|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 5 - 7 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 10 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อนถึงร้อนจัด ในช่วงวันที่ 5 ? 8 มี.ค.67 โดยในช่วงวันที่ 8 - 10 มี.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ชีวิตหมีขั้วโลกเหนือ : บททดสอบแห่งการอยู่รอด หมีขั้วโลก หรือ หมีขาว (อังกฤษ : polar bear ; ชื่อวิทยาศาสตร์: Ursus maritimus) สัตว์นักล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนน้ำแข็ง ถูกขนานนามว่าเป็น "ราชาแห่งอาร์กติก" หมีขั้วโลก หรือ หมีขาว (อังกฤษ : polar bear ; ชื่อวิทยาศาสตร์: Ursus maritimus) สัตว์นักล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนน้ำแข็ง ถูกขนานนามว่าเป็น ?ราชาแห่งอาร์กติก? อาศัยอยู่ในเขตอาร์กติก บนแผ่นน้ำแข็งทะเลที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน พวกมันมีขนสีขาวหนาเพื่อเก็บกักความร้อน ร่างกายอ้วนกลมช่วยให้ลอยน้ำได้ดี และอุ้งเท้าขนาดใหญ่ช่วยกระจายน้ำหนักบนพื้นน้ำแข็ง สามารถว่ายน้ำได้ไกลถึง 100 กิโลเมตรต่อวัน เพื่อตามหาอาหารซึ่งอาหารหลักของมันคือแมวน้ำ ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งทะเลละลาย พื้นที่หากินของมันแคบลงส่งผลต่อจำนวนแมวน้ำทำให้มันขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้มันผอมโซ อ่อนแอ ลูกหมีขั้วโลกตายก่อนโตเต็มวัย ตัวเมียไม่มีน้ำนมเพียงพอที่จะเลี้ยงลูก ปัจจุบันประมาณการว่า ประชากรหมีขั้วโลกทั้งหมดทั่วโลกมี 22,000?31,000 ตัว อาศัยอยู่ในโซนประเทศแถบขั้วโลกเหนือ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ประชากรหมีขั้วโลกจะลดลง 30% ภายในปี 2050 หากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยเหลือหมีขั้วโลก อนาคตของพวกมันจึงขึ้นอยู่ในมือมนุษย์ที่ต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้อง ?ราชาแห่งอาร์กติก? ให้ยังคงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปบนโลกใบนี้ https://www.dailynews.co.th/articles/3226186/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
เมืองเซี่ยเหมินใช้ "เรือไฟฟ้าไร้คนขับ" ลาดตระเวนพิทักษ์โลมาขาว เมืองเซี่ยเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เริ่มใช้งานเรือลาดตระเวนไร้คนขับพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี 5จี เพื่อภารกิจคุ้มครองโลมาขาวในจีน สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ว่า โลมาขาวจีนหรือ ?แพนด้ายักษ์แห่งท้องทะเล? จัดเป็นสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดและสัตว์คุ้มครองระดับสูงสุดของจีน ส่วนเซี่ยเหมินเป็นเมืองแห่งเดียวของจีน ซึ่งประชาชนสามารถพบเห็นโลมาสายพันธุ์ดังกล่าวได้ตามแนวชายฝั่ง นายหวัง ไห่ลี่ ผู้อำนวยการศูนย์การจัดการเดินเรือวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน กล่าวว่า เรือไร้คนขับลำนี้มีขนาดเล็ก สามารถลาดตระเวนพื้นที่ตามคำสั่ง เช่น อ่าวถงอัน พื้นที่หลักของเขตอนุรักษ์โลมาขาวในเซี่ยเหมิน ทั้งนี้ เรือไฟฟ้าสร้างเสียงรบกวนเบามาก จึงไม่ส่งผลกระทบต่อโลมาขาว รวมถึงสามารถปฏิบัติงานได้ทุกเวลาและท่ามกลางทุกสภาพอากาศ นำไปสู่การคุ้มครองโลมาขาวได้ตลอด 24 ชั่วโมง. ข้อมูล-ภาพ : XINHUA https://www.dailynews.co.th/news/3228018/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ช่วยด่วน! ภูเขาไฟระเบิดบน "เกาะกาลาปากอส" ลาวาแดงร้อนไหลท่วมเกาะเสี่ยงต่อชีวิต "เต่ายักษ์กาลาปากอส" ไม่เห็นมานานกว่า 100 ปี เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ ? ภูเขาไฟลากุมเบร์( La Cumbre )บนหนึ่งในหมู่เกาะกาลาปากอสของเอกวาดอร์เกิดปะทุขึ้นในคืนวันเสาร์(2 มี.ค) ส่งลาวาร้อนแดงฉานไหลท่วมลงทะเล เสี่ยงเป็นภัยต่อเต่ายักษ์กาลาปากอสเพศเมียชื่อ เฟอร์นานดา อาศัยอยู่ตามลำพังพบตั้งแต่ปี 2019 หลังไม่เคยปรากฎมานานกว่า 1 ศตวรรษ ยูโรนิวส์รายงานวันจันทร์(4 มี.ค)ว่า ภูเขาไฟลากุมเบร์ (La Cumbre) ที่อยู่บนเกาะเฟอร์นานดินา( Fernandina) หนึ่งในหมู่เกาะกาลาปากอสที่มีชื่อเสียงของเอกวาดอร์เกิดปะทุในคืนวันเสาร์(2) ลาวาแดงฉานพุ่งขึ้นฟ้าทำสว่างจ้าไปทั่วระหว่างที่ลำธารลาวาร้อนไหลมุ่งหน้าลงทะเล เกาะเฟอร์นานดินาเป็นบ้านของเต่ายักษ์ปาลาปากอสเพศเมียชื่อ เฟอร์นานดา(Fernanda)ที่ค้นพบเมื่อปี 2019 ในบริเวณที่มีพืชขึ้นอยู่ใต้ภูเขาไฟ เต่าเฟอร์นานดาหรือชื่อย่อคือ "เฟิร์น" ตามการรายงานพบว่าอาศัยอยู่บนเกาะตามลำพังตัวเดียว เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะที่ถึงแม้ว่าการระเบิดของภูเขาจะไม่ทำให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายเพราะเป็นเกาะที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ แต่ทว่าเกาะที่ว่านี้กลับเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาพันธุ์รวมไปถึง อิกัวนา เพนกวิน และนกกาน้ำที่บินไม่ได้ ในปี 2019 บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างตื่นเต้นที่ค้นพบว่าบนเกาะกลับมีเต่ายักษ์กาลาปากอสที่ไม่ได้พบเห็นนานกว่า 100 ปี หรือเป็นการพบครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1906 และเกรงว่าอาจสูญพันธุ์ เจ้าหน้าที่สถาบันธรณีฟิสิกส์ของเอกวาดอร์เปิดเผยว่า การปะทุล่าสุดนี้อาจเป็นการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดของภูเขาไฟลากุมเบร์ นับตั้งแต่ปี 2017 ลากุมเบร์มีความสูง 1,476 เมตรถือเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่คุกรุ่นมากที่สุดของหมู่เกาะกาลาปากอสและเกิดปะทุครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2020 https://mgronline.com/around/detail/...19698?tbref=hp
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
"พาณิชย์" ขึ้นทะเบียน GI รายการใหม่ "ปลิงทะเลเกาะยาว" จ.พังงา กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ "ปลิงทะเลเกาะยาว" จ.พังงา เป็นสินค้ารายการที่ 4 ของจังหวัด เผยเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่ใช้ประโยชน์ได้ทั้งการบริโภค และเป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม คาดดันรายได้ให้ชุมชนเพิ่มขึ้นจากปกติปีละกว่า 3.3 ล้านบาท นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ คือ ปลิงทะเลเกาะยาว จ.พังงา ซึ่งเป็นสินค้า GI ลำดับ 4 ของจังหวัด ต่อจากสินค้าทุเรียนสาลิกาพังงา ข้าวไร่ดอกข่าพังงา และมังคุดทิพย์พังงา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้ โดยมั่นใจว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีมูลค่าประมาณปีละ 3.3 ล้านบาท และยังเป็นการควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค สำหรับปลิงทะเลเกาะยาว จะเพาะเลี้ยงในบ่อดินที่มีลักษณะเป็นดินเลนปนทราย โดยมีการทำประตูน้ำหรือต่อท่อน้ำให้น้ำทะเลไหลเข้าออกหมุนเวียนในบ่อได้ พื้นที่เพาะเลี้ยงปลิงทะเลเกาะยาวครอบคลุมพื้นที่อำเภอเกาะยาวที่ตั้งอยู่ในอ่าวพังงา ซึ่งเป็นอ่าวกึ่งปิด เพราะถูกล้อมรอบด้วยแผ่นดิน มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีแนวหญ้าทะเล และแนวปะการังกระจายตัวอยู่ทั่วไป ที่มีความหลากหลายของแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สาหร่าย และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอื่นๆ เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่เพาะเลี้ยงบริเวณเกาะยาวจึงเป็นแหล่งอาศัยที่เหมาะสมและเป็นแหล่งอาหารคุณภาพดี ประกอบกับการเลี้ยงปลิงทะเลรวมกับสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้ปลิงทะเลดูดกินอาหารจากหน้าดินในบ่อ รวมถึงอาหารและของเสียจากการเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ปลิงทะเลที่เลี้ยงในบ่อจะอาศัยบริเวณก้นบ่อ ไม่เคลื่อนไหวร่างกายมากเท่ากับปลิงที่อยู่ในทะเล จึงไม่เกิดภาวะเครียดที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ปลิงทะเลเกาะยาวมีขนาดตัวใหญ่ เนื้อแน่น และตัวหนากว่าปลิงทะเลที่เลี้ยงด้วยวิธีอื่นๆ หรือจากแหล่งผลิตอื่น ส่งผลให้ปลิงทะเลเกาะยาวเป็นที่รู้จัก จนนับได้ว่า ปลิงทะเลเกาะยาว เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดพังงา ที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภคและเป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นที่ต้องการของหลายประเทศทั้งแบบสดและแบบแห้ง ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ทำให้สินค้าท้องถิ่นได้รับการยกระดับมูลค่าสร้างรายได้สู่ชุมชน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กรมขอเชิญชวนทุกท่านติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้า GI ได้ที่ Facebook Page : GI Thailand หรือโทร.สายด่วน 1368 https://mgronline.com/business/detail/9670000019527
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
รายงานเตือนสายพันธุ์ปลา 1 ใน 5 ของแม่น้ำโขงเสี่ยงสูญพันธุ์ เอเอฟพี - รายงานฉบับใหม่จากกลุ่มสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ระบุว่า สายพันธุ์ปลา 1 ใน 5 ในลุ่มแม่น้ำโขงเผชิญกับภัยคุกคามต่อการสูญพันธุ์ แม่น้ำโขงเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก ที่เป็นรองเพียงแค่แม่น้ำแอมะซอนและแม่น้ำคองโก เป็นที่อยู่อาศัยของปลาราว 1,148 สายพันธุ์ โดยผู้คนหลายล้านชีวิตพึ่งพาแหล่งน้ำแห่งนี้เพื่อเลี้ยงชีพ แต่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ปลาในลุ่มน้ำโขงเผชิญกับภัยคุกคามมากมาย ที่รวมถึงการสร้างเขื่อน การทำเหมืองขุดทราย การทำประมงที่จัดการไม่ดี การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และการนำสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ รายงานระบุว่า 19% ของสายพันธุ์ปลาในแม่น้ำถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเน้นย้ำว่าจำนวนปลาที่ลดน้อยลงจะส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านที่การดำรงชีวิตต้องพึ่งพาแม่น้ำสายนี้อย่างไร "การลดลงอย่างน่าตกใจของประชากรปลาในแม่น้ำโขงเป็นการปลุกกระตุ้นให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เราต้องดำเนินการทันทีเพื่อหยุดยั้งแนวโน้มหายนะนี้ เนื่องจากชุมชนและประเทศต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขงไม่สามารถสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปได้" ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ WWF กล่าว รายงานจากกลุ่มภูมิภาคและระหว่างประเทศ 25 กลุ่ม ได้ตรวจสอบผลกระทบในส่วนต่างๆ ของแม่น้ำความยาว 4,900 กิโลเมตร ที่เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงทะเลสาบโตนเลสาบของกัมพูชา ที่พวกเขากล่าวว่าประชากรปลาลดลง 88% ระหว่างปี 2546 และปี 2562 ผู้เขียนรายงานระบุว่า ปลา 74 สายพันธุ์ได้รับการประเมินว่ามีสถานะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และมี 18 สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง "สิ่งนี้หมายความว่าประมาณ 19% ของสายพันธุ์ปลาแม่น้ำโขงที่รู้จักกำลังถูกคุกคาม" รายงานระบุ อย่างไรก็ตาม รายงานยังระบุอีกว่าสายพันธุ์ปลาที่กำลังหายไปอาจทำให้การตัดไม้ทำลายป่าในภูมิภาครุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้คนหลายล้านคนที่เคยอาศัยแม่น้ำถูกบังคับให้ต้องไปทำการเกษตร "เห็นได้ชัดว่าเรากำลังเสี่ยงต่อวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพครั้งใหม่สำหรับลุ่มแม่น้ำโขง แต่ยังไม่สายเกินไป" เฮอร์แมน แวนนิงเกน กรรมการผู้จัดการมูลนิธิ World Fish Migration Foundation ที่เป็นส่วนหนึ่งของรายงานระบุ ในข้อเสนอแนะของรายงานได้เรียกร้องให้ประเทศในลุ่มน้ำโขงให้คำมั่นต่อโครงการฟื้นฟูแม่น้ำ และปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศของแม่น้ำ การเพิ่มการไหลเวียนตามธรรมชาติของแม่น้ำ การปรับปรุงคุณภาพน้ำ การปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยและสายพันธุ์ที่สำคัญ และการขจัดสิ่งกีดขวางแม่น้ำที่ล้าสมัย เป็นหนึ่งใน 6 เสาหลักที่รายงานแนะนำเพื่อช่วยฟื้นฟูแม่น้ำโขง. https://mgronline.com/indochina/detail/9670000019568
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|