ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 29-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ปะการังเทียม-ปลานานาชนิดสมบูรณ์ที่จุดจมเรือหลวงเกล็ดแก้ว หน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพี

กระบี่ - นักดำน้ำเผยภาพความสวยงามและความสมบูรณ์ของปะการัง และฝูงปลากว่า 40 ชนิด บริเวณจมเรือหลวงเกล็ดแก้ว ทำปะการังเทียมหน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพีเล จ.กระบี่ ก่อนเจอฉลามวาฬคู่



วันนี้ (28 ก.ค.) นายคมศักดิ์ เจนหัตถ์ หรือ "ไก่โต้ง" ครูสอนดำน้ำจาก Profun divers ที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้เผยแพร่ภาพใต้น้ำ ซึ่งเป็นภาพฝูงปลาหลากหลายไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด แหวกว่ายหากินอยู่บริเวณปะการังเทียมเรือหลวงเกล็ดแก้ว หน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพีเล โดยภาพดังกล่าวถ่ายไว้เมื่อช่วงสายของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำลึก

นายคมศักดิ์ เปิดเผยด้วยความตื่นเต้นว่า เมื่อวานนี้ได้จัดทริปนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังบริเวณที่มีการจมเรือหลวงเกล็ดแก้ว เพื่อทำปะการังเทียม หน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพีเล โดยเมื่อดำลงไปถึงพบว่าบริเวณดังกล่าวมีความสวยงามและความสมบูรณ์ของปะการังเป็นอย่างมาก และพบว่ามีปลาหลากหลายชนิดกว่า 40 สายพันธุ์ นับหมื่นตัวมาแหวกว่ายหาอาหารกิน

และขณะที่นั่งเรือห่างออกไปจากบริเวณปะการังเทียมเรือหลวงเกล็ดแก้ว บริเวณปะการังแห้ง หรือหินไกล ใกล้กับเกาะพีพี โชคดีได้เจอฉลามวาฬขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 6 เมตร จำนวน 2 ตัว กำลังว่ายน้ำอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 4-5 เมตร ทางนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวจึงลงไปว่ายตามห่างๆ เพื่อบันทึกภาพความสวยงามของฉลามวาฬยักษ์ ซึ่งพบเห็นไม่บ่อยนักและเที่ยวนี้ยังมากันเป็นคู่

"เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมาก ที่นานๆจะได้พบฉลามวาฬมากันเป็นคู่และมีขนาดใหญ่มาก โดยช่วงที่ว่ายน้ำตามไปนั้นฉลามวาฬไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวแต่อย่างใด ประกอบกับนักดำน้ำและผู้ที่ลงไปก็เว้นระยะห่างเพื่อไม่เป็นการรบกวนฉลามวาฬ ทั้งนี้ การพบรอบนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังจากได้เปิดให้มีการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากต้องเผชิญกับโควิด-19 ที่ต้องหยุดการท่องเที่ยวมานานหลายเดือน"

ทั้งนี้ อยากจะฝากไปยังนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดำน้ำลึกเพื่อชมความงามใต้ท้องทะเลเกาะพีพี ก็สามารถเดินทางมาเที่ยวที่เกาะพีพี ซึ่งช่วงนี้มีความสมบูรณ์ของทะเลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจุดที่มีการจมเรือหลวงเกล็ดแก้ว เมื่อปี 57 โดย ทร.ร่วมกับจังหวัดกระบี่ ได้นำเรือหลวงเกล็ดแก้วที่มอบให้แก่จังหวัดกระบี่ นำไปจัดทำเป็นปะการังเทียม และเป็นแหล่งดำน้ำ ซึ่งปัจจุบันปะการังมีความสมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างมาก เป็นที่อาศัยของสัตว์ทะเลจำนวนมาก


https://mgronline.com/south/detail/9630000077107


*********************************************************************************************************************************************************


นักวิทย์ประเมินไฟป่าออสเตรเลียทำสัตว์ตาย 3 พันล้านตัว


ฝูงปศุสัตว์เล็มหญ้าท่ามกลางหมอกควันจากไฟป่าที่เปลี่ยนสีท้องฟ้าเป็นสีแดง (AFP / Peter Parks)

นักวิทยาศาสตร์เผยผลการศึกษาพบไฟป่าออสเตรเลียทำสัตว์ตายเกือบ 3 พันล้านตัว นับเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมของสัตว์ป่าที่เลวร้ายที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในโลกยุคใหม่

เอเอฟพีรายงานว่านักวิทยาศาสตร์จากหลายมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียได้ศึกษาผลกระทบจากไฟป่าที่มีต่อสัตว์ป่า และได้ข้อสรุปว่า ไฟป่าคร่าชีวิตสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 143 ล้านตัว สัตว์เลื้อยคลาน 2.46 พันล้านตัว นก 180 ล้านตัว และกบอีก 51 ล้านตัว

ทว่ารายงานไม่ได้ระบุว่า มีสัตว์ป่ามากเท่าไรที่เสียชีวิตจากไฟป่าโดยตรง แต่ คริส ดิคแมน (Chris Dickman) หนึ่งในผู้ร่วมศึกษาได้ให้ข้อมูลว่า แม้จะมีสัตว์ป่าที่รอดชีวิตจากเปลวเพลิงได้ แต่สัตว์ป่าเหล่านั้นก็ไม่ได้รอดไปได้ด้วยดี เพราะยังต้องเผชิญการขาดแคลนอาหาร ไร้ถิ่นอาศัยและหลบภัยจากนักล่า

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี ค.ศ.2019 และต้นปี ค.ศ.2020 ไฟป่าออสเตรเลียทำลายทุ่งไม้พุ่ม (bushland) และป่าที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้แห้งเป็นพื้นที่มากกว่า 115,000 ตารางกิโลเมตรทั่วออสเตรเลีย และยังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าอีกมากกว่า 30 ราย ส่วนบ้านเรือนของผู้คนถูกไฟป่าทำลายไปหลายพันหลัง



เหตุการณ์ไฟป่าออสเตรเลียที่เพิ่งผ่านไปนั้น เป็นฤดูกาลไฟป่าที่กินพื้นที่กว้างและยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของออสเตรเลีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าของรุนแรงของวิกฤตไฟป่านี้เป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change)

ลิลี ฟาน อีเดน (Lily van Eeden) นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าทีมจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (University of Sydney) ระบุว่า การศึกษาก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ม.ค.ประเมินว่าไฟป่าได้คร่าสัตว์ไปหลายพันตัวในรัฐทางตะวันออกของนิวเซาท์เวลส์ที่ถูกไฟป่าทำลายรุนแรงที่สุด แต่การสำรวจล่าสุดที่เพิ่งเผยผลการศึกษาออกมานี้ เป็นการศึกษาครั้งแรกที่ครอบคลุมพื้นที่ไฟป่าทั่วแผ่นดินใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผลจากการสำรวจยังอยู่ระหว่างการแปลผล โดยรายงานฉบับเสร็จสมบูรณ์จะเผยแพร่ในเดือนหน้า แต่ทีมนักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า จำนวนสัตว์ 3 พันล้านตัวที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าก็ดูจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

ทางด้าน เดอร์มอท์ โอกอร์แมน (Dermot O'Gorman) กรรมการผู้บริหารสาขาออสเตรเลียของกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature) หรือ WWF ซึ่งเป็นคณะกรรมการรายงานการศึกษาครั้งนี้ กล่าวว่าระหว่างการค้นพบนั้นเป็นเรื่องน่าตกใจ และยังยากที่จะนึกถึงเหตุการณ์อื่นใดที่มีการฆ่าหรือกำจัดสัตว์ไปมากมายขนาดนี้

?เหตุการณ์นี้จัดเป็นหนึ่งในพิบัติภัยของสัตว์ป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ปัจจุบัน? กรรมการผู้บริหารของ WWF สาขาออสเตรเลียกล่าว

สถานการณ์อันย่ำแย่ของโคอาลาระหว่างเกิดไฟป่าทำให้สื่อนานาชาติพุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์อันเลวร้ายนี้ และเชื่อว่ามีโคอาลาหลายพันตัวต้องตายจากไฟป่า แต่รายงานของรัฐบาลเมื่อต้นปีนี้ระบุว่ายังมีสัตว์และพืชเฉพาะถิ่นอีก 100 สปีชีส์ที่สูญเสียถิ่นอาศัยไปกับเปลวไฟ ซึ่งทำให้เห็นภาพความสูญเสียมากกว่าที่คิดไว้

นักวิทยาศาสตร์ยังกล่าวด้วยว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ฤดูร้อนของออสเตรเลียยาวนานขึ้น และยิ่งเพิ่มความอันตราย ขณะที่ฤดูหนาวก็สั้นลง ยิ่งทำให้เตรียมการป้องกันไฟป่าทุ่งพุ่มไม้ได้ยากยิ่งขึ้น

รายงานวิจัยครั้งนี้เกิดจากการรวมตัวกันศึกษาของทีมนักวิทยาศานตร์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (University of Sydney) มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (University of New South Wales) มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล (University of Newcastle) มหาวิทยาลัยชาร์ลสสเติร์ต (Charles Sturt University) และกลุ่มอนุรักษ์นกเบิรืดไลฟ์ออสเตรเลีย (BirdLife Australia)


https://mgronline.com/science/detail/9630000077230

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม