ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 04-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,234
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


มิติใหม่ ?หาดจอมเทียน? เดินหน้าเสริมชายหาด แก้ปัญหากัดเซาะ-ส่งเสริมการท่องเที่ยว



กรมเจ้าท่าเปิดตัวโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน แก้ปัญหาการกัดเซาะชายหาด พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยโครงการจะเริ่มงานในระยะที่ 1 ก่อน เป็นระยะทางรวมทั้งสิ้นกว่า 3.5 กิโลเมตร

จากความสำเร็จของโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ที่ได้ปรับโฉมชายหาดพัทยา ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่ช่วยฟื้นฟู และกระตุ้นการท่องเที่ยวชายหาดพัทยา ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม จึงได้เดินหน้า โครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน เป็นแห่งที่ 2 เพื่อรองรับธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า จากรายงานการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งพื้นที่อ่าวไทยฝั่งตะวันออก โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปี พ.ศ. 2552 พบว่าปัจจุบันชายหาดจอมเทียน (จ.ชลบุรี) ประสบปัญหาการกัดเซาะอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเช่นเดียวกับชายหาดพัทยา ส่งผลให้ชายหาดถดถอยและลดขนาดลงไปทุกปี จนเหลือพื้นที่ทรายชายหาดจอมเทียนไม่เพียงพอ ที่จะรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนบนชายหาดได้

ในบางช่วงของชายหาดเมื่อน้ำขึ้น ชายหาดจะจมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลทั้งหมดไม่หลงเหลือชายหาดเลย ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวให้มีแนวโน้มลดลงไปในอนาคต หากปล่อยทิ้งไว้ ภายในไม่ถึง 10 ปี ชายหาดจอมเทียนจะไม่มีทรายเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงได้มีนโยบายเร่งด่วน เพื่อทำการเสริมทรายเพื่อป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายหาดเช่นเดียวกับที่ชายหาดพัทยา โดยจะเริ่มงานในระยะที่ 1 ก่อน เป็นระยะทางรวมทั้งสิ้นกว่า 3.5 กิโลเมตร

"จากความสำเร็จของโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ทำให้ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้จัดหางบประมาณเพื่อทำการเสริมทรายในพื้นที่ ชายหาดจอมเทียน เป็นโครงการที่ 2 เพื่อเป็นการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการท่องเที่ยวและการสร้างการเติบโตบนคุณภาพ ให้มีการเจริญเติบโตของคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถสร้างมาตรการควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด เป็นไปตามมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป" นายวิทยา กล่าว



โครงการนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 586,047,000 บาท กรมเจ้าท่า ได้ว่าจ้างให้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบทำการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 ในครั้งนี้ โดยเริ่มการทำงานตั้งแต่ 29 พฤษภาคม 2563 จนถึง 15 พฤศจิกายน 2565 เป็นระยะเวลา 900 วัน

โดยแหล่งทรายที่จะใช้เสริมชายหาดจอมเทียน นำมาจากบริเวณทิศตะวันตกของเกาะรางเกวียน ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดจอมเทียนออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร และเป็นแหล่งเดียวกับที่ใช้เสริมทรายชายหาดพัทยามาแล้ว โดยคาดว่าในครั้งนี้จะใช้ทรายรวมทั้งสิ้นราว 6.4 แสนลบ.ม.


สำหรับขอบเขตของงานแบ่งเป็น 8 ประเภทด้วยกัน คือ

1. งานเสริมทรายชายหาด ความยาว 3,575 เมตร
2. งานก่อสร้างแหล่งสำรองทรายชายหาด ความยาว 225 เมตร
3. งานติดตั้งระบบป้องกันชายหาดแห้งด้วยวิธีระบายน้ำลงสู่ชั้นนำใต้ดิน 2,105 เมตร
4. งานติดตั้งท่อระบายน้ำเชื่อมต่อท่อระบายน้ำเดิม ความยาว 51 เมตร
5. งานก่อสร้างบันไดคอนกรีต ขึ้น-ลง ชายหาด 67 จุด
6. งานติดตั้งป้ายประติมากรรมและป้ายมาตรฐานรวม 2 จุด

7. งานมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
8. งานประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชน

หลังจากการฟื้นฟูบูรณะชายหาดจอมเทียนเสร็จสิ้นแล้ว ชายหาดจะมีขนาดความกว้างเฉลี่ยประมาณ 50 เมตร มีความสวยงาม และใช้เป็นพื้นที่สันทนาการได้มากกว่าเดิม ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวมีความคุ้มค่า เงิน 1 บาทที่ลงทุนไปในการเสริมชายหาดจอมเทียนในครั้งนี้ จะสร้างเม็ดเงินกลับคืนมาในระบบประมาณ 3.20 บาท

ทั้งนี้หากผู้สนใจต้องการข่าวสารโครงการ มีข้อสงสัย ปัญหา หรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์โครงการฯ บริเวณหน้าชายหาดจอมเทียน 14 โทรศัพท์ 062-490-9099 หรือติดต่อผ่านสายด่วนกรมเจ้าท่า 1199


https://mgronline.com/travel/detail/9630000113926


*********************************************************************************************************************************************************


ศรีลังกาช่วยชีวิต 'วาฬนำร่อง' เกยตื้นกว่า 100 ตัว มากสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ



กองทัพเรือศรีลังกา และอาสาสมัครกู้ภัย เร่งช่วยเหลือฝูงวาฬนำร่องกว่า 120 ตัว ซึ่งว่ายมาเกยตื้นบริเวณชายหาดของเมืองปานาดูรา (Panadura) ตั้งแต่บ่ายวานนี้ (2 พ.ย.) นับเป็นเหตุวาฬเกยตื้นที่มีจำนวนวาฬฝูงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

อินดิกา เดอ ซิลวา โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ, ยามฝั่ง และอาสาสมัครในท้องถิ่นช่วยกันผลักดันวาฬกลับลงทะเลไปได้แล้วประมาณ 120 ตัว เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา หลังจากพยายามช่วยชีวิตพวกมันตลอดทั้งคืน

"เราใช้เรือตรวจการณ์ขนาดเล็กค่อยๆ ลากฝูงวาฬออกไปยังที่น้ำลึกทีละตัวๆ แต่น่าเสียดายที่วาฬ 2 ตัวตายลง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงระหว่างเข้ามาเกยตื้น" เดอ ซิลวา ระบุ

หน่วยงานท้องถิ่นเตรียมรับมือกับเหตุฝูงวาฬเกยตื้นคล้ายๆ กับที่เกิดขึ้นบนเกาะแทสเมเนียเมื่อเดือน ก.ย. ซึ่งตอนนั้นมีฝูงวาฬนำร่องว่ายหลงทางมาเข้าฝั่งมากถึง 470 ตัว และรอดชีวิตเพียง 110 ตัวเท่านั้น



สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลของศรีลังกา (MEPA) ยืนยันว่า ฝูงวาฬที่เกยตื้นบนชายหาดปานาดูรานั้นมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ

"การที่วาฬฝูงใหญ่ขนาดนี้มาเกยตื้นบนชายหาดของเราเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง" ธาร์ชานี ลาฮันดาปูรา ผู้อำนวยการ MEPA ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี พร้อมระบุว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ฝูงวาฬหลงทิศทาง

"เราคิดว่ามันน่าจะคล้ายกับกรณีวาฬเกยตื้นที่แทสเมเนียเมื่อเดือน ก.ย."

วาฬนำร่องเป็นสัตว์สังคมที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับฝูงของมัน ตัวที่โตเต็มวัยอาจมีความยาวถึง 6 เมตร และหนักประมาณ 1 ตัน

นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับปรากฏการณ์วาฬเกยตื้นมานานหลายสิบปี แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้

ที่มา: เอเอฟพี


https://mgronline.com/around/detail/9630000113942

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม