ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา
แมงดาทะเล : สัตว์ผู้ไถ่บาป! ............ ต่อ
การจับแมงดาทะเลในสหรัฐจึงยังคงดำเนินต่อไป ปีละราวๆ5แสนตัวในปีปกติ และในสถานการณ์โควิด19 การจับแมงดาทะเลสหรัฐไปเจาะหัวใจเพื่อดูดเลือดออกมาเป็นเวลาราว20-72ชั่วโมงจึงถูกตั้งคำถามว่า นี่จะทำให้แมงดาทะเลพันธุ์สหรัฐเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เพียงใด
และไม่ว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยาจะตอบว่าได้จับแมงดาทะเลมาดูดเลือดออกไม่มากเกิน30%ของแต่ละตัว และอ้างว่าแต่ละตัวจะคืนสู่สภาพมีเลือดเต็มตามปกติในสามสัปดาห์ แต่องค์กร IUCN หรือสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติก็ประกาศให้แมงดาทะเลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อยู่ในบัญชีที่กำลังถูกคุกคาม เพราะเอาเข้าจริงอาจใช้เวลาหลายเดือนหลังถูกเจาะเลือดกว่าจะกลับสู่สภาพปกติของมัน และตัวเมียจะสูญเสียความสามารถในการออกไข่ไปอย่างผิดปกติ
ส่วนในทางชีวจริยศาสตร์ การเจาะเลือดแบบนี้แล้วปล่อยคืนลงทะเลเป็นการทำทารุณกรรมต่อสัตว์ที่สังคมควรโลกยอมรับได้แค่ไหน ก็จะเป็นอีกเรื่อง เพราะมีสถิติว่า15-30%ของตัวที่ถูกเจาะเลือดออกไปนั้นจะตายลง
ทุกวันนี้การทดลองสารเคมีและยาต่างๆในหนู ในกระต่าย ในลิงก็กำลังถูกต้านอย่างมาก
เรื่องประโยชน์ของเลือดแมงดาทะเลนี้ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีสื่อสารมวลชนเขียนเรื่องนี้ออกมาหลายชิ้นแล้ว มีข่าวทีวี มีคลิปทั้งภาษาไทยและต่างประเทศเรื่องเลือดสีฟ้าราคาแพงลิบนี้ออกมาเยอะพอควร เพราะมนุษย์ใช้เลือดแมงดาทะเลมาทำอย่างนี้กึ่งชั่วอายุคนแล้ว คือใช้กันแพร่หลายตั้งแต่1970
ในเว็บขายสินค้าทางออนไลน์ ระหว่างเขียนต้นฉบับนี้ ผมเริ่มสังเกตเห็นมีการขายสบู่เลือดแมงดาทะเล นัยว่าคงมีคุณสมบัติอะไรต่อผิวคนยังงั้นกระมัง
เท่าที่ผมลองแหย่ถามคนที่อยู่ในระดับนโยบายหลายๆกลุ่ม ปรากฏว่าคงยุ่งอยู่กับสารพัดข่าวสารของปีโควิดที่ลากยาวจนบัดนี้ วุ่นไปทุกวงการ ทั้งการเรียน การสอบ การค้าขาย การว่างงาน การควบคุมโรค การควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงทางสังคม และการจัดการขยะติดเชื้อ
จึงไม่ทันได้รับทราบเรื่องเลือดแมงดาทะเลว่าเกี่ยวอะไรกับ การพิสูจน์วัคซีนว่าบริสุทธิ์หรือไม่อย่างไร
แต่เรื่องแมงดาทะเลนี้อาจกลายเป็นโอกาสครั้งใหญ่ เพราะไม่ใช่ว่าทุกประเทศชายฝั่งในโลกนี้เขาจะมีแมงดาทะเลเสียเมื่อไหร่
แถมในไทยเราก็ดันเอามาเผา มายำกินแกล้มเบียร์กันซะงั้น
ดังนั้น ผมจึงเรียบเรียงเสนอบทความนี้ขึ้นมาเพื่อ
1. ชวนคิดว่าในช่วงที่โลกกำลังค้นหาและพยายามพัฒนาสูตรวัคซีนโควิด19กันอย่างขะมักเขม้นนั้น แมงดาทะเลที่มีในไทยควรมีตัวตนอยู่แถวๆไหนในทางนโยบายสิ่งแวดล้อม ในนโยบายเศรษฐกิจ ในนโยบายวิจัย ในนโยบายประมง ในนโยบายส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งมาตรการในทางกฏหมาย และในทางการพัฒนาวิจัยและการขยายพันธุ์ รวมถึงการพัฒนาสายพันธุ์
2.เพื่อจะชวนคิดออกแบบเรื่องเขตรักษาพันธุ์ การคุ้มครองพันธุ์ การเพาะเลี้ยงแมงดาทะเลในไทยหรือในอาเซียน และ BIMSTEC (ความร่วมมือระหว่างประเทศในรอบอ่าวเบงกอล )ว่าเป็นสิ่งที่ควรคิดอ่านร่วมมือกันได้อย่างไรหรือไม่
3. เพื่อรณรงค์ให้ตลาดท้องถิ่นต่างๆหยุดบริโภคไข่แมงดาทะเล แล้วหันมาคิดว่าพอจะมีวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดการจับแมงดาทะเลมาเจาะดูดเลือดขายกันอย่างมั่วๆเพียงเพื่อหวังรวยเร็วจนทำให้ล้างผลาญปริมาณแมงดาทะเลในภูมิภาคนี้ไปอย่างไม่เข้าท่า ดีมั้ย
4.เพื่อชี้ว่าความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งของระบบนิเวศ
ธรรมชาติใส่รหัสการผูกและการแก้สมการไว้ใต้จมูกเราเยอะแยะ เราพบยาสมุนไพรจากพืช เราพบสารที่ใช้แก้ปัญหายากๆจากสิ่งที่เรานึกไม่ถึงเสมอ
นักวิทยาศาสตร์เคยพยายามศึกษาสารในดวงตาจระเข้ กบ เขียด และปลาตีน เพราะสังเกตว่ามันไม่ยักติดเชื้อที่ตา ทั้งที่มันอยู่ในหนองบึงและโคลนเลน มีแบคทีเรียเพียบไปหมด
ถ้างานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเลือดของแมงดาทะเลของไทยชี้ว่าสามารถให้ผลระดับเดียวกับหรือดียิ่งกว่าเลือดแมงดาทะเลของอเมริกา
โควิดครั้งนี้อาจให้โอกาสแก่ไทย แก่อาเซียนและเอเชียใต้ก็ได้ รวมทั้งต่อชีวิตมนุษย์โลกทั้งหลายด้วย
ขอแค่ต้องมี''ความรู้ '' มีความ''เมตตา''ต่อชีวิตอย่างละเอียดอ่อน และความ''ไม่โลภมาก'' ก็คงเป็นจุดเริ่มที่ดีแล้วล่ะครับ
เพราะโรคอุบัติใหม่และการผิดปกติของเซลของเรา จะยังมีเซอร์ไพรส์ใหม่ๆมาให้มนุษย์พบเจออีกไม่มีขาดตอนแน่ๆ
https://www.isranews.org/article/isr...eerasak-6.html
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|