ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 24-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,291
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เอกชนกู้รถพ่วงขนขยะ ในเรือเฟอร์รี่ราชา 4 ที่จมกลับขึ้นมาเกาะสมุยได้แล้ว

บริษัทกำจัดขยะเอกชนนำเรือบาร์จไปบรรทุกรถพ่วง 18 ล้อ พร้อมขยะที่กู้ขึ้นมาจากเรือเฟอร์รี่ที่จม กลับมายังเกาะสมุยได้แล้ว โดยจะนำไปห่อก้อนขยะใหม่ ก่อนขนไปกำจัดบนฝั่งต่อไป โดยไม่พบขยะหลุดลอยในทะเล



วันที่ 23 ก.ย.2563 หลังจากเมื่อววานนี้ ทางบริษัท เอ็ม.เอส.เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทที่ทางบริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้มีการว่าจ้างให้ทำการกู้ซากเรือเฟอร์รี่ราชา 4 ที่อับปางลงกลางทะเล เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ได้กลับมาดำเนินการกู้เรือ และรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ อีกครั้งเมื่อวานนี้ หลังคลื่นลมในทะเลเริ่มอ่อนกำลังลง โดยล่าสุดจนถึงขนะนี้ทางทีมกู้เรือได้ดำเนินการกู้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พร้อมกับขยะที่อยู่ในรถบรรทุกพ่วงขึ้นมาได้แล้วจำนวน 2 คัน พร้อมพ่วง ยังคงเหลือจมอยู่ในทะเลอีก 1 คัน พร้อมลูกพ่วง โดยทางทีมกู้เรือจะเร่งกู้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้ออีก 1 คันให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าคงจะไม่เกินวันพรุ่งนี้

นายศรจักร สุวรรณปาล กรรมการบริหาร บริษัท ลัคกี้คลีนเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เปิดเผยว่า ทาง กิจการค้าร่วม ปัญจะ ลัคกี้ คลีน เอ็นไวรอนเมนทอล ได้นำเรือบาร์จ ซึ่งเป็นเรือบรรทุกขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกได้ถึง 800 ตัน มายังจุดที่มีการกู้เรือ เพื่อมาบรรทุกรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ จำนวน 2 ค้น ที่ทางบริษัม เอม.เอส.เซอร์วิส กู้ขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว โดยจะนำทั้งรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ และขยะที่อยู่ในรถบรรทุกพ่วงที่กู้ขึ้นมาได้กลับเข้าฝั่งเกาะสมุย เพื่อจะได้นำขยะที่กู้ขึ้นมาได้ไปเข้าสู่ขนวบการจัดการใหม่ โดยทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และทำการห่อก้อนขยะใหม่ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการขนส่งนำไปกำจัดที่บ่อกำจัดขยะของบริษัท ในเขตพื้นที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ต่อไป

กรรมการบริหาร บริษัท ลัคกี้คลีนเอ็นเนอร์ยี่ กล่าวอีกว่า ส่วนการกู้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่ยังจมอยู่อีก 1 คัน ทางทีมกู้แจ้งว่า คาดว่าจะกู้ขึ้นมาได้ภายวันนี้ หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้ ซึ่งหลังจากที่ทางทีมกู้การดำเนินกู้เรือ จนถึงขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้รับแจ้งว่าเกิดผลกระทบบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็จะดำเนินการนำขยะกลับเข้าฝั่งอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง

ด้าน นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกู้เรือราชา 4 ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.2563 ที่ผ่านมา โดยทางบริษัทจะดำเนินการกู้เรือราชา 4 ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ และยืนยันว่าที่ผ่านมาได้เตรียมอุปกรณ์การป้องกันและอุปกรณ์ต่างๆ ไว้รองรับทั้ง บูมกันน้ำมัน ม่านดักตะกอน ผ้าซับน้ำมัน และสารสลายคราบน้ำมัน พร้อมทั้งติดตั้งอวนล้อมรอบจุดที่ปฏิบัติการ รวมถึงเรือขนาดประมงขนาดเล็ก เพื่อตักเก็บขยะบางส่วนที่อาจจะหลุดลอยออกมาทันที เพื่อให้ทุกคนเกิดความสบายใจได้ว่าทางบริษัทมีมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.


https://www.thairath.co.th/news/loca...Pos=4#cxrecs_s


*********************************************************************************************************************************************************


แหล่งกำเนิดเก่าแก่เพนกวินนิวซีแลนด์


(ภาพ : Credit : Massey University)

ประเทศนิวซีแลนด์ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร และเป็นภูมิภาคที่ดึงดูดนกทะเลจากทั่วโลก กลายเป็นจุดสำคัญของความหลากหลายของนกทะเลในระดับโลก แต่ต้นกำเนิดจุดสำคัญนี้ก่อตัวขึ้นอย่างไรและเมื่อไหร่ ยังเป็นปริศนาท้าทายนักวิจัย เพราะยังขาดการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิล ที่เชื่อมโยงถึงนกทะเลที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์กับเครือญาติในสมัยโบราณ

ล่าสุด ทีมวิจัยหลายสถาบันนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมสเซย์ ในนิวซีแลนด์ เผยว่าได้วิเคราะห์ฟอสซิลกระดูกเพนกวินโบราณชนิด Eudyptes atatu เป็นวงศ์เพนกวินมีขนที่ตา ซึ่งค้นพบตรงชายฝั่งทารานากิ ในเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ พบว่ามีความเชื่อมโยงที่สำคัญกับเพนกวินมีขนที่ตาและนกทะเลชนิดอื่นๆที่เคยอาศัยอยู่ในทวีปซีแลนเดีย (Zealandia) เมื่อนานหลายล้านปีมาแล้ว การพบฟอสซิลเพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่าดินแดนซีแลนเดียเป็นแหล่งบ่มเพาะความหลากหลายของเพนกวิน โดยเพนกวินตัวแรกมีแนวโน้มที่จะวิวัฒนาการและแยกย้ายกันไปในเวลาต่อมา

เพนกวิน Eudyptes atatu จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการไขปริศนาเกี่ยวกับเพนกวินมีขนที่ตาในนิวซีแลนด์ ซึ่งผลวิจัยสรุปว่า
บรรพบุรุษของเพนกวินทั้งหมดอาศัยอยู่ในซีแลนเดียเมื่อ 60 ล้านปีก่อน แต่บรรพบุรุษของเพนกวินมีขนที่ตา อาจมีต้นกำเนิดในซีแลนเดียก่อนหน้าที่ลูกหลานของมันจะแพร่กระจายไปทั่วซีกโลกใต้.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1935032


*********************************************************************************************************************************************************


ตะลึง เพนกวินตาย ในท้องมีหน้ากากอนามัย N95 ทั้งชิ้น

บราซิลพบซากเพนกวินนอนตายบนชายหาด ผ่าท้องดูในกระเพาะอาหารพบหน้ากากอนามัย N95 คาดว่ามันเข้าใจผิดว่าหน้ากากอนามัยเป็นอาหาร เลยกินเข้าไปทั้งชิ้น



เมื่อวันที่ 22 ก.ย. อาสาสมัครองค์กรอนุรักษ์สัตว์ทะเล "Instituto Argonauta" ในบราซิล เปิดเผยผลการตรวจสอบ ซากเพนกวินตัวหนึ่งที่ตายเกยตื้นบริเวณชายหาดจูเกย์ ในเมืองเซา เซบาสเตียน รัฐเซาเปาโล และถูกพบเมื่อวันที่ 9 ก.ย. โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่นำร่างของมันไปตรวจสอบ พบว่าเพนกวินตัวนี้ เป็นเพนกวินสายพันธุ์แมคเจนแลน สภาพร่างกายผอมแห้ง ในกระเพาะของมันมีหน้ากากอนามัย N95 อยู่ 1 ชิ้น



เจ้าหน้าที่ระบุว่า คาดว่าเพนกวินตัวนี้อยู่ในฝูงเพนกวินอพยพมาจากแถบพาตาโกเนีย ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา และคาดว่าเพนกวินตัวนี้เข้าใจผิดว่าหน้ากากอนามัยเป็นอาหาร เลยกินเข้าไปทั้งชิ้น ขณะที่เมื่อไปตรวจสอบข้อมูลขยะบริเวณชายหาดทางตอนเหนือของเซาเปาโล พบว่า ระหว่างวันที่ 16 เมษายนถึง 13 กันยายน มีขยะหน้ากากอนามัย 113 ชิ้น ถูกทิ้งเกลื่อนปะปนกับขยะอื่นๆ.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1935259
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม