ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 09-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,355
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


อึ้ง! น้ำแข็งในแอนตาร์กติกาละลายหายไปกว่า 2.6 ล้าน ตร.กม. หรือมากกว่าไทยอินโดนีเซียรวมกัน



NOAA รายงานเกี่ยวกับความผิดปกติของปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้มีปริมาณขอบเขตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาหายไปมากกว่า 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหว The National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) หรือ หน่วยงานด้านชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรศาสตร์ รายงานเกี่ยวกับความผิดปกติของปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้มีปริมาณขอบเขตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

โดยน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาหายไปมากกว่า 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร หรือเทียบเท่าพื้นที่มากกว่าครึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


รายงานของ NOAA ยังเผยอีกว่า

นักวิทยาศาสตร์วิตกกังวล เกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็งในขั้วโลกใต้เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงของการเติบโตของน้ำแข็งซึ่งจะเริ่มขยายตัวจนถึงขีดสุด 18.4 ล้านตารางกิโลเมตรในช่วงกลางเดือนกันยายน แต่ปริมาณน้ำแข็งมันหายไปในปริมาณมหาศาล

นี่อาจเป็นสัญญาณบางอย่างจากโลกหรือเปล่า?

หน่วยงานด้านชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรศาสตร์ หรือ NOAA เผยถึงปริมาณน้ำแข็งในขั้วโลกใต้หายไปมากมหาศาลถึง 1 ล้านตารางไมล์ หรือ 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือมากกว่าประไทยและอินโดเซียรวมกันเสียอีก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 1981-2010

นักวิทยาศาสตร์กังวลว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะโลกรวน ซึ่งถือว่าปรากฎการณ์นี้ผิดปกติเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วงเวลานี้ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีการสะสมของน้ำแข็งในปริมาณมาก แต่กลับกลายเป็นว่าปริมาณน้ำแข็งมันหายไปอย่างน่าตกใจ

จากพฤติกรรมอันไม่ปกติของน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ การสูญเสียน้ำแข็งในขั้วโลกใต้อย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อลักษณะภูมิประเทศของทวีปแอนตาร์กติก ระบบนิเวศบริเวณขั้วโลกใต้ รวมถึงส่งผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังต้องทำการศึกษาภูมิภาคนี้อีกมาก เนื่องจากขั้วโลกใต้อยู่ห่างไกลทำให้งานศึกษาวิจัยยังมีไม่มากนัก


https://www.nationtv.tv/gogreen/378922524


******************************************************************************************************


สุดทึ่ง สภาวะโลกรวน ส่งผลกระทบอาหารทะเลกว่า 90% บนโลกหายไป



จับตา กระแสร้อน จากสภาวะโลกรวนกำลังจะทำให้อาหารทะเลกว่า 90% บนโลกหายไป วารสาร Nature Sustainability เผยผลกระทบปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำทะเลที่สูงขึ้นตามระดับอุณหภูมิโลก ฝนตกไม่ตรงตามฤดูทำให้แหล่งอาหารที่สำคัญเริ่มลดลง

ล่าสุด วารสาร Nature Sustainability นำเสนอผลการศึกษาโดยระบุว่า ผลกระทบจากปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นตามระดับอุณหภูมิโลก ความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นในทะเล ฝนตกไม่ตรงตามฤดู สาหร่ายบูม รวมถึงมลพิษจากสารปรอท ยาฆ่าแมลง และยาปฏิชีวนะ

สิ่งดังกล่าวเหล่านี้ล้วนทำให้แหล่งอาหารที่สำคัญเริ่มลดลงแล้ว โดยผู้ผลิตชั้นนำอย่างจีน นอร์เวย์ และสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด

สำหรับ Blue food หรือแหล่งอาหารของมนุษย์ที่จะได้รับผลกระทบนั้น หมายรวมถึงปลาทะเลกว่า 2,190 สายพันธุ์ สัตว์ชนิดมีเปลือกอย่างกุ้งและหอย พืชใต้น้ำและสาหร่ายทะเล

รวมถึง ปลาน้ำจืด ที่เลี้ยงในฟาร์มกว่า 540 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญนี้คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนบนโลกกว่า 3.2 พันล้านคน โดยนอกจากปัญหาที่กล่าวมา การประมงที่มากเกินไปยังทำลายระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณภาพและปริมาณอาหารลดลงอีกด้วย


ทางด้าน Rebecca Short นักวิจัยได้แสดงความคิดเห็นว่า

แม้ว่าประเทศทั่วโลกจะมีความพยายามแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ในด้านการปกป้องแหล่งอาหารนั้น ยังด้อยพัฒนาและจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ งานวิจัยยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า

สภาวะโลกรวน ส่งผลกระทบให้ อาหารทะเลกว่า 90% บนโลกกำลังจะหายไป เรื่องดังกล่าวนี้บรรดาประเทศที่จะได้รับผลกระทบก่อนใคร คือประเทศที่พึ่งพาอาหารทะเลเป็นหลัก อย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม และประเทศเกาะเล็กๆ

โดยยังมีความหวังว่าการร่างสนธิสัญญาทะเลหลวงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นให้แต่ละประเทศสมาชิกพูดคุยกันเรื่องนี้มากขึ้น

ทางด้าน หลิง เฉา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเซียะเหมินของจีน ผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าวว่า

ความเปราะบางที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ชักนำ ทำให้การผลิตอาหารทะเลอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก

จากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่สิ้นสุด อาทิ กรณีที่ ประเทศนาอูรู พยายามจะทำเหมืองในมหาสมุทรเพื่อเก็บแร่เหล็ก หรือกรณีประเทศนอร์เวย์ ที่มีโครงการจะทำเหมืองใต้ทะเลเช่นกัน ทำให้นักสิ่งแวดล้อมได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างมหาศาล โดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนก็พยายามเตือนรัฐบาลให้คิดดทบทวนก่อนจะทำเหมืองเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น


https://www.nationtv.tv/gogreen/378922552

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม