #24  
เก่า 14-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,331
Default


Love...จุลินทรีย์ EM นี้มีไว้รักษ์



ถ้าขยะกระทงคือควันหลงของการแสดงความเคารพต่อพระแม่คงคา จะดีกว่ามั้ยหากปีนี้ทุกคนจะเปลี่ยนมาใช้ "EM Ball" เพื่อขอให้พระแม่คงคายิ้มได้ และอภัยต่อความผิดพลาดทั้งหลายที่มนุษย์ได้เคยกระทำ

หลายเดือนมานี้คนไทยหลายภาคส่วนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนัก ทั้งแบบที่ "สาหัส" จนถึงกับต้องอพยพไปพึ่ง "ศูนย์พักพิง" และแบบที่พอจะ "เอาอยู่" เลยขอปักหลักเฝ้าดูสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้าน แต่ที่มาพร้อมกับ "มวลน้ำ" เห็นจะเป็น "มวลน้ำใจ" ที่มีปริมาตรใหญ่ไม่แพ้กัน

ประชาชนคนไทยรวมถึงชาวต่างชาติที่มี "จิตอาสา" ต่างเสียสละเวลา เงินทอง รวมถึงแรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายมิติ หนึ่งในนั้นคือการพยายามฟื้นฟูสภาพน้ำที่เน่าเสียจากการท่วมขังและการหมักหมมของขยะปฏิกูลต่างๆ ให้กลับมาคงสภาพ โดยการใช้ตัวช่วยที่เรียกว่า "ลูกบอลจุลินทรีย์" หรือ EM Ball

ทำไมต้องเป็นลูกบอลจุลินทรีย์ แล้ว EM Ball คืออะไร จะช่วยแก้ปัญหาน้ำเน่าได้แค่ไหน วีรณัฐ โรจนประภา เจ้าของ "บ้านอารีย์" ซึ่งเป็นจิตอาสากลุ่มแรกๆ ที่คิดถึงการใช้ลูกบอลจุลินทรีย์ในการบำบัดน้ำเสีย มีคำตอบ

"ตอนนี้มันจะคล้ายๆผงซักฟอกกับแฟ๊บ หรือผ้าอนามัยกับโกเต็ก คือ EM Ball จริงๆ เป็นประเภทหนึ่งของ EM ไม่ใช่ทั้งหมด"

เจ้าของบ้านอารีย์ อธิบายต่อว่า EM ที่ย่อมาจาก Effective Microorganism เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีคุณสมบัติในการบำบัดสิ่งปฏิกูล ไม่ว่าจะในบ่อกุ้ง บ่อปลา โถสุขภัณฑ์ ในน้ำขัง น้ำนิ่ง น้ำไหล ซึ่งแต่ละจุดดังกล่าวต้องใช้ EM ที่มีสูตรต่างกันออกไป โดยลูกบอลจุลินทรีย์เป็นสูตรหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อการบำบัดน้ำเสียในแหล่งน้ำที่ท่วมขัง ส่วนที่ทำเป็นรูปทรงลูกบอลก็เพื่อความสะดวกในการใช้ สามารถโยนลงไปตามจุดต่างๆ ที่ต้องการได้ เมื่อลูกบอลจมน้ำไปแล้วก็จะทำงานตามขั้นตอนของมัน

"พอเราโยนลงไปจุลินทรีย์ชนิดดีเหล่านี้ก็จะไปสู้กับอินทรีย์ที่ทำให้เกิดน้ำเน่า แล้วก็ชักชวนเพื่อนๆจุลินทรีย์ที่มีจำนวนล้านตัว เพิ่มเป็นพันล้านตัว ถ้ามันขยายตัวเยอะๆ ก็จะชนะอินทรีย์ ทำให้น้ำเริ่มมีกลิ่นที่ดีขึ้น"

สำหรับลูกบอลจุลินทรีย์ เป็นจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ที่เกิดจากการค้นคว้าวิจัยของ ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่วนประกอบหลักของลูกบอล EM นี้ คือ ดินสมบูรณ์(หรือทรายละเอียด) รำละเอียด รำหยาบ(หรือแกลบ) กากน้ำตาล น้ำสะอาด และหัวเชื้อจุลินทรีย์

เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมดนี้มาคลุกรวมกันและปั้นจนเป็นก้อนกลมแข็งขนาดราวลูกเทนนิส ทิ้งไว้ในเวลาที่เหมาะสมแล้วนำไปโยนในแหล่งน้ำเน่าเสีย ก็จะทำให้แหล่งน้ำนั้นๆได้รับการบำบัดจนค่อยๆดีขึ้นในที่สุด


-------------------------------


คุณสมบัติน่ารักน่าคบแบบนี้ หากจะนำ EM Ball มาเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมขอขมา "น้ำ" ก็คงจะเป็นประโยชน์กว่าการเพิ่มจำนวนขยะให้กับแม่น้ำลำคลอง

"ผมว่าเป็นความคิดที่ดีนะ ลอยกระทง ขยะมันเยอะ เราก็บูรณาการไปเลย ไม่มีขยะด้วย แล้วก็รู้สึกว่า มีส่วนร่วมในประเพณีลอยกระทง เพียงแต่เราอาจจะต้องมาประยุกต์สักหน่อย...ผมกำลังนึกถึงว่า จะเอาภาชนะอะไรมาแทน อืม...กะลามะพร้าวเจาะรูเหมือนที่เขาตีไก่ แล้วเอาลูก EM วางไว้ เจาะรูให้น้ำเข้าไป แต่ต้องให้มันเข้าเร็วเหมือนกัน เพราะถ้า EM แช่น้ำนานๆ จะเปื่อย ต้องเจาะรูใหญ่หน่อย อย่างน้อยให้ลอยนิดหนึ่ง สักครึ่งนาที นาทีหนึ่ง แล้วค่อยจม ไม่งั้นมันจะไม่ได้ประสิทธิภาพ" วีรณัฐ พยายามคิดไอเดียกระทงจุลินทรีย์

ส่วน เก่ง - สุณิชา สู่ศิริ นักวิชาการขนส่ง กรมการบินพลเรือน จิตอาสาที่มาช่วยปั้นลูกบอลจุลินทรีย์ในงาน "ย่านราชประสงค์ รวมพลคน Do D ปั้นน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม" ณ ลานกิจกรรม event hall ชั้น 1 ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า บอกว่า เคยเข้ารับการอบรมเรื่องการผลิตน้ำ EM สำหรับใช้ในบ้านเรือนมา จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ประสิทธิภาพของ EM นี้ จะสามารถบำบัดน้ำเสียให้ดีขึ้นได้จริง

"คิดว่าถ้าเป็นน้ำนิ่งๆ น่าจะช่วยได้ในบริเวณที่จำกัด แต่ถ้าเป็นน้ำไหลเชี่ยวคงลำบาก ต้องใช้ EM Ball จำนวนมาก ส่วนบ้านของใครที่มีน้ำขังนานๆ น่าจะช่วยได้" สุณิชา บอก ทั้งยังแสดงความเห็นว่า หากนำลูกบอลจุลินทรีย์ไปหย่อนลงในแหล่งทำเสีย แทนการลอยกระทงในเทศกาลลอยกระทงที่จะมาถึง ไม่เพียงแต่จะเป็นการบำบัดน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นการขอขมาพระแม่คงคาที่สร้างสรรค์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

"ปีนี้อย่าเพิ่งลอยกันดีกว่า ก็เข้าใจว่ามันเป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยเรา แต่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เราก็น่าจะหากิจกรรมอย่างอื่นทดแทนไปก่อน ปั้นลูก EM ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมีประโยชน์ ถ้าใครมีเวลาว่าง อยากให้ใช้เวลาที่มีมาช่วยกันปั้น EM Ball แล้วเอาไปใช้ที่บ้านตัวเองก็ได้ ช่วยเพื่อนบ้านที่น้ำท่วมได้ด้วย ช่วงนี้ก็ต้องดูตามสถานการณ์บ้านเมืองไปก่อน ถ้าลอยกระทง เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปคอยเก็บ เป็นขยะในน้ำเพิ่มเข้าไปอีก" สุณิชา อธิบาย

ด้านหนุ่มรั้วนนทรี อย่าง อิ่ม-สุรเชษฐ์ รัตนาคณหุตานนท์ นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า หากยกเลิกการจัดงานวันลอยกระทงไป ก็คิดว่าไม่ควร แต่ควรจะจำกัดเขตที่ลอยกระทงก็พอได้ เช่น เขตที่จัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนบริเวณที่น้ำยังไม่ท่วม โดยจัดให้มีการลอยกระทงตอนค่ำ แล้ววันรุ่งขึ้นก็ช่วยกันเก็บขึ้นมา น่าจะพอรับมือได้ เพราะไม่ทำให้น้ำเน่า ทั้งยังรักษาประเพณีไทยไว้ได้ด้วย หากลอยตามแม่น้ำที่น้ำท่วมอยู่ก็ไม่ไหว

"หันมาโยน EM แทนการทำกระทงไปลอยน้ำมีประโยชน์ในการช่วยสังคมมากกว่า สมมติเรายกเลิกลอยกระทงปีนี้ แต่ปีหน้าเราก็ลอยได้ แต่ว่าช่วงนี้มันเป็นวิกฤตของประเทศจริงๆ ผมว่าควรมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็จะดีกว่า อาจจะสร้างกระแสว่า ลอยกระทงปีนี้มาทำ EM กันเถอะ คือทำเป็นสโลแกนว่าปีนี้เป็นปีพิเศษ คิดเป็น Motto ออกมาเฉพาะปีนี้ไปเลย ว่าทุกคนมาร่วมมือร่วมใจกันลดน้ำเสีย ไม่ลอยกระทง แต่มาโยน EM Ball แทน และอยากให้ทุกคนมาช่วยๆกัน ลำพังทำคนเดียวก็ทำไม่ไหว ถ้าทุกคนร่วมมือกันเราก็จะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้" นิสิตภาคการบิน บอก

ส่วน กิม-ไพโรจน์ วงศาสุทธิกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็บอกว่าเป็นลักษณะที่ดีที่จะนำสิ่งที่ทันต่อสถานการณ์มาใช้ เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งสร้างมลพิษทางน้ำ หากเปลี่ยนจากการลอยกระทงที่อาจไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์ในช่วงนี้มากนัก มาเป็นการโยนลูกบอลจุลินทรีย์ลงไป น่าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สถานการณ์น้ำเน่าเหม็นก็จะคลี่คลาย

สำหรับผู้มีประสบการณ์อย่าง เซอร์ดาเมียน ปิยวรรณ วงศ์วณิชย์เจริญ บอกว่า ที่โรงเรียนเซนต์ไมเคิ้ลของเธอผลิตน้ำจุลินทรีย์ใช้ทำความสะอาด และรดน้ำต้นไม้มาเป็นเวลานาน แต่การปั้นเป็นลูกบอลแบบนี้เพิ่งจะลองทำเป็นครั้งแรก

ต่อข้อซักถามถึงความคิดเห็นในการใช้ EM Ball แทนการใช้กระทงนั้น เซอร์ดาเมียน ปิยวรรณ เห็นว่า ไม่น่าจะใช้เฉพาะวันลอยกระทง แต่ทุกคนควรตระหนักและใช้กันอย่างเป็นปกติ

"ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เราเห็นผลแล้วว่า มนุษย์เราทำลายอะไรไว้บ้าง ฉะนั้นเป็นโอกาสดีที่วันลอยกระทงเราจะกลับมาทบทวนชีวิตของเราเอง แล้วก็เริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่ขอโทษจากแม่น้ำ คิดว่าเป็นอะไรที่ต้องเริ่มแล้ว"


-------------------------------


สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า จุลินทรีย์ หรือที่บางคนเรียกว่า จุลินทรีย์มีคุณธรรมนั้น มีคุณสมบัติที่สร้างสรรค์ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากใช้ให้ถูกต้องจะเป็นประโยชน์กับภาวการณ์ปัจจุบันไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักวิชาการและที่ปรึกษาของฝ่ายสื่อสิ่งพิมพ์และมัลติมีเดีย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ตั้งข้อสังเกตว่า หัวเชื้อ EM ที่นำมาใช้ในการผลิตลูกบอลจุลินทรีย์ทุกวันนี้ เป็นหัวเชื้อเดิมที่ถูกเก็บไว้ หรือเป็นหัวเชื้อที่เลี้ยงต่อๆ กันมา เพราะถ้าเป็นแบบหลัง EM Ball ที่จิตอาสาลงมือปั้นกันเป็นแสนเป็นล้านลูกนั้น อาจไม่มีประสิทธิภาพตรงตามคุณสมบัติดั้งเดิม

"เชื้อเดิมที่ญี่ปุ่นคิด เป็นเชื้อที่สามารถย่อยสารอินทรีย์ได้ดี ถ้าเราไม่เก็บหัวเชื้อไว้ แต่ใช้วิธีเลี้ยงต่อๆกันไป มันก็จะทำให้ประสิทธิภาพเปลี่ยนไป ซึ่งการเลี้ยงต่อๆ กันแบบที่ชาวบ้านเลี้ยง ถ้ามีเชื้อไม่ดีติดไปด้วย ยิ่งถ้ามันเป็นเชื้อหัวแข็งหรืออยู่รอดได้ ทุกครั้งที่เอาไปเลี้ยงต่อก็อาจจะติดเชื้อไม่ดีไปด้วย"

ดร.นำชัย อธิบายต่อว่า จุลินทรีย์มี 2 แบบ คือแบบที่ต้องการออกซิเจน กับไม่ต้องการออกซิเจน หากนำจุลินทรีย์ที่ต้องการออกซิเจนไปโยนลงในแหล่งน้ำเน่าเสีย ซึ่งมีสภาพไร้ออกซิเจน หรือมีออกซิเจนน้อยอยู่แล้ว ก็จะไม่เกิดผลในด้านดี ทั้งยังจะส่งผลให้น้ำเน่าเสียกว่าเดิม เพราะจุลินทรีย์เหล่านี้จะปล่อยสารไรโตรเจนชนิดที่มีกลิ่นเหม็นออกมา สร้างปัญหาเพิ่มทวีคูณ

"ถ้าเป็นกลุ่มที่ใช้ออกซิเจนน้อย จะไม่ปล่อยสารไนโตรเจน อันนี้จะใช้กับน้ำนิ่ง ถ้าน้ำไหลแล้วเอาไปโยนนั่นก็จะเสียของ...สถานการณ์เฉพาะหน้า ถามผมว่าใช้ได้หรือเปล่า ถ้าอยู่บ้านก็ใช้ได้ ถ้าน้ำนิ่ง น้ำขัง มีประโยชน์ แต่จะหวังว่ามันจะทำให้กลิ่นเสียหมดไปเลยมั้ย ผมไม่มั่นใจว่าจะได้ผลขนาดนั้นเลยหรือเปล่า เพราะน้ำเน่าแต่ละที่ สภาพความเป็นกรดด่างไม่เท่ากัน การจะได้ประโยชน์มากน้อยจึงไม่เท่ากัน ถ้าเชื้อเอาตัวรอดได้ดี มีสารอินทรีย์เยอะๆ ก็กินได้เรื่อยๆ แต่ถ้าอาหารหมด ก็จะทยอยตายไปเอง ถามว่า นานเท่าไร ไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่สภาพแวดล้อม ถ้าเยอะเกินน้ำก็จะเน่า แต่เท่าที่ผมเห็น 1 ก้อนต่อ 5 ตร.ม. มันก็ไม่เยอะเกินไปที่จะไปเพิ่มน้ำเน่า" ดร.นำชัย สรุป

แม้ว่าการใช้ EM Ball ในการบำบัดน้ำเสียจะต้องใช้ตามข้อจำกัดที่เหมาะสม ทว่า ณ ห้วงเวลาที่ทุกพื้นที่มีแต่มวลน้ำล้อมรอบแบบนี้ การใช้ลูกบอลจุลินทรีย์แทนเครื่องบูชาอย่าง "กระทง" ที่เคยทำกันมา น่าจะเกิดประโยชน์ต่อแหล่งน้ำมากกว่าปริมาณกระทงขยะที่ต้องสะสางหลังเทศกาลลอยกระทงปีละเกือบ 1 ล้านใบ




รู้ไว้ก่อนใช้ EM Ball

1. การทํางานของ EM Ball ไม่ใช่เป็นการบําบัดน้ำเสียโดยตรง แต่ใช้หลักการนําเอาจุลินทรีย์ชนิดดีมีประสิทธิภาพไปแย่งอาหารจากสารอินทรีย์ อันเป็นต้นตอของปัญหาน้ำเน่าเสีย เป็นการสกัดกั้นการเจริญเติบโตของสารอินทรีย์ ดังนั้นการใช้ EM Ball ในที่น้ำเริ่มจะเน่าเสีย จะเห็นผลเร็วกว่าในน้ำที่เน่าเสียแล้ว

2. การผลิต EM Ball ที่จะช่วยปรับสภาพน้ำได้ต้องใช้กรรมวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม คือ ต้องใช้หัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์ชนิดดีมีคุณภาพ และใช้สูตรการผสมที่เหมาะสมกับสภาพน้ำในแต่ละแหล่ง ซึ่งมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ต่างกัน

3. EM Ball ที่ทําเสร็จแล้วไม่สามารถนําไปใช้ได้ทันที ต้องผึ่งลมไว้เป็นเวลา 3-5 วัน ห้ามตากแดดเป็นอันขาด จากนั้นสามารถนำไปใช้ หรือเก็บใส่กล่องไว้ได้นานกว่า 1 ปี

4. การใช้งาน EM Ball ที่เหมาะสมต้องนําไปใช้เฉพาะพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขัง หรือแหล่งน้ำนิ่งเท่านั้น และต้องใช้ในปริมาณ รวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสม

5. ลูกบอลจุลินทรีย์ 1 ลูก ใช้ได้ในพื้นที่ราว 4-5 ลูกบาศก์เมตร (พื้นที่ 4-5 ตารางเมตร x น้ำลึก 1 เมตร)

6. EM Ball จะค่อยๆปลดปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทํางานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 7 วัน จึงจะเห็นผล อย่าเพิ่มจำนวนลูกบอลจุลินทรีย์มากเกินไป เพราะอาจเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียเพิ่มเติมได้

7. หากสังเกตว่าน้ำเสียเริ่มลดลง ไม่จำเป็นต้องโยนลูกจุลินทรีย์ลงไป เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังจะเพิ่มจำนวนกองจุลินทรีย์ที่ต้องทำความสะอาดหลังน้ำลดด้วย




จาก ....................... กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม