เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 21-03-2025
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลงกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง และห่างฝั่งทะเลอันดาตอนล่างมันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2568

สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เนื่องจากมีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21 ? 26 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ประกอบกับในช่วงวันที่ 25 ? 26 มี.ค. ลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่าง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 24 ? 26 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดและควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน







__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 21-03-2025 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 21-03-2025
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


มาเลเซียไฟเขียว ค้นหา MH370 อีกครั้งในมหาสมุทรอินเดีย

คณะรัฐมนตรีของมาเลเซียได้อนุมัติการค้นหาซากเครื่องบิน ของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์อีกครั้ง หลังจากหายสาบสูญอย่างลึกลับนาน 11 ปี



คณะรัฐมนตรีของมาเลเซียได้อนุมัติการค้นหาซากเครื่องบิน ของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์อีกครั้ง หลังจากหายสาบสูญอย่างลึกลับนาน 11 ปี การค้นหาจะครอบคลุมพื้นที่ 15,000 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ภายใต้ข้อตกลง "ไม่พบ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม" กับบริษัทสำรวจโอเชียน อินฟินิตี้ (Ocean Infinity)

นายลก เซียว ฟุก รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า บริษัทจะได้รับเงิน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,350 ล้านบาท) หากพบซากเครื่องบินดังกล่าว

เที่ยวบิน MH370 หายไปในปี 2014 พร้อมผู้โดยสาร 239 คน ขณะเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง การหายไปของเครื่องบินลำนี้เป็นหนึ่งในปริศนาทางการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งยังคงหลอกหลอนครอบครัวของผู้โดยสาร

แม้จะมีการค้นหาอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เครื่องบินลำนี้หายไป แต่ก็ยังไม่พบซากเครื่องบิน ความพยายามก่อนหน้านี้ รวมถึงการค้นหาข้ามชาติซึ่งมีค่าใช้จ่าย 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,035 ล้านบาท) สิ้นสุดลงในปี 2017

รัฐบาลของ 3 ประเทศที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และจีน กล่าวว่าการค้นหาจะเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง "ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานใหม่ที่เชื่อถือได้" เกี่ยวกับตำแหน่งของเครื่องบินลำดังกล่าว ส่วนการค้นหาซากเครื่องบินโดยโอเชียน อินฟินิตี้ ในปี 2018 ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน สิ้นสุดลงอย่างไม่ประสบผลสำเร็จหลังจากผ่านไป 3 เดือน

ในเดือนธันวาคม รัฐบาลมาเลเซียตกลงในหลักการที่จะกลับมาดำเนินการค้นหาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การเจรจาขั้นสุดท้ายยังไม่แล้วเสร็จจนกระทั่งเดือนมีนาคม การอนุมัติขั้นสุดท้ายของรัฐบาลมาเลเซีย เมื่อวันที่ 19 มี.ค. จะทำให้สามารถเริ่มการค้นหาได้

นายลก เซียว ฟุก กล่าวในแถลงการณ์ว่า "รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการค้นหาต่อไปและเพื่อทำให้ครอบครัวของผู้โดยสาร MH370 ไม่รู้สึกติดค้างในใจ"

เที่ยวบิน MH370 ขึ้นบินจากกัวลาลัมเปอร์ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 มีนาคม 2014 ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากขึ้นบิน เครื่องบินก็ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ และเรดาร์ก็ตรวจพบว่าเครื่องบินได้เบี่ยงเบนออกจากเส้นทางการบิน

โดยทั่วไปแล้ว ผู้สืบสวนเห็นพ้องต้องกันว่าเครื่องบินตกที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เศษซากเครื่องบินซึ่งเชื่อว่ามาจากเครื่องบินถูกซัดขึ้นฝั่งมหาสมุทรอินเดียในช่วงหลายปีหลังจากที่เครื่องบินหายไป

การหายไปของเครื่องบินทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย รวมถึงการคาดเดาว่านักบินตั้งใจยิงเครื่องบินตก และอ้างว่าเครื่องบินถูกกองทัพต่างชาติยิงตก การสืบสวนในปี 2018 เกี่ยวกับการหายไปของเครื่องบินพบว่ามีแนวโน้มว่าระบบควบคุมของเครื่องบินถูกควบคุมโดยตั้งใจเพื่อให้เครื่องบินออกนอกเส้นทาง แต่ไม่สามารถสรุปผลใดๆ ได้ ผู้สืบสวนกล่าวในขณะนั้นว่า "คำตอบสามารถสรุปได้ก็ต่อเมื่อพบซากเครื่องบินแล้วเท่านั้น"

ผู้โดยสารที่เสียชีวิตประกอบด้วยผู้คนจากกว่า 12 ประเทศ โดยเกือบ 2 ใน 3 เป็นชาวจีน รองลงมาคือชาวมาเลเซีย 38 คน นอกจากนี้ยังมีชาวออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส ยูเครน สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศ

ญาติของผู้โดยสาร MH370 ชาวจีนที่สูญหายได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ในกรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนมีนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการค้นหาซากเครื่องบินอีกครั้ง และแสดงความหวังว่าจะมีการค้นหาโดยอิสระ ญาติบางคนแสดงความผิดหวังที่ทางการมาเลเซียไม่ได้ติดต่อสื่อสารโดยตรงกับพวกเขา.

ที่มา BBC


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2848159
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 21-03-2025
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


โลกมี 'ก๊าซเรือนกระจก' มากสุดในรอบ 8 แสนปี เกิดภัยธรรมชาติตลอดปี 2024
..... โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล


Key Points :

- ปี 2024 ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกเมื่อ 175 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสก่อนยุคอุตสาหกรรม

- ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แตะระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบอย่างน้อย 2 ล้านปี ส่วนมีเทนและไนตรัสออกไซด์ อยู่ระดับสูงสุดในรอบ 800,000 ปีที่ผ่านมา

- มีเหตุการณ์สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงที่ "ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" อย่างน้อย 151 ครั้ง



รายงาน State of the Global Climate ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้รวบรวมสถิติที่น่าตกใจเกี่ยวกับ "สภาพภูมิอากาศ" ของโลก พบว่า ความเข้มข้นของ "ก๊าซเรือนกระจก" ในชั้นบรรยากาศอยู่ในเกณฑ์สูง โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แตะระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบอย่างน้อย 2 ล้านปี ส่วนมีเทนและไนตรัสออกไซด์ อยู่ระดับสูงสุดในรอบ 800,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่มนุษย์ประสบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดนับตั้งแต่ถือกำเนิดมาเมื่อประมาณ 300,000 ปีก่อน

อีกทั้งปี 2024 ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกเมื่อ 175 ปีที่แล้ว โดยทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ในปี 2023 และปี 2024 น่าจะเป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสก่อนยุคอุตสาหกรรม โดยวิทยาศาสตร์ระบุผู้นำโลกดำเนินการ "ลดโลกร้อน" อย่างเด็ดขาด ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลงไปกว่านี้

รายงานระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้อุณหภูมิที่สูงขึ้นในปี 2024 มาจากก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังเป็นปีที่เกิด "ปรากฏการณ์เอลนีโญ" ยิ่งทำให้อากาศร้อนขึ้นไปอีก และความร้อนในระดับนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025 แม้ว่าจะเกิด "ปรากฏการณ์ลานีญา" แล้วก็ตาม โดย WMO กล่าวว่าภาวะโลกร้อนในระยะยาวจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.34-1.41 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ อันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า เรายังสามารถควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสยังได้อยู่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนทั้งโลก

อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นยังส่งผลให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมหาสมุทรดูดซับความร้อนส่วนเกินไว้ถึง 90% โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา น้ำทะเลมีอุณหภูมิร้อนจัดเป็นประวัติการณ์ และอัตราอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในช่วง 20 ที่ผ่านมา สูงกว่าช่วงปี 1950-2005 ถึง 2 เท่า

น้ำร้อนขึ้นทำให้แนวปะการังฟอกขาวอย่างรุนแรงในช่วงปีที่ผ่านมา และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดพายุโซนร้อนเกิดบ่อยขึ้น ส่งผลให้น้ำแข็งในทะเลละลายมากขึ้น ที่สำคัญทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทั่วโลกเป็น 2 เท่านับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลผ่านดาวเทียมครั้งแรกในปี 1993 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024

ระดับน้ำทะเลระหว่างปี 2015-2024 อยู่ที่ 4.7 มิลลิเมตร สูงขึ้นกว่ายุค 1993-2002 ที่ระดับ 2.1 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการละลายอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งในมหาสมุทร และยังไม่มีท่าทีว่าจะชะลอลง นับตั้งปี 2021 เป็นต้นมา โลกสูญเสียธารน้ำแข็งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อชุมชนชายฝั่ง จากน้ำท่วม การกัดเซาะ และน้ำใต้ดินเค็มมากขึ้น

ในปี 2024 เกิดพายุหมุนเขตร้อนและพายุเฮอริเคนทำให้เกิดลมแรง ฝนตกหนัก และน้ำท่วม มีการบันทึกคลื่นความร้อนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหลายสิบครั้ง รวมถึงในซาอุดีอาระเบีย มีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส ในระหว่างการแสวงบุญฮัจญ์ ไฟป่าและภัยแล้งรุนแรงยังโหมกระหน่ำในบางประเทศ

รายงานระบุว่าในปี 2024 เพียงปีเดียว มีเหตุการณ์สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงที่ "ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" อย่างน้อย 151 ครั้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนจำเป็นต้องอพยพออกจากถิ่นที่อยู่อาศัยมากที่สุดในรอบ 16 ปี ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหาร WMO กล่าวว่าใน 8 ประเทศ มีผู้คนอย่างน้อยหนึ่งล้านคนที่เผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับปี 2023 รายงานระบุว่า เหตุการณ์เหล่านี้เป็น "สัญญาณที่ชัดเจน" ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 2024

อันที่จริงความสูญเสียจากภัยพิบัติสามารถป้องกันได้ด้วยระบบเตือนภัย แต่มีประเทศเพียง 50% เท่านั้นที่มีระดับเตือนภัยล่วงหน้าที่เหมาะสม และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ กลุ่มประเทศที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากสภาพอากาศมากที่สุด ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับภัยพิบัติเลย

เซเลสเต ซาอูโล เลขาธิการ WMO กล่าวว่า "นี่เป็นการเตือนสติว่าเรากำลังเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิต เศรษฐกิจ และโลกของเรา"

นอกจากนี้ ซาอูโลกล่าวว่าการลงทุนด้านบริการเกี่ยวกับสภาพอากาศ น้ำ และภูมิอากาศมีความสำคัญมากกว่าที่เคย เพื่อรับมือกับความท้าทายและสร้างชุมชนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

"WMO และชุมชนโลกกำลังเร่งความพยายามในการเสริมสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าและบริการด้านภูมิอากาศ เพื่อช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจและสังคมโดยรวมมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อสภาพอากาศและภูมิอากาศที่รุนแรง" เธอกล่าวเสริม

รายงานฉบับนี้เผยแพร่หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ออกคำสั่งยกเลิกพันธกรณีด้านสภาพภูมิอากาศหลายครั้ง และตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ ทั้งที่สหรัฐเป็นประเทศผู้ก่อมลพิษรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้หลายคนกังวลว่าประเทศอื่น ๆ อาจลดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมลง

"วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ความพยายามปกปิดวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากสาธารณชนจะไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกถึงผลกระทบอันเลวร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้" เบรนดา เอควอร์เซลจากสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใยกล่าว

การศึกษานี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ยิ่งทั่วโลกชะลอการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนานเท่าไร ผลกระทบก็จะยิ่งเลวร้ายลงเท่านั้น อีกไม่นานโลกจะถึงจุดที่ได้ที่การปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้นำประเทศใหญ่ ๆ ของโลก ยังไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้อย่างเพียงพอ แม้ว่าสถิติต่าง ๆ จะถูกทำลายอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ที่มา: AP News, CNN, Euro News, The New York Times


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1171863
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 21-03-2025
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ปลาแห่งปีของนิวซีแลนด์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก



เวลลิงตัน 20 มี.ค. ? ปลาบล็อบฟิช (Blobfish) ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก สร้างเซอร์ไพรส์คว้ารางวัล ?ปลาแห่งปี 2025? จากองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวซีแลนด์

การแข่งขันค้นหาปลาแห่งปีของนิวซีแลนด์ประจำปีนี้ จัดโดยมูลนิธิ เมาเทน ทู ซี คอนเซอร์เวชั่น ทรัสต์ (Mountain to Sea Conservation Trust) มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำจืดและสัตว์ทะเลของนิวซีแลนด์ ซึ่งปีนี้ ปลาบล็อบฟิช (Blobfish) สามารถคว้าตำแหน่งอันทรงเกียรติไปได้ ด้วยคะแนนโหวตกว่า 1,300 คะแนนจากทั้งหมดกว่า 5,500 คะแนน เป็นชัยชนะเหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้ ปลาบล็อบฟิชเคยโด่งดังในฐานะสัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก จนถึงกับได้เป็นมาสคอตของสมาคมอนุรักษ์สัตว์น่าเกลียด (Ugly Animal Preservation Society) เมื่อปี 2013

ปลาบล็อบฟิชอาศัยอยู่ในมหาสมุทรที่ระดับความลึก 600-1,200 เมตร สามารถเติบโตได้ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร กินหอย ปู กุ้ง กุ้งมังกร และเม่นทะเลเป็นอาหาร พบมากบริเวณชายฝั่งของ ออสเตรเลียและเกาะแทสมาเนีย มีลักษณะพิเศษคือไม่มีก้างแข็งและไม่มีเกล็ด แต่มีลำตัวที่นิ่มและหนังที่หย่อนคล้อย

ถึงแม้รูปร่างภายนอกของมันจะดูแปลกตา แต่ในสภาพแวดล้อมใต้น้ำลึก ปลาบล็อบฟิชจะมีรูปร่างปกติคล้ายปลาทั่วไป เนื่องจากแรงดันน้ำสูงช่วยคงรูปทรงของมันเอาไว้ แต่เมื่อถูกจับขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แรงดันที่ลดลงทำให้ร่างของมันเปลี่ยนรูป กลายเป็นเนื้อเยลลี่หยุ่นๆ หยึยๆ เป็นภาพลักษณ์ติดตาที่ทำให้มันได้รับฉายาว่าเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ ปลาบล็อบฟิช ถือเป็นสัตว์ที่มีความเปราะบาง เนื่องจากถูกคุกคามจากการทำประมงลากอวนใต้ทะเลลึก


https://tna.mcot.net/world-1504048

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 21-03-2025
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


WMO เผยอุณหภูมิโลกร้อนทุบสถิติในปี 2024 เร่งการละลายของน้ำแข็ง

WMO เผยว่า อุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 จากระดับก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลละลายเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง



องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกที่สูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกพุ่งทุบสถิติในปี 2024 รวมถึง เป็นปัจจัยที่ทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลทั่วโลกละลายเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและอุณหภูมิโลกจ่อทะลุระดับ 1.5 องศาเซลเซียส เกณฑ์อุณหภูมิโลกที่สำคัญมากขึ้น

รายงานสภาพภูมิอากาศประจำปีของ WMO ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีในปี 2024 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.55 องศาเซลเซียส (2.79 องศาฟาเรนไฮต์) สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมในปี 2023 ถึง 0.1 องศาเซลเซียส แม้ประเทศต่าง ๆ จะลงนามในข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ปี 2015 ว่าจะพยายามจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับเฉลี่ยของอุณหภูมิในช่วงก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ในช่วงปี 1850 ? 1900 ก็ตาม

ขณะที่ WMO ระบุว่า จากการประมาณการเบื้องต้นพบว่า ค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิระยะยาวในปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 1.34 องศาเซลเซียสถึง 1.41 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่กำหนดในข้อตกลงปารีส แต่ยังไม่เกินเกณฑ์ดังกล่าว

"จอห์น เคนเนดี" (John Kennedy) ผู้ประสานงานด้านวิทยาศาสตร์ของ WMO และผู้เขียนหลักของรายงาน ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสเพียงปีเดียว ไม่ได้หมายความว่าระดับอุณหภูมิที่กำหนดในข้อตกลงปารีสถูกละเมิดอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

รายงานยังระบุด้วยว่า ปัจจัยอื่น ๆ อาจมีส่วนทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา รวมถึง การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรสุริยะ การปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่และการลดลงของ "แอโรซอล" อนุภาคหรือละอองของเหลวขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งช่วยลดความร้อนและทำให้โลกเย็นลง

แม้ว่าอุณหภูมิในบางภูมิภาคจะลดลง แต่สภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้วได้สร้างความหายนะไปทั่วโลก โดยภัยแล้งได้ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร น้ำท่วม และเหตุไฟป่าที่ส่งผลทำให้ผู้คนกว่า 800,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2008 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ อุณหภูมิผิวน้ำของมหาสมุทรยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในมหาสมุทรก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง ปัจจัยความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้ระดับความเป็นกรดของมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลยังคงละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยข้อมูลจาก WMO ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2015 ถึงปี 2024 ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 4.7 มิลลิเมตรต่อปี เมื่ออเทียบกับ 2.1 มิลลิเมตรในปี 1993 ถึงปี 2022

"เคนเนดี" ยังเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากการละลายของน้ำแข็งในภูมิภาคอาร์กติกและแอนตาร์กติก โดยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบหมุนเวียนของมหาสมุทร ซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศทั่วโลก และสิ่งที่เกิดขึ้นในขั้วโลกไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ที่ขั้วโลกเท่านั้น

ที่มา: Reuters


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/856694
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:48


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger