![]() |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 12 - 13 ก.ค. 66 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.ค. 66 ร่องมรสุมจะพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่หย่อมความกดกาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และ อ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 18 ? 19 ก.ค. 66 นี้ ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 15 - 18 ก.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 15 ? 18 ก.ค. นี้ไว้ด้วย ![]() ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ปล่อยน้ำปนเปื้อนอันตรายแค่ไหน? ![]() เวลา 14.46 น. ของวันที่ 11 มีนาคม 2011 หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนกระทั่งทำให้เกิดคลื่นสึนามิความสูง 15 เมตร ในประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายเกือบ 20,000 ศพ แล้ว ยังเป็นผลให้ ?โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ? (Fukushima Daiichi) และระบบด้านความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงระบบผลิตไฟฟ้าสำรอง ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบหล่อเย็น เพื่อระบายความร้อนให้กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้ ส่งผลให้เกิดการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในในโรงไฟฟ้าย่อย 3 โรง และการรั่วไหลของก๊าซไฮโดรเจนซึ่งเป็นสาเหตุของการระเบิดที่เกิดขึ้นตามมา โดยอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ในครั้งนี้ถูกจัดอันดับความรุนแรงตามลักษณะของการแพร่กระจายรังสี ผลกระทบทางรังสีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน เอาไว้ที่ ระดับ 7 ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์และรังสี (International Nuclear and Radiological Event Scale, INES) เนื่องจากมีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีออกจากโรงไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายในปริมาณสูงมาก มีการอพยพของประชากร เกิดการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีในระยะยาวในสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ดี แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลญี่ปุ่นจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ จนกระทั่งทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายลงได้ในที่สุด รวมถึงไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือเจ็บป่วยจาก "สารกัมมันตรังสี" หากแต่...ในช่วง12 ปีที่ผ่านมา ในแต่ละวันจะมีน้ำใต้ดินปริมาตรหลายร้อยลูกบาศก์เมตรไหลเข้าสู่ "โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ" และจากความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีน้ำฝนซึมเข้าไปภายในโรงไฟฟ้า โดยน้ำใต้ดินและน้ำฝนดังกล่าวได้สัมผัสกับเศษแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ จนกลายเป็น "น้ำที่ปนเปื้อนรังสี" ที่ถูกนำไปเก็บรวมกับน้ำปนเปื้อนรังสีที่ใช้ในการหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิง และในที่สุด...มันก็เดินทางมาถึง จุดที่ไม่สามารถรองรับ "น้ำปนเปื้อนรังสี" เหล่านี้ได้อีกต่อไป และจำเป็นต้องมีการระบายน้ำปนเปื้อนเหล่านั้นลงสู่ท้องทะเล "ท่ามกลางความกังขาของชาวโลกที่ว่า....ปริมาณน้ำปนเปื้อนเหล่านั้น จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงมนุษย์ด้วยหรือไม่?" อะไรคือ "ความจำเป็น" ของรัฐบาลญี่ปุ่น และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ วันนี้ "เรา" ลองไปรับฟัง "ข้อมูลที่รอบด้าน" จาก "ดร.ยุทธนา ตุ้มน้อย" ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานปรมาณู และรองโฆษกสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ผ่านการสนทนากับ "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" ความจำเป็นที่ต้องปล่อยน้ำปนเปื้อนลงสู่ทะเล : ทางญี่ปุ่นให้เหตุผลในเบื้องต้นว่า ข้อแรก แทงก์เก็บน้ำปนเปื้อนสารรังสีที่ปัจจุบัน จุน้ำเอาไว้มากถึง 1.4 ล้านตัน หรือเท่ากับปริมาณความจุน้ำเท่ากับสระว่ายน้ำมาตรฐานสำหรับการจัดการแข่งขันโอลิมปิกถึง 500 สระรวมกันนั้นใกล้ที่จะเต็มความจุแล้ว ส่วนเหตุผล ข้อที่สอง คือ ไม่สามารถสร้างแทงก์น้ำเพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากจะเป็นการกีดขวางการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ารื้อถอนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 12 ปีก่อน รวมถึงจะไม่สามารถสร้างสถานที่เก็บกาก หรือ แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายที่อยู่ในเตาปฏิกรณ์ได้ และ ข้อที่สาม คือ ลดความเสี่ยงในการเกิดการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนรังสีในแทงก์ในกรณีของการเกิดแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายให้กับแทงก์เก็บน้ำเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้อง ?หาทางในการจัดการน้ำปนเปื้อนเหล่านี้? วิธีการกำจัดและเจือจางน้ำปนเปื้อนสารรังสีก่อนปล่อยลงสู่ทะเล : สำหรับวิธีการจัดการน้ำที่ปนเปื้อนรังสีในระดับสูงและมีหลายสารรังสีปนเปื้อนอยู่ในน้ำซึ่งอยู่ในแทงก์น้ำขนาดมหึมาเหล่านั้น ในเบื้องต้นจะอาศัยกระบวนการบำบัดและการเจือจางสารปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเสียก่อน 1. การกำจัด : คือ ลดความเข้มข้นหรือแยกนิวไคลด์กัมมันตรังสีออกจากน้ำ ยกเว้น "ทริเทียม" (Tritium, 3H) ที่ไม่สามารถนำออกจากน้ำได้ 2. การเจือจาง : คือ ลดความเข้มข้นของ "Tritium" รวมถึงนิวไคลด์กัมมันตรังสีที่หลงเหลืออยู่ในน้ำด้วยน้ำทะเลสะอาดจนอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ปริมาณกัมมันตภาพรังสีของ Tritium ในน้ำที่อนุญาตให้ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม : สำหรับค่ามาตรฐานสำหรับการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารรังสีออกสู่สิ่งแวดล้อมในประเทศญี่ปุ่น จะอยู่ที่ 60,000 Becquerel ต่อ ลิตร (Bq/L) สำหรับ Tritium อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นทางรัฐบาลญี่ปุ่นแจ้งว่า จะมีการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารรังสี (Tritium) จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะในระดับเพียง 1,500 Becquerel ต่อ ลิตร (Bq/L) เท่านั้น โดยในแต่ละปี จะมีการทยอยระบายน้ำปนเปื้อนสารรังสีในระดับ 22 TBecquerel (TBq) ต่อปี และคาดว่าน่าจะใช้เวลาถึงประมาณ 30 ปี น้ำที่ปนเปื้อนเหล่านั้นจึงจะปล่อยลงสู่ทะเลได้ทั้งหมด สารรังสีที่ยังพบในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ : สำหรับสารรังสีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและพบในน้ำที่เก็บกักไว้ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ประกอบด้วย... 1.ซีเซียม-134 มีค่าครึ่งชีวิต 2 ปี (หมายถึงระยะเวลาที่สารกัมมันตรังสีใช้ในการสลายตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของกัมมันตภาพรังสีตั้งต้น) 2. ซีเซียม-137 มีค่าครึ่งชีวิต 30 ปี 3.สตรอนเทียม-90 มีค่าครึ่งชีวิต 28 ปี 4.ทริเทียม มีค่าครึ่งชีวิต 12.3 ปี 5.ไอโอดีน-129 ซึ่งมีค่าครึ่งชีวิต 15.6 ล้านปี น้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดและการเจือจางสารปนเปื้อนปลอดภัยแค่ไหน : ผลการทดสอบความปลอดภัยจากญี่ปุ่น : ทางรัฐบาลญี่ปุ่น รายงานว่า เมื่อนำโมเดลทางคณิตศาสตร์ มาทำการประเมินระดับรังสีและผลกระทบทางรังสีในตัวแทนของสิ่งมีชีวิตทางทะเล 3 ชนิด ได้แก่ ปลาตาเดียว, ปู, และสาหร่ายสีน้ำตาล ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่ในทะเลรอบโรงไฟฟ้า และมีโอกาสได้รับสารกัมมันตรังสีจากการปล่อยน้ำลงสู่ทะเล พบว่า ระดับรังสีที่สิ่งมีชีวิตทางทะเลทั้ง 3 ชนิดนี้ได้รับ อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปลอดภัยทางรังสีที่ในระดับนานาชาติให้การยอมรับ "เท่าที่ส่วนตัวได้เคยอ่านงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องหรือคล้ายคลึงกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีในครั้งนี้ โดยเฉพาะการระบายน้ำของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในการดำเนินงานปกติ ยังไม่พบว่า มีงานวิจัยใดที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อมีการปล่อยน้ำดังกล่าวลงสู่ทะเลแล้วจะมีผลกระทบทางรังสีต่อสิ่งแวดล้อมในทะเล หรือ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ รวมไปจนกระทั่งถึงทำให้สิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นลดลง เนื่องจากการระบายน้ำปนเปื้อนรังสีดังกล่าวเป็นไปตามเกณฑ์ปลอดภัย ที่อนุญาตให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อควรรู้ คือ หากถามว่ามีการสะสมของสารกัมมันตรังสีในสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่ คำตอบคือมีแน่นอนแต่จะมีลักษณะและระยะเวลาในการสะสมที่แตกต่างกันไปตามชนิดของสิ่งมีชีวิตและชนิดของสารกัมมันตรังสี เพียงแต่สิ่งมีชีวิตจะมีกลไกในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายอยู่แล้วเป็นปกติ เพราะฉะนั้น สารกัมมันตรังสีซึ่งถือเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่สิ่งมีชีวิตสามารถรับเข้าไปแล้วก็สามารถขับถ่ายออกจากร่างกายได้เช่นกัน นอกจากนี้ เบื้องต้นทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยืนยันแล้วว่า น้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดและการเจือจางสารปนเปื้อนที่พร้อมจะปล่อยลงสู่ทะเล จะไม่มีสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนที่เกินกว่าเกณฑ์การระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ หากถามผมว่ากังวลไหม? ในส่วนตัวผม เท่าที่ได้ติดตามแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลญี่ปุ่นในกรณีนี้ ติดตามบทความวิชาการที่เกี่ยวกับการประเมินผลกระทบของน้ำปนเปื้อนรังสีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน และที่ได้ลองประเมินผลกระทบดังกล่าวด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พบว่าไม่น่าจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความกังวลน่าจะไปเกิดในเรื่องของเศรษฐกิจ อันเกิดจากความเชื่อมั่นที่ลดลงต่ออาหารทะเล หรือ อุตสาหกรรมส่งออกอาหารทะเลของญี่ปุ่นมากกว่า" ผลกระทบต่อประเทศไทย : "ที่ตั้งของประเทศญี่ปุ่น อยู่ห่างจากประเทศไทยค่อนข้างมาก ฉะนั้นผลกระทบทางรังสีที่จะมาถึงประเทศไทยจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีในครั้งนี้มีโอกาสน้อยมากจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางรังสีของประเทศไทย ได้มีการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีในสิ่งแวดล้อมทางทะเลของประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายทั้งภายในประเทศและนานาชาติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันว่าระบบนิเวศทางทะเลและอาหารทะเลของประทศไทยปราศจากการปนเปื้อนทางรังสีจากการดำเนินงานในครั้งนี้ ส่วนประเด็นเรื่อง เราจะสามารถบริโภคอาหารทะเลจากประเทศญี่ปุ่นได้หรือไม่นั้น จริงๆประเด็นนี้ทาง ปส. ร่วมกับกรมประมง ได้เคยสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากการบริโภคอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นในตอนที่เกิดอุบัติเหตุใหม่ๆ เมื่อ 12 ปีก่อน และในช่วงที่มีข่าวว่าประเทศไทย เป็นประเทศแรกๆ ที่นำเข้าอาหารทะเลจากพื้นที่ของฟุกุชิมะ โดยมีการสุ่มตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าที่หน้าด่านและในท้องตลาดมาทำการตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีที่ห้องปฏิบัติการตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีของ ปส. และมาตรการดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งสำหรับการเก็บข้อมูลกัมมันตภาพรังสีในอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นก่อนการระบายน้ำปนเปื้อนรังสี และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งในระหว่างและภายหลังการปล่อยน้ำออกจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ฉะนั้นประชาชนจึงไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด" ดร.ยุทธนา ตุ้มน้อย รองโฆษกสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวปิดท้ายการสนทนา https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2708749
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
รุดช่วย "โลมาลายแถบ" เกยตื้นอ่าวแหลมไทร หายใจไม่ปกติ อ่อนแรง พบ "โลมาลายแถบ" เกยตื้นมีชีวิต บริเวณอ่าวแหลมไทร ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา พบมีอาการหายใจไม่ปกติ อ่อนแรง ![]() วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 มีรายงานว่า วานนี้ (11 กรกฎาคม) เวลา 14.45 น. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ได้รับแจ้งจาก หน.อช.ธารโบกขรณี ประสานงานกรณีเครือข่ายประมงพื้นบ้าน พบโลมาเกยตื้น 1 ตัว บริเวณหาดแหลมไทร หมู่ 5 เกาะยาวน้อย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ อพ.3 (เกาะโบยใหญ่) เข้าตรวจสอบช่วยเหลือโลมาตัวดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าโลมาตัวดังกล่าวมีอาการหายใจไม่ปกติ อ่อนแรง จึงประสานงานและนำขึ้นเรือยางตรวจการณ์ 1904 ไปยังท่าเรืออ่าวปอ ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ดำเนินการต่อไป. https://www.thairath.co.th/news/local/2708878
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|