เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 22 - 23 ก.พ. 67 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหล้วในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 24 ? 27 ก.พ. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ในช่วงวันที่ 22 - 25 ก.พ. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 27 ก.พ. 67 ลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้อ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดช่วง

โดยในช่วงวันที่ 24 - 26 ก.พ. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในระยะแรก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 22-02-2024 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เจ้าท่าประจวบฯ ออกประกาศคุมเข้มการเดินเรือช่วงภารกิจกู้ "ร.ล.สุโขทัย"



ผบ.ทร.เตรียมเดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม-ให้กำลังใจ จนท.ปฏิบัติภารกิจกู้ "เรือหลวงสุโขทัย" ขณะที่ กรมเจ้าท่าประจวบฯ ออกประกาศเตือนระมัดระวังการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการนำเรือเข้าใกล้บริเวณรัศมี 5 ไมล์ทะเล จากจุดศูนย์กลางการปฏิบัติภารกิจ

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันนี้ เรือหลวงมันใน และเรือหลวงบางระจัน จอดเทียบท่าไม่ได้มีการออกไปปฏิบัติภารกิจ และคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้จะมี เรือ ต.997 และเรือ ต.998 เข้ามาเทียบท่าเพิ่มเติม เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด ภายใต้ความร่วมมือของกองทัพเรือไทย-สหรัฐฯ โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.) พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. มีกำหนดการเดินทางเข้าพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจ

ขณะที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ออกประกาศที่ 20/2567 เรื่องให้ระมัดระวังการเดินเรือ โดยระบุว่า ด้วยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากกองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ (หมวดเรือค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย) ว่ามีแผนปฏิบัติภารกิจการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางลง ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 จนถึงวันที่ 12 มีนาคม 2567 เป็นการเร่งด่วน โดยมีกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ เป็นหน่วยรับผิดซอบหลักในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินเรือ และไม่เป็นการกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่ค้นหา และปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางลง จึงขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือ หลีกเลี่ยงการนำเรือเข้าใกล้บริเวณรัศมี 5 ไมล์ทะเล จากจุดศูนย์กลางการปฏิบัติภารกิจ ที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ละติจูด 11 องศา 00 ลิปดา เหนือ ลองจิจูด 99 องศา 53 ลิปดา ตะวันออก บริเวณทะเลอ่าวไทย ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์


https://www.thairath.co.th/news/local/central/2765133

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


จีนเตือนภัยคลื่นความเย็นระดับสีส้ม อุณหภูมิดิ่ง ลบ 52.3 องศาฯ เย็นสุดในรอบ 6 ทศวรรษ



จีนประกาศเตือนภัย "สีส้ม" ให้ประชาชนรับมือกับคลื่นความเย็นที่กำลังแผ่ปกคลุมในหลายภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ และหลายพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอุณหภูมิลดลงไปแตะ ลบ 52.3 องศาเซลเซียส

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2567 ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน ประกาศเตือนภัยสภาพอากาศจากคลื่นความเย็น ระดับสีส้ม ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในระบบเตือนภัยสภาพอากาศแบบแบ่ง 4 ระดับของประเทศ ในหลายภูมิภาคทางตอนใต้ของจีน พร้อมคาดการณ์อุณหภูมิลดลงอย่างมาก

โดยสื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนตอนใต้จะมีอุณหภูมิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ไปจนถึงวันศุกร์ (23 ก.พ.) โดยอุณหภูมิเฉลี่ยรายวันหรืออุณหภูมิต่ำสุดจะลดลง 8-12 องศาเซลเซียส ขณะบางส่วนของเมืองกุ้ยโจว หูหนาน และกว่างซี จะมีอุณหภูมิลดลงถึง 20 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า

รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในภูมิภาคซินเจียง กำลังเผชิญกับความหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นฤดูหนาวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 6 ทศวรรษ อุณหภูมิดิ่งลงถึง ลบ 52.3 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติหนาวเย็นที่สุดในรอบ 64 ปี โดยอุณหภูมิที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็วเป็นส่วนหนึ่งของ ปรากฏการณ์สภาพอากาศที่ผิดปกติ และการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพภูมิอากาศโลก.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2764896

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


น่ายินดี! ลูกแม่ลำปี ลูกเต่ามะเฟืองชุดแรกคลานลงทะเลแล้วอย่างปลอดภัย

พังงา - ลูกเต่ามะเฟืองซึ่งเป็นลูกขอแม่ลำปี ที่ขึ้นมาวางไข่ในเขตพื้นที่อุทยานเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ออกจากไข่คลานลงทะเลแล้ว



เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.พ.) ที่ชายหาดของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่อุทยาน นักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมกันปล่อยลูกเต่ามะเฟือง จำนวน 18 ตัว ที่ฟักจากรังของแม่ลำปีออกมาแล้ว จำนวน 21 ตัว ลงสู่ท้องทะเล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมปล่อยลูกเต่าชุดแรกลงทะเล ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกเต่าได้หวนคืนท้องทะเลใช้ชีวิตตามธรรมชาติ เติบโต และขยายพันธุ์ต่อไป

โดย "แม่ลำปี" แม่เต่ามะเฟืองได้ขึ้นมาวางไข่ในเขตพื้นที่อุทยานเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการย้ายไข่เต่ามะเฟืองไปเพาะฟักในจุดที่เป็นแนวที่อยู่พ้นจากน้ำทะเลขึ้นสูงสุดเพื่อให้ไข่เต่าได้มีโอกาสฟักตัวตามธรรมชาติและง่ายต่อการดูแล จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 20 ก.พ.67 ลูกเต่ามะเฟืองชุดแรกได้ทยอยขึ้นจากหลุมและเริ่มคลานลงทะเลในเวลาประมาณ 07.20 น.

แต่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานเกรงว่าจะมีนกออกหากิน ประกอบกับด้านหน้าชายหาดเป็นแนวปะการังที่อาจมีฝูงปลาชุกชุม ซึ่งจะทำให้ลูกเต่าที่เพิ่งฟักออกจากหลุมใหม่ๆ ยังเป็นตัวอ่อนอยู่จะกลายเป็นอาหารของผู้ล่าได้ ทางอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จึงนำลูกเต่าไปอนุบาลไว้ในอ่างที่บุด้วยผ้า ก่อนที่จะทำการปล่อยลงสู่ทะเลในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ซึ่งคาดว่าลูกเต่ามะเฟืองที่เหลือจะฟักและคลานขึ้นจากหลุมเพิ่มเติมต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9670000015769

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


โลกร้อนวาฬเกยตื้นในอ่าวญี่ปุ่นมากขึ้น?


วาฬที่ตายแล้วลอยอยู่ในอ่าวโอซากา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 (เกียวโด)

เกียว?โด?นิวส์? (21? ก.พ.)? พบวาฬจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เกยตื้นในอ่าวทางตะวันตกของญี่ปุ่น? ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลมีแนวโน้มมากขึ้น?ที่จะหลงเข้ามาในพื้นที่นี้เมื่อภาวะโลกร้อนดำเนินไป

เมื่อวันจันทร์ พบซากวาฬสเปิร์มยาว 13-?14 เมตร และหนัก 25-?30 ตันในอ่าวโอซากา การค้นพบนี้เกิดขึ้นถัดจากรายงานการพบเห็นวาฬเกยตื้นในอ่าวนอกเมืองโกเบ ในจังหวัดเฮียวโงะ เมื่อสัปดาห์ก่อน

ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว วาฬสเปิร์มตัวหนึ่งเสียชีวิตหลังจากเกยตื้นใกล้ปากแม่น้ำโยโดะในโอซากา วาฬยาว 15 เมตรตัวนี้ที่สื่อโซเชียลเรียกกันติดๆ ว่าโยโดะจัง เสียชีวิตนอกคาบสมุทรคิอิทางตอนใต้ของอ่าวโอซากาในเวลาต่อมา

ตามรายงานของสำนักงานท่าเรือท้องถิ่น วาฬทุกตัวที่หลงเข้าไปในอ่าวได้ตายไปแล้วหลังจากไม่สามารถกลับลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้ แม้ว่าเสียงโลหะสามารถใช้เพื่อไล่ล่าปลาวาฬได้ แต่มีความเสี่ยงที่จะทำให้พวกมันยิ่งปั่นป่วน? จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมาะสม

"สิ่งเดียวที่เราทำได้คือจะกำจัดซากอย่างไร" เจ้าหน้าที่สำนักงานกล่าว

ยาสุโนบุ นาเบชิมะ ประธานชมรมชุมชนพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติโอซากา กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของวาฬที่หลงเข้าไปในอ่าวโอซากาเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวลดลง

ความแตกต่างถูกลดทอนลงอีกโดยการพัฒนากระแสน้ำวนอุณหภูมิต่ำในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดจากการคดเคี้ยวขนาดใหญ่ของกระแสน้ำคุโรชิโอะ ซึ่งเริ่มต้นจากฟิลิปปินส์และไหลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2560 นาเบชิมะกล่าว พร้อมเสริมว่าสิ่งนี้ยังได้ทำให้โลมาและเต่าทะเลเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่

โครงสร้างของอ่าวโอซากายังมีผลให้วาฬว่ายเข้าได้ง่าย โดยชายฝั่งของเมืองโอซากาและซาไกประกอบด้วยร่องทางน้ำที่ซับซ้อนมากมาย

แม้ว่าท่าเรือโกเบ ซึ่งวาฬตัวล่าสุดถูกพบเห็นเกยตื้นครั้งแรกนั้นมีโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่ท่าเรือซาไก-เซ็มโบกุ ที่พบซากวาฬเมื่อวันจันทร์ กลับเป็นทางตัน

วาฬใช้คลื่นเสียงในการนำทาง และอ่าวโอซากาก็กลายเป็น "สถานที่ที่พวกมันไม่สามารถหลบหนีไปได้เมื่อเข้าไปแล้ว" นาเบชิมะกล่าว

"หน่วยงานท้องถิ่นควรร่วมมือกับสถาบันวิจัยเพื่อดำเนินการสำรวจระบบนิเวศและแสวงหามาตรการที่มีประสิทธิภาพ" เขากล่าวเสริม


https://mgronline.com/japan/detail/9670000015849

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 22-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,521
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


'สวนป่าชุ่มน้ำบางกอก' ทวงคืนสมดุลธรรมชาติให้เมือง



เมืองใหญ่ที่เติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยน้ำมือมนุษย์ ทำให้พื้นที่ธรรมชาติที่อยู่ในเมืองหายไป โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ หลงเหลืออยู่น้อยมาก ทั้งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญรักษาธรรมชาติให้สมดุล นอกจากประโยชน์ที่คนเมืองได้รับในด้านความสวยงาม การฟอกอากาศ ลดฝุ่นพิษ PM2.5 และการเป็นแก้มลิงธรรมชาติช่วยรับน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนัก บรรเทาน้ำท่วมแล้ว ยังมีสัตว์นานาชนิดได้อาศัยพื้นที่สีเขียวนี้เป็นแหล่งพักพิงหลีกหนีจากป่าคอนกรีต

ปัจจุบันมีหลายภาคส่วนพยายามทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำในกรุงเทพฯ กลับมา อย่างที่หลายประเทศเร่งรักษาพื้นที่ธรรมชาติดั้งเดิมในเมือง พร้อมทั้งสื่อสารทำความเข้าใจความเป็นธรรมชาติกับคนเมืองและชุมชนต่างๆ เพื่อให้เกิดความรักและหวงแหนพื้นที่ ไม่บุกรุกทำลายธรรมชาติ เพราะกรุงเทพฯ ที่เดิมเรียกว่า "บางกอก" นั้น มีที่มาจากชื่อต้นมะกอกน้ำที่เคยมีในกรุงเทพฯ มากมาย แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่หายากในมหานครแห่งนี้

ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ อย่างเขตบึงกุ่ม มีโครงการฟื้นฟูและพัฒนา?สวนป่าชุ่มน้ำบางกอก?ผ่านการออกแบบพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม หวังว่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดแนวทางที่เหมาะสมในการดูแลพื้นที่สีเขียวที่ครอบคลุมเหล่าผู้อาศัยทั้งประชากรมนุษย์และประชากรสัตว์ที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน รวมถึงคงความเป็นนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำไว้ได้ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและชุมชนในพื้นที่


สำหรับสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก พิกัดท้ายซอยเสรีไทย 29 เขตบึงกุ่ม มีพื้นที่ 86 ไร่ เป็นพื้นที่สวนหนึ่งภายในสวนเสรีไทย ลักษณะโดยรวมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติ เดิมเรียกว่า ?คลองลำบึงกุ่ม? เป็นโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร ใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่สำหรับรองรับน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ด้านฝั่งกรุงเทพตะวันออก

สวนป่าชุ่มน้ำแห่งนี้มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้พื้นถิ่น สิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ล้อมรอบด้วยชุมชนที่ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเพื่อการดำรงชีวิต อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับสวนสาธารณะของ กทม. จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สวนเสรีไทย และสวนนวมินทร์ภิรมย์ ต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะสำหรับให้คนเมืองเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนที่จะมีไอเดียจัดทำโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก โดยมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการตั้งวางสิ่งของรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ บริเวณสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก เพื่อขอคืนพื้นที่และพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายและปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ คนเมือง โดยเฉพาะชาวบึงกุ่มและคันนายาวได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น


ความคืบหน้าล่าสุด จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สำรวจติดตามการดำเนินงานโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกและการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะบริเวณซอยเสรีไทย 29 เขตบึงกุ่ม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา และสำนักงานเขตบึงกุ่ม ร่วมดำเนินการ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา

สวนป่าชุ่มน้ำแห่งนี้มีบึงขนาดใหญ่ปัจจุบันกำลังทำทางเดินโดยรอบระยะทางประมาณ 3,850 เมตร รวมถึงการจัดทำทางเดิน-วิ่งออกกำลังกายที่เหมาะสมฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ความยาว 450 เมตร ดำเนินการปูผิวทางแอสฟัลต์ ส่วนฝั่งหมู่บ้านศรีนครพัฒนา ความยาว 3,400 เมตร สร้างพื้นทางหินคลุก เตรียมปูผิวทางแอสฟัลต์ ก่อสร้างทางเดินริมน้ำพร้อมราวกันตก ความยาว 420 เมตร ความกว้าง 2.50 เมตร ตอกเสาเข็มไม้กันดินพัง ความยาว 2,697 เมตร

ภายในพื้นที่ยังจัดทำสวน 15 นาที บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ปรับปรุงภูมิทัศน์ฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ตัดแต่งไม้ยืนต้น ขุดตอไม้ที่แห้งตาย ปลูกไม้คลุมดินริมตลิ่ง เติมดินผสมปุ๋ยบำรุงต้นไม้ให้เติบโตงอกงาม ปลูกไม้พุ่มเพิ่มเติมเพิ่มสีเขียว

ส่วนฝั่งหมู่บ้านศรีนครพัฒนา ตัดแต่งไม้ยืนต้น ขุดตอไม้ที่แห้งตาย ปรับปรุงรั้วและทำประตูทางเข้า-ออก ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยในการเข้ามาใช้บริการสวนสาธารณะ มีเสาไฟฟ้า 90 ต้น แหล่งจ่ายไฟฟ้า 5 ตู้ ตู้จ่ายไฟเครื่องเติมอากาศ 6 ตู้ ติดตั้งเครื่องเติมอากาศในบึงน้ำ 14 เครื่อง เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้สะอาด ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าและประปา ที่ขาดไม่ได้เลยมีการติดตั้งสุขาสำเร็จรูป จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย 14 นาย ทำไม้กั้นปิดทางเข้า-ออก บริเวณอาคารของสำนักการระบายน้ำ ตั้งวางแบริเออร์บริเวณจุดที่ท้ายซอยเชื่อมกับพื้นที่สวนทั้ง 5 จุด


จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือดำเนินงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ ที่ผ่านมา เขตฯ ได้ลงพื้นที่พูดคุยสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สวน ไม่ให้นำวัสดุอุปกรณ์ออกมาตั้งวางนอกบ้าน ไม่ให้นำรถเข้ามาในพื้นที่สวน จัดเก็บขยะใบไม้แห้งที่ลอยอยู่ในบึง รวมถึงเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ในพื้นที่สวน สำนักการโยธาจัดทำทางเดิน-วิ่งออกกำลังกายรอบบึง สำนักการระบายน้ำปักเสาเข็มไม้ทำแนวป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง สำนักสิ่งแวดล้อมคัดเลือกพันธุ์ไม้ชนิดไม้ยืนต้นและไม้คลุมดิน เพื่อให้เป็นไปตามลักษณะทางกายภาพของสวนป่าชุ่มน้ำ และยังคงรักษาระบบนิเวศเดิมตามธรรมชาติ

สำหรับการทำทางเดินรอบบึงมีบางจุดที่เป็นพื้นที่เอกชน รองผู้ว่าฯ ระบุหากต้องเลี่ยงโดยการทำสะพานลัดข้ามผ่านบึงจะใช้งบประมาณจำนวนมาก ที่ผ่านมา ให้สำนักงานเขตบึงกุ่มประสานกับเจ้าของที่เพื่อขอใช้ทำเส้นทางเดินให้ต่อเนื่องบรรจบครบรอบบึง รวมถึงทางเข้าสวนที่สามารถเข้าได้จากหลายทิศหลายทางจะทำเส้นทางเข้าให้เรียบร้อย และจุดไหนที่เป็นของเอกชนก็เร่งประสานขอความร่วมมือ

" ด้วยศักยภาพของพื้นที่คลองลำบึงกุ่ม ประกอบกับทำเลที่ตั้งสามารถเชื่อมโยงกับสวนสาธารณะที่มีอยู่เดิม ยกระดับให้กลายเป็นสวนสาธารณะระดับย่าน (District Park) ผ่านโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก Bangkok Wetland Forest (BWF) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบนิเวศ รวมทั้งยังเกื้อหนุนการดำรงชีวิตของชุมชน เป็นแหล่งเก็บกักน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ โดยจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนเมษายน 2567 นี้ " จักกพันธุ์ให้ภาพสวนสาธารณะขนาดใหญ่นี้

ในทัศนะ พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกไว้ว่า สวนป่าแห่งนี้มีความท้าทายหลายอย่างในการพัฒนา แต่ก็มีศักยภาพมากมายที่จะทำให้กลายเป็นสวนคุณภาพของชาวบึงกุ่ม คันนายาว และชาวกรุง สัมผัสได้เลยว่า เมื่อเดินเข้ามาอุณหภูมิลดลงจากภายนอกอย่างชัดเจน อีกทั้งสวนยังเชื่อมต่อยาวไปถึงสวนเสรีไทย อีกด้านติดกับสวนนวมินทร์ภิรมย์ ทั้งพื้นที่และทัศนียภาพงดงามไม่แพ้สวนใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร

สวนป่าชุ่มน้ำบางกอกเป็นอีกโมเดลฟื้นฟูเมืองต้องกลับมาฟื้นฟูธรรมชาติ ยังมีพื้นที่ธรรมชาติในเมืองที่รอการดูแลอีกมาก


https://www.thaipost.net/news-update/536699/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:25


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger