|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกเล็กน้อย กับมีหมอกบางในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็น สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับอุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส และยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และระวังอันตรายสัญจรผ่านบริเวณทีมีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนบางแห่งทางตอนล่างของภาค กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีอากาศเย็น และมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 9 ? 13 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าว มีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า หลังจากนั้นบริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2?4 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1?3 องศาเซลเซียส อนึ่ง ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ตลอดช่วง และควรระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณภาคใต้ตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ในช่างวันที่ 13-14 ธ.ค. 64 นี้ไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ชาวตะโล๊ะกาโปร์นำไม้กลมมาปักริมแนวชายฝั่ง หวังช่วยลดความรุนแรงของคลื่นช่วงมรสุม ปัตตานี - ชาวตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ใช้ภูมิปัญญาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หวังลดความรุนแรงการกัดเซาะชายฝั่งของคลื่นในช่วงมรสุม ด้วยการนำไม้กลมมาปักเป็นลักษณะฟันปลา 2 ชั้นบริเวณแนวชายฝั่ง วันนี้ (8 ธ.ค.) จากสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งในหลายอำเภอของ จ.ปัตตานี ทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ตะโล๊ะกาโปร์ เพราะเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านปาตา ต.ตะโล๊ะกาโปร์ ทำให้บ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่กลับไม่มีแนวทางของการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบที่ชัดเจน ที่พอจะเป็นหลักประกันให้ความปลอดภัยกับประชาชนที่มีบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าว ถึงแม้จะมีการเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจ แต่กลับเงียบหาย นอกจากมีการวางกระสอบทรายตามแนวกัดเซาะ ปล่องปูนซีเมนต์เพื่อป้องกันความรุนแรงของการกัดเซาะ แต่ก็ไม่เป็นผล โดยเฉพาะปีนี้ความรุนแรงของการกัดเซาะมีมากขึ้น กินพื้นที่เป็นวงกว้าง มีการกัดเซาะบริเวณชายหาดตะโล๊ะกาโปร์ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง มีการกัดเซาะต้นสนตามแนวชายหาดเสียหาย นอกจากนั้น ยังมีการกัดเซาะถนนทางหลวงชนบทบริเวณบ้านตะโล๊ะสะมิแล ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเข้าพื้นที่ ต.แหลมโพธิ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ชาวบ้านในพื้นที่บ้านปาตา ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน นำไม้กลมมาปักเป็นลักษณะฟันปลา 2 ชั้นบริเวณแนวชายฝั่ง เพื่อลดความรุนแรงของคลื่นที่ซัดเข้ามาซัดชายฝัง เพื่อลดความเสียหายของบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าว เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า ทั้งนี้ ชาวบ้านได้พยายามศึกษาค้นหาข้อมูลในกูเกิล พบว่ามีหลายพื้นที่ใช้ไม้กลมปักลักษณะฟันปลาตามแนวชายฝั่งจะสามารถลดความรุนแรงของคลื่นได้ และยังสามารถทำให้คืนเม็ดทรายกลับคืนมา ชาวบ้านจึงได้ลองนำไม้มาปักดู โดยช่วยกันลงมือลงแรงกันเองโดยไม่ต้องว่าจ้าง https://mgronline.com/south/detail/9640000121633 ********************************************************************************************************************************************************* "เกาะปอดะ" จ.กระบี่ ก็เพราะเธอสวย หนึ่งในไฮไลต์ท่องเที่ยวทางทะเลกระบี่ ใครก็อยากเป็นเจ้าของ ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทำไมหลายคนจึงอยากเป็นเจ้าของ "เกาะปอดะ" จ.กระบี่ ก็เพราะเธอสวย หนึ่งในไฮไลต์ของการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลกระบี่ สัมผัสเม็ดทรายขาว เนียนนุ่มเท้า หลายคนจึงอยากเป็นเจ้าของ "เกาะปอดะ" เกาะสวยแห่งทะเลกระบี่ ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นเกาะที่ยังคงความงดงาม เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลกระบี่ ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลด้านหน้าหาดอ่าวนาง อยู่ห่างจากฝั่งอ่าวนางประมาณ 8 กิโลเมตร หากยืนอยู่ริมหาดที่อ่าวนาง หรือหาดพนรัตน์ธารา แล้วมองออกไปในทะเลจะเห็นหมู่เกาะเล็กใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน เกาะใหญ่ที่สุดในนั้นคือ "เกาะปอดะ" ส่วนเกาะใกล้ๆ กันได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะไก่ ซึ่งเป็น 4 เกาะไฮไลต์สำหรับการท่องทะเลกระบี่ เกาะปอดะ มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ เป็นพื้นราบประมาณ 70 ไร่ มีชายหาดล้อมรอบ 1 ใน 3 ของเกาะ ยกเว้นทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านที่รับคลื่นลม เป็นภูเขาหน้าผาหินสูงชัน ด้านหน้าเกาะมีหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง นักท่องเที่ยวนิยมแวะขึ้นเกาะเพื่อไปพักผ่อนเดินเล่นชายหาดและเล่นน้ำ ซึ่งในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากคลื่นลมสงบ น้ำทะเลสวยใส สำหรับเกาะปอดะ เป็นเกาะที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ถูกจัดไว้ในโปรแกรมเที่ยว 4 เกาะกระบี่ (เกาะปอดะ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะไก่) เหมาะสำหรับการเดินเล่นบนหาด เป็นแนวหาดทรายที่ขาวเนียน เนื้อทรายละเอียด เดินแน่นนุ่มเท้า เมื่อมองออกไปเห็นน้ำทะเลสวยใส โดยเฉพาะที่ด้านหน้าหาด เมื่อมองออกไปจะเห็นแนวหาดทราย ท้องทะเล และภูเขาหินรูปใบเรือตั้งตระหง่าน ถือเป็นภาพจำอันโดดเด่นของเกาะปอดะแห่งนี้ นอกจากนี้ ยังสามารถลงเล่นน้ำ และพักผ่อนเพราะเงียบสงบคนไม่พลุกพล่าน แต่ไม่เหมาะจะมาดำน้ำดูปะการัง เพราะปะการังแถวนี้ไม่ค่อยมี และที่มีก็ไม่ค่อยสวย ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นแถวทะเลแหวก ซึ่งอยู่ใกล้กัน ด้วยความสวยงามโดดเด่นของเกาะปอดะ เกาะแห่งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเส้นทางเที่ยวทะเลกระบี่ ทัวร์ 4 เกาะ และสำหรับเกาะปอดะหลังต่อสู้เป็นคดีความยืดเยื้อมายาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างเอกชนกับภาครัฐ วันนี้เกาะปอดะได้กลับอยู่ในความดูแลของอุทยานฯ เป็นพื้นที่สาธารณะภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สำหรับการเดินทางไปเที่ยวเกาะปอดะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยสามารถซื้อแพกเกจทัวร์ 4 เกาะ แบบซันเดย์ทัวร์ ได้ที่สหกรณ์เรือหางยาว ริมหาดอ่าวนาง หรือเคาน์เตอร์ทัวร์ มีทั้งการให้บริการการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ และเช่าเหมาลำเรือหัวโทงผู้โดยสาร 6 คน ราคาโดยเฉลี่ยประมาณ 2,200 บาท นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางได้ด้วยการเช่าเหมาเรือสปีดโบ๊ต ราคาจะสูงขึ้นไปอีก ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-4583-5143 สหกรณ์เรือหางยาวอ่าวนาง อย่างไรก็ตาม เกาะปอดะ เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีกรณีพิพาทเรื่องที่ดินระหว่างเอกชนและอุทยานฯ ซึ่งมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันมาอย่างยาวนาน โดยก่อนที่เกาะปอดะ จะกลับไปอยู่ในความดูแลของอุทยานฯ เมื่อปี 2528 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจ้งความดำเนินคดีข้อกล่าวหา นายชวน ภูเก้าล้วน เจ้าของเกาะข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่อุทยานฯ โดยทางนายชวน แจ้งว่า มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก.จำนวน 4 ฉบับ เนื้อที่กว่า 50 ไร่ เมื่อ 30 ธันวาคม ปี 2554 ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ทั้ง 4 ฉบับ และออกหมายบังคับคดีให้จำเลย พร้อมบริวารออกจากพื้นที่ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2556 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยพร้อมบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ เดือนธันวาคม ปี 2556 นายชวน ได้นำเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 2 ยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาล ซึ่งศาลกระบี่ พิจารณาแล้วให้ปฏิบัติตามศาลฎีกา เจ้าหน้าที่จึงเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ จากนั้น นายชวน ภูเก้าล้วน ได้ยื่นเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 1 เนื้อที่กว่า 70 ไร่ เพื่อยืนยันว่าได้มีการทำประโยชน์บนเกาะปอดะมาก่อนปี พ.ศ.2495 เป็นหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินบนเกาะปอดะต่อศาลอีกครั้ง ทางด้านอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ยื่นคัดค้านการออกเอกสารสิทธิครอบครอง และได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเขตอุทยานฯ ศาลจังหวัดกระบี่ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 ให้ฝ่าย นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นผู้ชนะคดี และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ แต่เมื่อ 16 ส.ค.2561 ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้กรมอุทยานฯ เป็นฝ่ายชนะคดี สั่งจำคุกนายชวน ภูเก้าล้วน เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งทนายได้ยื่นขอประกันตัวออกมารอสู้คดี ต่อมา วันที่ 10 ก.ย.62 ศาลฎีกา แผนกสิ่งแวดล้อม อ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยมีความความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.อุทยานฯ ลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่ศาลพิเคราะห์เห็นว่า เป็นความผิดไม่ได้รุนแรง จึงแก้คำพิพากษาให้ จำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่โทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี ให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 30 ชั่วโมง ชำระค่าปรับเป็นเงิน 80,000 บาท พร้อมให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ ปิดคดีมหากาพย์ ครั้งที่ 1 ที่สู้กันมานานกว่า 30 ปี หลังจากที่คดีประวัติศาสตร์การแย่งชิงเกาะปอดะ เริ่มถูกลืมเลือนได้มีผู้ที่อ้างสิทธิครอบครองเกาะปอดะ โผล่มาอีกราย คือ นายจรัส วะจิดี โดยอ้างสิทธิ และเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจำเลยที่ 1 นายสัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำเลยที่ 2 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จำเลยที่ 3 ต่อศาลจังหวัดกระบี่ ในข้อหาละเมิดต่อทรัพย์สิน คดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.745/61 หมายเลขคดีแดงที่ พ.623/64 และล่าสุดในส่วนของศาลชั้นได้พิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. โดยพิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/south/detail/9640000121494
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ไม่น่ารักเลยนะ! รักจะดำน้ำ แต่ไม่รักษาธรรมชาติ นั่งพิงปะการังถ่ายรูปใต้น้ำที่ "กองหินตาชัย" (ภาพจากผู้ใช้เฟสบุค "Teerayuth Sangwiset") เห็นแล้วเจ็บไปทั้งใจ กับภาพนักท่องเที่ยวที่ดำน้ำลงไปชมโลกใต้ทะเลบริเวณ "กองหินตาชัย" แล้วอยากเก็บภาพสวยๆ ไว้เป็นที่ระลึก เลยนั่งลงบนกองหินแล้วเอนพิงอยู่ติดกับปะการัง ทำเอาคนรักการดำน้ำและรักทะเลใจหายวาบ เกรงจะเป็นเกิดความเสียหายแก่แหล่งดำน้ำที่สวยติดอันดับต้นๆ ของไทย ภาพดังกล่าวถูกโพสลงกลุ่ม "ชวนกันไปDive" โดยผู้ใช้เฟสบุคชื่อว่า "Teerayuth Sangwiset" ได้โพสต์ภาพนักท่องเที่ยวที่นั่งลงบนกองหิน และทำท่าคล้ายจะพิงอยู่กับกัลปังหา โดยให้ข้อมูลว่า "นานแล้วนะครับ ที่ไม่เห็นอะไรแบบนี้ ลงไปนั่งให้ถ่ายรูปบนหินแล้วพิง seafan ไม่รู้ว่าลูกค้าระดับ elite หรือยังไง ใครรู้ช่วยบอกทีครับ ???? 4/12/2021 Tachai Pinnacle" โดยภาพดังกล่าวถ่ายในวันที่ 4 ธ.ค. 64 ณ กองหินตาชัย บริเวณเกาะตาชัย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนท์ว่า เป็น dive ที่ 3 ของวัน ช่วงเวลาประมาณ 14.00 ? 15.30 น. งานนี้กลุ่มคนรักการดำน้ำก็ออกมาคอมเมนท์ช่วยกันตามหาบุคคลที่อยู่ในภาพดังกล่าว พร้อมแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย อาทิ ดำน้ำแบบไร้จิตสำนึก น่าเศร้าที่เจอคนดำน้ำแบบนี้ ถ้ารักษาสิ่งแวดล้อมไม่ได้ก็ไม่ต้องลง บ้างก็บอกว่าควรจับ ปรับ หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ ต่อมา อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แชร์โพสดังกล่าวลงในเฟสบุคส่วนตัว และประกาศขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อส่งต่อไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และล่าสุด อาจารย์ศักดิ์อนันต์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนต์ว่า ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ได้เรียกกลุ่มคนดังกล่าวมาตักเตือน พร้อมเสียค่าปรับแล้ว สำหรับ "กองหินตาชัย" เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำบริเวณ "เกาะตาชัย" ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องของ Sea fan (กัลปังหา) ที่มีความสมบูรณ์ สีสันสวยงาม ซ้อนกันหลายๆ ชั้น มีลักษณะเป็นยอดหินจมน้ำเป็นแหล่งของฝูงปลาขนาดน้อยใหญ่ ทั้งยังพบปลากระเบนราหู และฉลามวาฬ ปัจจุบัน ยังไม่มีมาตรการที่จะเข้ามาควบคุมการดำน้ำโดยตรง มีเพียงอาศัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการดำน้ำในด้านต่างๆ เช่น พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายหลักอันเกี่ยวข้องกับปัญหาความเสี่ยงต่อทรัพยากรใต้ทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติซึ่งถูกใช้เป็นจุดดำน้ำลึก และยังมีกฎหมายฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกเล็กน้อย และในเมื่อยังไม่มีกฎหมายที่บังคับใช้อย่างจริงจังในกิจกรรมการดำน้ำแบบนี้ หากทำผิดก็อาจจะเป็นเพียงการเรียกเข้าไปตักเตือน และจ่ายค่าปรับ สิ่งที่จำช่วยปกป้องทรัพยากรทางทะเล ทั้งปะการัง สัตว์น้ำ และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ ก็มีเพียงจิตสำนึกของนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวเท่านั้น https://mgronline.com/travel/detail/9640000121506
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|