ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 08-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,106
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตะลึง! พบโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่ จ.สมุทรสาคร ด้านเจ้าหน้าที่ ทช.เร่งเก็บข้อมูล

เพจ "ThaiWhales" เผยภาพพบโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่ไม่ทราบสายพันธุ์ ในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ด้านเจ้าหน้าที่ ทข.เร่งตรวจสอบและเก็บข้อมูลเบื้องต้น



วันนี้ (7 พ.ย.) เพจ "ThaiWhales" โพสต์ภาพโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่ไม่ทราบสายพันธุ์ โดยโครงกระดูกที่พบลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร ในพื้นที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยทางเพจระบุว่า "เมื่อบ่ายวันนี้ (6 พ.ย.) เราได้รับแจ้งในเพจว่าพบโครงกระดูกวาฬ ที่ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ในใจแว๊บแรกคือ พยายามคิดว่า เราเคยฝังซากวาฬที่มาเกยตื้นตายไว้แถวนั้นบ้างมั้ยนะ แต่บ้านแพ้วมันห่างทะเลนะ คำตอบคือ ไม่เคย ไม่มีแน่นอน

เรารีบแจ้งไปที่ทีมสัตว์ทะเลหายาก ศวบต. ที่หลังจากทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ก็รีบลงพื้นที่ทันที อยู่บ้านไม่ติดละทีนี้ ตื่นเต้นมากๆ ต้องไปดูเองแล้วแหล่ะ

โครงกระดูกวาฬที่พบลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร เป็นวาฬขนาดใหญ่ยังไม่ทราบสายพันธุ์ พบส่วนกระดูกสันหลัง (Vertebrate) 5 ชิ้น ที่มีขนาดใหญ่ ดูจะใหญ่กว่าซากวาฬบรูด้าที่เคยพบมา

จากการสังเกต พื้นที่ใกล้กับแม่น้ำท่าจีน ที่พบมีลักษณะเป็นกระซ้า มีซากเปลือกหอยเล็กๆ ทับถม ทำให้อาจสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน

นักวิจัย ทช. กำลังหาวิธีในการเก็บกู้โครงกระดูกที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งหาอายุของพื้นที่และตรวจหาค่าอายุกระดูกด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

โครงกระดูกวาฬที่เก่าแก่ที่สุดในไทยที่เคยพบ คือ โครงกระดูกวาฬฟิน (Fin whale) ที่หมู่บ้านวิจิตราธานี ถนนบางนา-ตราด ที่ค้นพบเมื่อสร้างหมู่บ้าน โครงกระดูกนั้นบางชิ้นเป็น Fossil (กลายเป็นหิน) แล้ว

แอบคิดว่าซากโครงกระดูกวาฬตัวนี้ก็น่าจะเก่ามาก ซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งเรื่องวาฬ และ เรื่องโบราณคดีและธรณีวิทยา ที่ควรศึกษาค้นคว้าและทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของวาฬไทยมากขึ้น"




https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000115366


*********************************************************************************************************************************************************


ลุยต่อทันที! กรมเจ้าท่าทุ่มเกือบ 600 ล้าน เสริมทรายอ่าวนาจอมเทียน คาดแล้วเสร็จปี 65



ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมเจ้าท่า เดินหน้าเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียน ชลบุรี เฟสแรก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร งบเกือบ 600 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 65 เชื่อทันรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลาย

จากกรณีที่กรมเจ้าท่า ได้ตรวจพบว่ามีการกัดเซาะอย่างรุนแรงในพื้นที่ชายหาดบริเวณชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขใดๆ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปี การกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งจะขยายวงกว้างไปถึงพื้นที่ถนนเลียบชายหาด ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาพรวม และบรรยากาศทางการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา อย่างแน่นอน

และที่ผ่านมา ยังได้อนุมัติงบประมาณจำนวนมากในการดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวพัทยา ในระยะทาง 2.8 กิโลเมตร จนแล้วเสร็จ และสามารถเพิ่มพื้นที่ชายหาดให้มีความกว้างขึ้นอีก 30 เมตร สร้างความสวยงามให้แก่ชายหาดพัทยา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้เป็นอย่างดีนั้น

วันนี้ (7 พ.ย.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้เปิดเผยถึงการจัดทำโครงการต่อเนื่องจากการเสริมทรายชายหาดอ่าวพัทยา ว่า กรมเจ้าท่ามีแผนที่จะจัดทำโครงการเสริมทรายจากอ่าวพัทยา จนไปถึงอ่าวนาจอมเทียน เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด

โดยได้รับงบประมาณในการจ้างเหมาก่อสร้างเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดนาจอมเทียน จำนวน 586 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการในเฟสแรก ในระยะทาง 3.5 กิโลเมตร

และหากดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้อ่าวจอมเทียน มีพื้นที่ชายหาดกว้างถึง 50 เมตร ซึ่งขณะนี้ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้จัดทำโครงการฯ โดยจะเริ่มว่าจ้างสัญญาตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.2563 ไปจนถึง 15 พ.ย.65 รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 900 วัน



"ขณะนี้ผู้รับจ้างได้เข้าพื้นที่ตามแผนงานที่กำหนด ทั้งการสำรวจแหล่งทรายที่จะนำมาเสริม โดยได้มีการสำรวจแหล่งทรายบริเวณทะเลห่างจากฝั่งพัทยา ประมาณ 15 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งทรายเดียวกันกับโครงการเสริมทรายอ่าวพัทยา ขณะที่ปริมาณทรายที่จะใช้ในการเสริมทรายอ่าวนาจอมเทียนอยู่ที่ประมาณ 600,000 คิว และได้มีการนำผลที่ได้จากสำรวจไปเข้าห้องแล็บ เพื่อตรวจสอบคุณภาพทรายให้ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้ตามสัญญาแล้ว"

ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ยังเผยอีกว่า จากนี้ผู้รับจ้างจะได้นำเรือดูดทรายเข้ามาในพื้นที่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานไปยังเรือจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาดำเนินการ

อย่างไรก็ดี กรมเจ้าท่าจะเร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการเสริมทรายให้แล้วเสร็จตามที่สัญญากำหนดไว้เพื่อคืนสภาพพื้นที่ชายหาดให้สอดคล้องระยะเวลาที่รัฐบาลได้ประกาศปลอดล็อกพื้นที่จากการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังสถานการณ์ได้คลี่คลายลงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้ทันเวลา

"ที่ผ่านมา อธิบดีกรมเจ้าท่าได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้แก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ผู้รับจ้างสามารถทำงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้" ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา กล่าว


https://mgronline.com/local/detail/9630000115262

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม