22-04-2011
|
|
Senior Member
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
|
|
"คุ้มครองโลก" ก่อนไม่มี "โลก"ให้ครอบครอง
ให้โลกเราสวย พวกเรามาช่วยกัน
รับรู้ด้วยกัน แล้วทำให้โลกนี้สดใส
อยากให้โลกน่าอยู่กว่านี้ เป็นโลกที่เราฝันใฝ่
จะสวยอย่างไร เป็นไปได้ด้วยมือของเรา
ท่อนหนึ่งของเพลง "โลกสวยด้วยมือเรา" ทุ้มอยู่ในหูซ้ำไปซ้ำมา ท่ามกลางความครึ้มสลัวมัวด้วยเมฆฝน คลอเสียงฮึมฮำบนท้องฟ้าสีหม่นอย่างต่อเนื่อง กับเวลาบ่ายแก่ๆกลางเดือนเมษายน
เป็นข้อสงสัยและคำถามของหลายคน ถึงสภาพอากาศของโลกเราที่เปลี่ยนไป(มาก) ไม่ต้องดูไกล แค่ประเทศไทยของเราก็อลหม่านกับการเปลี่ยนแปลง ร้อน หนาว ฝน ในหนึ่งฤดูที่เคยหมุนผ่านไปตามปกติ ทว่าตอนนี้ผิดสภาพเพี้ยนกันไปใหญ่ ไม่แพ้จิตใจของ "มนุษย์"ตัวการฉกาจสำคัญที่ทำให้วัฐจักรของธรรมชาติ ขาดความสมดุลจนต้องสำแดงฤทธิ์เดชออกมาในรูปของมหันตภัยต่างๆ นานา ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้มวลมนุษยชาติตระหนักถึงความสำคัญของโลกต้องจัด วันคุ้มครองโลก หรือ เอิร์ธเดย์ ( Earth Day) ขึ้นทุกวันที่ 22 เมษายนของทุกปี ดำเนินมาเป็นปีที่ 41 แล้ว นับตั้งแต่มีการประกาศโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNEP)
แท้จริงแล้ว การริเริ่มก่อตั้งวันคุ้มครองโลกนั้น มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 ด้วยแนวคิดของ เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ผู้ชงเรื่องให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี (ปธน.สหรัฐขณะนั้น)ยกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เมื่ออดีตผู้นำสหรัฐอเมริกาเห็นด้วย จึงได้ออกทัวร์ทั่วประเทศ 5 วัน 11 รัฐ ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2506 (ก่อนที่ประธานาธิบดีเคเนดีจะถูกลอบยิงเสียชีวิต) การทัวร์ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่ม วันคุ้มครองโลก
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2512 วุฒิสมาชิกเนลสันได้ผลักดันให้มีการจัดการชุมนุมประชาชนระดับรากหญ้าทั่วประเทศขึ้น เปิดเวทีแสดงความคิดเห็นในปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมเชิญชวนให้ทุกๆ คนร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ครั้งนั้นประชาชนอเมริกันที่ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมกว่า 20 ล้านคน ก็ตบเท้าพร้อมใจกันมาชุมนุม เพื่อประท้วงการเพิ่มขึ้นของมลภาวะ และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนพื้นโลก
ผลจากการชุมนุมครั้งนั้นเอง ก่อให้เกิดการออกพระราชบัญญัติแก้ไขมลพิษในอากาศของสหรัฐอเมริกา และมีการจัดตั้งสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งชาติขึ้น จนในที่สุดก็มีการกำหนด วันคุ้มครองโลก หรือ"Earth Day" นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2513 เป็นต้นมา
เป้าหมายของวันคุ้มครองโลก ประกอบด้วยลดอัตราการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่อย่างหนาแน่นในบรรยากาศ ,กำจัดคลอโรฟลูออโรคาร์บอนซึ่งเป็นตัวทำลายสภาพโอโซนและก่อให้เกิดการสะสมความร้อนให้หมดสิ้นไป , อนุรักษ์สภาพป่าที่เหลืออยู่ ทั้งที่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าดงดิบ ,ห้ามซื้อ-ขายสิ่งมีชีวิตที่อาจทำให้ภาวะการเจริญพันธุ์ลดลงหรือหมดสิ้นไป , คงสภาพระดับประชากรไว้ให้อยู่ในสภาพที่สมดุลกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ,สร้างพลังอำนาจจากองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ร่วมกันปกป้องบรรยากาศ น้ำ และสภาพอื่น ๆ ให้พ้นจากการกระทำที่มิชอบของมนุษย์ และที่สำคัญคือ สร้างสำนึกในอันที่จะรักษาโลกไว้ทั้งบุคคล ชุมชนและชาติ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมพ่วงด้วยจิตสำนึกที่ดีในการรักษาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติได้แพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกจัดให้มีกิจกรรมวันคุ้มครองโลกเป็นประจำทุกปี เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์โลกใบสำคัญนี้เอาไว้ ด้วยผลกระทบอย่างไม่คาดฝันก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กว่านับพัน หมื่นล้านชีวิตต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิษและวิกฤตของสภาพอากาศซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งปัญหาโลกร้อน ปัญหาน้ำเสีย อากาศเป็นพิษ หรือการตัดไม้ทำลายป่าที่ส่งผลให้เกิดวาตภัย หรืออุทกภัยอย่างฉับพลัน สร้างความเสียหายให้กับสรรพสิ่งอย่างใหญ่หลวง
ทุกปีประเทศต่างๆ ทั่วโลกจึงร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ทั่วทุกหนทุกแห่ง โดยเฉพาะแถบแอฟริกา เคนยา ไนจีเรีย และนามิเบีย เป็นต้น การอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่เหลืออยู่ในเมือง หมู่บ้าน และภูเขา รณรงค์ให้มีการอนุรักษ์ป่าธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เน้นการคุมกำเนิดเพื่อให้จำนวนประชากรได้คงอยู่ในระดับคงเดิม ให้การศึกษาแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมไปถึง ร่วมกันรักษาความสะอาดตามถนนหนทาง ชายหาด อุทยาน และสถานที่สาธารณะต่างๆ
ในส่วนของประเทศไทย จัดให้มีการรณรงค์ วันคุ้มครองโลก ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2533 โดยโรงเรียนสอนภาษาสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปีเดียวกันนั้นก็ยังถือเป็นยุคเริ่มต้นของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจาก สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกระทำอัตวินิบาตกรรม ยิงตัวเองตายเสียชีวิต ส่งผลให้บรรดาอาจารย์และนักศึกษาร่วมกัน 16 สถาบัน จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้น เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ป่า และตระหนักถึงผลเสียของการทำลายป่าไม้ นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน เพื่อหาทุนเข้ามูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เพื่อใช้ปกป้องดูแลผืนป่าอีกด้วย
ในเมื่อธรรมชาติ กับมนุษย์ เป็นสิ่งคู่กันอย่างแยกมิได้ นอกจาก 22 เม.ย. จะเป็นวันคุ้มครองโลกแล้ว ยังถูกตั้งให้เป็น "วันธรรมะคุ้มครองโลก" อีกด้วย ตามมติก่อตั้งโดยองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) หลังกลุ่มบุคคลต่างๆ ต้องร่วมกันผลักดันจนสัมฤทธิ์ผลเป็นเวลายาวนานถึง 8 ปี ภายใต้คำขวัญ Clean The World Clean the Mind หรือ โลกสะอาดได้ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ โดยให้สมาชิกศูนย์ภาคีขององค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกจัดกิจกรรมในการรักษาสิ่งแวดล้อมและความสะอาดพร้อมกันการทำใจให้บริสุทธิ์ตามแนวแห่งพุทธวิธีด้วยการสวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา
นับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญขององค์กรพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ เพราะนอกจากจะปกป้องเฉพาะสิ่งแวดล้อมทางกายภาพแล้ว ก็ให้มาปกป้องสิ่งแวดล้อมทางด้านจิตใจ ตอนเช้ารักษาความสะอาดของสถานที่ ตอนสายๆ นั่งสมาธิรักษาความสะอาดของใจ รักษาศีล 5 ร่วมทำทาน นั่งสมาธิ เพื่อให้โลกสูงขึ้น เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมดีขึ้นจากภายใน
"ยังมีเวลาจะเปลี่ยนพรุ่งนี้ เพื่อโลกที่ดีเพื่อวันข้างหน้า
ให้เด็กน้อยๆ ค่อยๆลืมตา มามองเห็นว่าโลกงามเพียงไหน
ยังมีทะเล ยังมีภูเขา ยังมีเมฆขาว ยังมีดอกไม้
อากาศดีๆ ยังมีหายใจ มีโลกสดใสให้เล่นนานๆ"
ท่อนเนื้อร้องจากเด็กๆที่ประสานเสียงในเพลง "โลกป่วย" ถูกกลบด้วยความดังสายฝนโถมกระหน่ำ เหลือให้ได้ยินเพียงแผ่วเบาอยู่ ณ เวลานี้ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งได้แต่เฝ้าภาวนาให้ หยาดพิรุณกลางหน้าร้อนเป็นแค่กลไกของธรรมชาติธรรมดาๆ และหวังเพียงว่า ความผิดปกติ(อันน่าสะพรึงกลัว) จะปลูกสำนึกในจิตใจมนุษย์ให้ตระหนักถึงมหันตภัยที่รออยู่ข้างหน้าไม่มากก็น้อย ด้วยการตัดความเห็นแก่ตัวหันมารักษ์โลก รักษ์ธรรมชาติกันให้มากขึ้น
เรื่องใกล้ตัวง่ายๆ ที่ใครๆก็ทำได้ ว่าไหม ?
" เราใช้โลกอยู่ และเรารู้โลกมีใบเดียว โลกตายทุกคนตาย..."
จาก ................. มติชน วันที่ 22 เมษายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|