ผมหวังเพียงว่าเมื่อประกาศปิดแล้วก็ขอให้ปิดได้จริงๆ ที่ผ่านมาผลงานจากการปิดจุดดำน้ำยัง
ไม่ค่อยดีนัก เพียงแฟนตาซีจุดเดียวยังมีการลักลอบดำกันบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่ม VIP (Very
Idiot Porson) ทั้งหลาย ผู้ที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้หลายคนอาจมีคำถามว่าการปิดจุดดำ
น้ำแล้วปะการังจะฟื้นตัวได้อย่างไร การดำน้ำแบบscuba มีผลกระทบต่อแนวปะการังจริงหรือ
ผมขออนุญาติอธิบายความเป็นส่วนๆตามความคิดของผมโดยอ้างอิงจากสิ่งที่ควรจะเป็นอีกที
1 ระดับการดำน้ำและจิตสำนึกอนุรักษ์ การดำน้ำแบบ scuba มีผลกระทบแน่นอน
โดยเฉพาะนักดำน้ำมือใหม่ๆ ซึ่งการทำ bouyancy control ยังไม่ดีนัก ซึ่งในพื้นที่ๆมี
ประกาศปิด มักจะเป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่มีเซิร์จโยนตัวขึ้นลง โอกาสที่นักดำเหล่านี้จะสัมผัส
กระแทก หรือเตะฟินโดนปะการังจึงมีสูง และตราบใดที่ยังไม่สามารถจัด zone ดำน้ำโดย
จำกัดระดับหรือประสบการณ์ดำน้ำที่จะดำในแต่ละจุดได้ การที่จะเอานักดำน้ำที่ไร้ประสบการณ์
ไปดำน้ำในแหล่งปะการังที่มีความอ่อนไหวนั้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ใน
ส่วนของจิตสำนึกนั้นยิ่งเป็นความยากลำบากในการตรวจสอบ นักดำน้ำระดับครูอาจมีจิตสำนึก
ที่น้อยกว่าเด็กสมัยใหม่ก็ได้ ทั้งนี้การปิดไม่ให้มีกิจกรรมการดำน้ำไม่ว่าจะเป็น scuba หรือ
snorkel ในพื้นที่ที่มีความล่อแหลมต่อการเสื่อมโทรมควรจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลด
ความเสี่ยงต่อแนวปะการัง
2 การทิ้งน้ำเสียหรือของเสียหรือกิจกรรมอื่นๆที่สืบเนื่องจากการดำน้ำ ตามที่กล่าวมา
ในข้อ 1 คือแนวปะการังแข็งที่ประกาศปิดส่วนใหญ่เป็นแนวปะการังน้ำตื้น แน่นอนเหลือเกินว่า
ความอ่อนไหวจะต้องสูง การสัมผัสน้ำทิ้งหรือของเสียเหล่านี้ย่อมง่ายกว่า ยกตัวอย่าง ในแนว
ปะการังที่น้ำลึกมาก หรือกองหิน การทิ้งน้ำเสียหรือของเสียลงจากเรือกว่าจะลงถึงผิวแนวก็จะ
โดนกระแสน้ำพัดไปไกลจากแนวแล้ว ส่วนในน้ำตื้นของเสียเหล่านี้จะตกลงบนแนวโดยที่กระแส
น้ำยังไม่สามารถพัดพาออกไปได้ นอกจากนี้ยามว่างจากการดำน้ำหรือเพื่อนๆที่ไม่ได้ดำน้ำ
อาจถือโอกาสให้อาหารปลาเพื่อคววามเพลิดเพลิน ปลากินสาหร่ายที่ปกคลุมปะการังก็มากิน
โต๊ะจีนและละเลยหน้าที่ตัวเอง เป็นผลกระทบหลายชั้นต่อแนวปะการัง การปิดพื้นที่ก็จะช่วย
ลดความเสี่ยงในส่วนนี้ลงไปได้ในระดับหนึ่ง
3 กิจกรรมดำน้ำบางลักษณะซึ่งต้องทำในบริเวณน้ำตื้นๆ และมีแนวปะการังโดยเฉพาะพื้นที่ๆ
ประกาศปิดนั้น เป็นอันตรายต่อแนวปะการังและรบกวนการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง
เช่นกิจกรรม night dive ซึ่งโดยทั่วไปจะทำในที่ตื้น ซึ่งการดำน้ำในที่ตื้นนั้นปกติก็ส่งผล
กระทบอยู่แล้วยิ่งมาดำ night dive ซึ่งทัศนวิสัยจำกัดทำให้การควบคุมการลอยตัวก็ลำบาก
โดยเฉพาะพวกที่ลักไก่เอาเด็กนักเรียนลงดำ จะสร้างความเสียหายต่อแนวปะการังได้มาก เป็น
พิเศษ ในความเป็นจริงเรายังไม่มีความสามารถในการคัดกรองการลักไก่เช่นนี้ได้ ดังนั้นการปิด
พื้นที่เพื่อลดการกระทำเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
4 การปิดพื้นที่ซึ่งหมายถึงการหยุดกิจกรรมทุกอย่างในพื้นที่นั้นที่ล้วนเป็นการลดผลกระทบ
ต่อแนวปะการังที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรมีการเสริมกำลังในการ
ตรวจตรา และสนับสนุนให้มีการติดตามตรวจสอบหรืองานวิจัยควบคู่กันไป ไม่ใช่ปิดดำน้ำแล้ว
ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ก็หวานพวกประมงเขาล่ะ
และสุดท้ายอย่างที่ผมเคยบอกย้ำบ่อยๆคือปิดแล้วก็ต้องปิดให้จริง การช่วยลดผลกระทบ
เหล่านี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อาจกระทบต่อผู้มีธุรกิจด้านนี้บ้างแต่ควรยอมเสียเล็กๆน้อยๆบ้าง
เพื่อให้วันข้างหน้าสิ่งเหล่านี้จะอยู่คู่ลูกหลานเราต่อไป ผู้ประกอบการบางท่านอาจมั่นใจใน
มาตรฐานการบริการ และจิตสำนึกการอนุรักษ์ของท่านเอง ซึ่งในส่วนนี้ผมก็อนุโมทนาด้วย แต่
ท่านอื่นๆที่ไม่เป็นอย่างท่านนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี ดังนั้นการปิดเพื่อป้องกันคนเหล่านี้ไม่ให้มาซ้ำ
เติมทรัพยากรจึงเป็นสิ่งควรทำครับ ผมจะยกตัวอย่าง มีคนดี 100 คนปลูกต้นไม้ 100 ต้นให้
โตขึ้นใช้เวลา 10 ปี แต่หากจะทำลายละก็ มีแค่คนชั่ว 1 คนก็สามารถตัดต้นไม้ทั้ง 100 ต้นลง
ได้ในเวลาแค่ 1 วัน ในหมู่ท่านทั้งหลายแน่ใจหรือว่าจะไม่มีคนชั่วแทรกซึมหากินอยู่ ดังนั้น
ช่วยๆกันเถอะครับเพื่อทะเลของเรา
|