ชื่อกระทู้: กรุงเทพฯจะ จมน้ำ (2)
ดูแบบคำตอบเดียว
  #19  
เก่า 15-12-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default


แนะสร้างเขื่อนอ่าวไทยป้องกท.จม สมิทธชี้เสี่ยงท่วมหนัก



กูรูภัยพิบัติธรรมชาติ "ดร.สมิทธ" เตือนรัฐบาลเร่งทุกฝ่ายทำงานร่วมกันป้องกันเหตุสึนามิ เชื่อไทยยังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดขึ้นอีกครั้ง ย้ำภาวะโลกร้อนทำภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดถี่และรุนแรงขึ้น ระบุกรุงเทพฯเสี่ยงโดนน้ำท่วมหนัก แนะสร้างเขื่อนปากอ่าวไทย ขณะที่ “ดร.ก้องภพ” ชี้ระบบสุริยจักรวาลมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย ชี้หากพลังงานสุริยะเกิดการเสียดสีกันจะเกิดภัยพิบัติตามมาได้

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในปัจจุบันว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกถี่มากขึ้น ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุรุนแรง เป็นต้น มีปัจจัยหลักมาจากภาวะโลกร้อน แม้ปกติจะเกิดขึ้นได้ตามกลไกของธรรมชาติ แต่การกระทำของมนุษย์ เช่น ตัดไม้ ใช้สารเคมี ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงจนเข้าสู่ภาวะโลกร้อนที่รุนแรงและรวดเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกมีผลต่อระบบนิเวศ เช่น น้ำแข็งขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้น สภาพอากาศแปรปรวน ร้อนจัด และอากาศที่หนาวจัด ทำให้มีหิมะปกคลุมมาก เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในทวีปยุโรป หรือเมื่อเกิดฝนตกในปริมาณมากเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักและแผ่นดินถล่มได้

ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหมด สามารถคำนวณเวลาเกิดได้เกือบทั้งสิ้น มีเพียงเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร ที่ไหน แต่เมื่อเกิดขึ้นในระดับรุนแรงแล้ว เราสามารถคาดการณ์ได้ว่ามีโอกาสจะเกิดสึนามิตามมาหรือไม่ จากการศึกษาข้อมูลและนำมาวิเคราะห์คิดว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้มากที่สุด คือ น้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วจนทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ขณะที่ดินในกรุงเทพฯเป็นดินอ่อนมีการทรุดตัวลงทุกปี

“โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าไทยจะประสบภัยสึนามิได้อีก หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแถบภูมิภาคนี้ โดยเกิดขึ้นได้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย หากเกิดขึ้นฝั่งอ่าวไทยจะมีความรุนแรงน้อยกว่าฝั่งทะเลอันดามัน อย่างไรก็ตามต้องดูการเกิดแผ่นดินไหวเป็นองค์ประกอบ จึงจะคาดการณ์ได้ว่าสึนามิอาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ใด ที่ผ่านมาภาครัฐไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและเตือนภัยเท่าที่ควร หน่วยงานต่างๆที่มีหน้าที่รับผิดชอบยังขาดการประสานงานที่ดี และรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ ทั้งเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ การป้องกัน และการซ้อมเตือนภัย” ดร. สมิทธกล่าว

ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวอีกว่า เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่มีผลงานวิจัยระบุว่ามีโอกาสเกิดขึ้น เราสามารถป้องกันได้ ด้วยการก่อสร้างเขื่อนหรือคันคอนกรีตป้องกันน้ำสูง 10 เมตร รอบบริเวณปากอ่าวไทย แม้ใช้งบประมาณมากก็จำเป็นต้องทำ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันเวลา เพราะขณะนี้ประเทศเวียดนาม ที่ประสบปัญหาเหมือนกันได้ลงมือก่อสร้างไปแล้ว

ด้าน ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรคนไทย จากองค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาล กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลายคนรู้ว่าสาเหตุหลักมาจากการกระทำของฝีมือมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงปรากฏการณ์ที่ทำให้โลกร้อนนั้น อาจจะเกิดขึ้นจากระบบสุริยจักรวาล โดยที่ดวงอาทิตย์ส่งพลังงานสุริยะมายังโลกและการเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมหนักในไทยช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เพราะภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียว

“โลกของเรานั้นอยู่ในระบบสุริยจักรวาล ในกาแล็กซีทางช้างเผือกหรือที่เรียกว่ามิลกี้เวย์ ซึ่งจะโคจรรอบดวงอาทิตย์และหมุนรอบตัวเอง กาแล็กซีทางช้างเผือกนั้นมีรูปแบบเป็นระนาบเห็นเป็นแถบเส้นตรงใน 33 ล้านปี จะเกิดการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาล สิ่งที่เราจะพบในช่วงของการตัดผ่านนั่นก็คือการเสียดสีของพลังงานสุริยะและจะเกิดภัยพิบัติตามมา สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียดสี มาจากดวงอาทิตย์จะผลักฝุ่นละอองบางอย่างออกมาตลอดเวลา มีลักษณะเป็นพลาสมาเรียกว่าลมสุริยะ โดยทุก ๆ 11 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงของลมสุริยะ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นครั้งล่าสุดนั้น จะตรงกับการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาลพอดี (33 ล้านปีเกิดครั้งหนึ่ง) จึงเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก” ดร.ก้องภพ กล่าว

ดร.ก้องภพ กล่าวต่อว่า โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร ถ้าดูจากการเกิดปรากฏการณ์ครั้งที่ผ่านๆมา แต่ในครั้งนี้พิเศษมากกว่า ผลกระทบของลมสุริยะทำให้เกิดพายุมากขึ้นใหญ่ขึ้น และอาจเชื่อมโยงถึงแผ่นดินไหว และเกิดการกระเพื่อมของระบบไฟฟ้าทั่วโลก จนทำให้เกิดไฟดับได้ นอกจากนั้นยังส่งผลต่อสภาพอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือโลกจะร้อนขึ้น น้ำจะท่วมเพราะเกิดการระเหยของมหาสมุทร อากาศจะร้อนจัด ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์อาจกลับกลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาลและพลังงานสุริยทั้งสิ้น

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาเชิงวิชาการ “เจาะลึกภัยพิบัติพลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ลงทะเบียนสำรองที่นั่งผ่าน เว็บไซต์พลังจิตดอทคอม www.palungjit. com/seminar/และอีเมล seminar@ palungjit.org หรือโทร. 08-6534-1112 ถึงวันที่ 16 ธ.ค. จำนวน 1,200 ที่นั่ง เท่านั้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ งานจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. เวลา 08.30-17.00 น. ที่ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม ชั้น 6 อาคาร ดร.สุข พุคยาภรณ์ มหาวิทยาลัย ศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ.



จาก .................. เดลินิวส์ วันที่ 14 ธันวาคม 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม