![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นเป็นปานกลาง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 12 ? 14 ส.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับในช่วงวันที่ 15 ? 17 ส.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
นักท่องเที่ยวพบลูกพะยูนเกยตื้น เกาะปอดะ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดูแลอาการดีขึ้นว่ายน้ำร่าเริง เพจ "กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" โพสต์คลิปนักท่องเที่ยวพบลูกพะยูน เพศผู้เกยตื้นเพียงลำพัง บริเวณเกาะปอดะ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดูแลใกล้ชิด อาการดีขึ้นว่ายน้ำร่าเริง ![]() วันนี้ (11 ส.ค.) เพจ "กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" โพสต์คลิปวิดีโอนักท่องเที่ยวพบลูกพะยูน เพศผู้เกยตื้นเพียงลำพัง บริเวณเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ อยู่ในสภาพอ่อนแรง ตาจมลึกแสดงถึงภาวะขาดน้ำ โดยทางเพจรายงานว่า "ดร.ปิ่นสักส์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้กล่าวถึงสถานการณ์ลูกพะยูนเกยตื้นว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่ามีนักท่องเที่ยวพบลูกพะยูนมีชีวิต?ว่ายเพียงลำพัง ??บริเวณเกาะปอดะ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่? จึงได้ประสานงานเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นและทำการขนย้ายมารักษาและอนุบาลที่สถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นลูกพะยูน เพศผู้? อายุประมาณ? 1-2 เดือน ความยาว 102 ซม. น้ำหนัก 13.8 กก. ลูกพะยูนสภาพอ่อนแรงและตาจมลึกแสดงถึงภาวะขาดน้ำ แต่ยังสามารถยกหัวขึ้นหายใจได้ พบรอยบาดแผลบริเวณส่วนจมูกและหัวเล็กน้อย ร่างกายค่อนข้างผอม บริเวณตาซ้ายขุ่น เสียงปอดมีความชื้นเล็กน้อย? ลำไส้มีการบีบตัว? และพะยูนยังมีความอยากกินอาหาร ทีมเจ้าหน้าที่ให้การดูแลตลอด? 24? ชั่วโมง? โดยมีการป้อนนมทดแทนและน้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อชดเชยภาวะการขาดน้ำ?? มีการใช้นมผงเด็กเป็นนมทดแทนให้กับพะยูน? และทางสัตวแพทย์?จะวางแผนในการตรวจสุขภาพ?อย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์ช่วยเหลือชีวิตลูกพะยูนอย่างใกล้ชิดได้ที่ เพจกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" ล่าสุด เพจดังกล่าวได้โพสต์คลิปรายงานความคืบหน้าระบุว่า "อัพเดท อาการน้องพะยูนเกยตื้นตอนนี้ น้องพะยูนอาการดีขึ้น กินอิ่ม และเริ่มว่ายสำรวจบ่ออนุบาลฯ ค่ะ มาร่วมส่งกำลังใจให้พี่ๆ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ช่วยกันช่วยชีวิตและดูแลน้องพะยูนนะคะ" https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000073645
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
โลกร้อนสุดอันตราย! นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแนวปะการังใหญ่สุดในโลกของออสเตรเลีย "เกรทแบริเออร์รีฟ" เป็นอันตรายจากน้ำทะเลร้อนสุดในรอบ 400 ปี ![]() รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - แนวประการังใหญ่ที่สุดในโลก เกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ของออสเตรเลียกำลังตกอยู่ในอันตรายจากน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 400 ปี นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นยอมรับสุดเศร้า ?โลกกำลังสูญเสียหนึ่งในแลนด์มาร์กไป? อึ้งมากมีถึง 54 ประเทศทั่วโลกตั้งแต่กุมภาพันธ์ปีที่แล้วพบแนวปะการังของประเทศตัวเองตายเป็นจำนวนมากจากสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง รอยเตอร์รายงานวันพฤหัสบดีที่ 8 ส.ค ว่า โลก เดอะเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ถือเป็นระบบนิเวศน์ที่มีชีวิตใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดความยาว 2,400 ก.ม ขนาดใหญ่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของรัฐควีนสแลนด์ แนวปะการังเดอะเกรทแบร์ริเออร์รีฟนั้นสามารถสร้างรายได้ให้ออสเตรเลียจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การประมงและอุตสาหกรรมอื่นๆได้ถึง 6.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย( 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) อ้างอิงจากรายงานปี 2017ของ Deloitte Access Economics analysis ตามการรายงานของบลูมเบิร์ก เดอะเกรทแบร์ร์เออร์รีฟที่ถูกขึ้นบัญชีมรดกโลกขององค์การยูเนสโกนั้นปัจจุบันยังไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ใน 'บัญชีมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย' ถึงแม้ว่าสหประชาชาติจะแนะนำก็ตาม กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนล่าสุดว่า แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้น(Existential threat)หลังจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching)เกิดขึ้นบ่อยครั้งหากว่ามหาสมุทรยังคงอุ่นขึ้นในอัตตราในปัจจุบัน บลูมเบิร์กรายงานว่า ทะเลคอรัล(Coral Sea) ถูกพบร้อนจัดเมื่อไม่กี่ปีมานี้โดยที่มีความร้อนสูงสุดอยู่ที่ปีนี้และในปี2017 และปี 2020 ได้รับการประเมินว่าอยู่ในภาวะ 'อุ่นที่สุด' ในรอบไม่ต่ำกว่า 4 ศตวรรษ อ้างอิงจากการวิจัยที่มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่งของออสเตรเลียซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่วันพฤหัสบดี(8) เบนจามิน เฮนลีย์ (Benjamin Henley) นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น และยังเป็น 1 ในผู้แต่งร่วมของผลงานวิจัยแสดงความเห็นว่า "โลกกำลังสูญเสียหนึ่งในแลนด์มาร์กของตัวเองไป" และกล่าวแสดงความเห็นว่า "ผมค้นพบว่ามันเป็นโศกนาฎกรรมโดยสมบูรณ์แบบ มันยากที่จะเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นภายใต้การเฝ้าดูของพวกเราในช่วงชีวิตของพวกเราได้อย่างไร มันช่างเป็นสิ่งที่น่าเศร้าเอามากๆ" ข้อมูลอุณหภูมิล่าสุดตั้งแต่มกราคมไปจนถึงมีนาคมของปีนี้เกิดขึ้นสูงสุดตามการบันทึก นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียชี้ รอยเตอร์รายงานว่า ตามปกติแล้ว แนวปะการัง (coral reefs) ช่วยปกป้องแนวชายฝั่งจากการสึกกร่อนและยังเป็นบ้านที่อาศัยของปลาหลากหลายพันธุ์สายพันธุ์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสร้างรายได้ให้กับประเทศต่างๆมากมาย รอยเตอร์ระบุว่า มีไม่ต่ำกว่า 54 ประเทศและภูมิภาคประสบปัญหาภาวะปะการังฟอกขาวในแนวปะการังของประเทศเหล่านั้นนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ปี 2023 จากการที่สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงทำให้น้ำทะเลพื้นผิวของมหาสมุทรอุ่นขึ้น องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ NOAA (U.S. National Oceanic and Atmospheric Administration) กล่าว ด้าน ลิสซา ชินด์เลอร์ (Lissa Schindler) ผู้จัดการโครงการ เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ประจำมูลนิธิอนุรักษ์ทางทะเลออสเตรเลีย AMCS (Australian Marine Conservation Society) กล่าวว่า งานวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แคนเบอร์ราจำเป็นต้องทำให้มากกว่านี้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนของตัวเอง "ออสเตรเลียต้องเพิ่มความทะเยอทะยานของตัวเอง การปฎิบัติ และข้อผูกพันในการต่อสู้กัยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและปกป้องทรัพย์สินทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของพวกเรา" AMCS เป็นองค์กรที่ไม่แสวงกำไรของออสเตรเลียมีเป้าหมายเพื่อปกป้องชีวิตสัตว์น้ำในมหาสมุทรและระบบนิเวศน์มหาสมุทร อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการขององค์กร https://mgronline.com/around/detail/9670000073530
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|