เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 08-11-2011
ดอกปีบ's Avatar
ดอกปีบ ดอกปีบ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ข้อความ: 693
Default

ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลครับผม ..
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow

You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ประชันไอเดียเก๋ กลางวิกฤตน้ำท่วม นวัตกรรมใหม่ ชีวิตชาวน้ำ



ตั้งแต่มวลน้ำซึ่งท่วมพื้นที่ทางภาคเหนือเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ค่อยๆไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อออกทะเลอ่าวไทย ไหลผ่านพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งกระจุกตัวของชุมชนขนาดใหญ่ของประเทศ ทั้งบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา และนิคมอุตสาหกรรม ล้วนได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน

น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้เห็นว่า "เงิน ซื้อไม่ได้ทุกอย่าง" บางคนลงทุนเป็นเงินหลักร้อย-หลักหมื่น ป้องกันบ้านเรือนอย่างดี แต่เมื่อน้ำมาเงินที่ลงทุนก็ละลายหายไปกับสายน้ำ บางคนหนีน้ำไปเที่ยวต่างจังหวัดนานแรมสัปดาห์ กลับมาพบว่าบ้านยังแห้งสนิท ยิ่งรอน้ำนานเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการกักตุนอาหารและการกินอยู่ก็ยิ่งบานปลาย บางคนอาจคิดในใจ ทำไมไม่ท่วมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ภาวะเช่นนี้ หน่วยงานทั้งราชการและเอกชนต่างระดมไอเดียกันอุตลุด ประดิษฐ์สิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น กลายเป็นโอกาสอันดีในการใช้ชีวิตแบบชาวน้ำ สร้างรอยยิ้มแก่ผู้พบเห็น

สิ่งแรกที่คนนึกถึงเมื่อน้ำท่วมคือ เรือ รวมถึงสิ่งของต่างๆที่ลอยน้ำสามารถบังคับไปตามทิศทางที่ต้องการได้ ไม่เสี่ยงกับอันตรายที่มากับน้ำ ทั้งสัตว์ร้ายนานาชนิด วัสดุแหลมคม รวมทั้งไฟฟ้าที่รั่วอยู่


(ซ้าย) ชุดลุยน้ำ (บน) รถคันนี้ไปได้ทุกที่ที่น้ำท่วมน้อย (กลาง) ใช้ท่อพีวีซีกันน้ำ (ล่าง) การห่อรถด้วยถุงซิปพลาสติก

บางคนหาซื้อเรือ มีขายทั้งเรือไฟเบอร์ เรือยาง เรือเหล็ก เรืออะลูมิเนียม แต่คุณภาพอาจไม่สูงตามราคา

บางคนคิดว่าเรือยางรั่วง่าย ชนอะไรแข็งๆหน่อยก็เหี่ยว ส่วนเรือที่ทำจากวัสดุนำไฟฟ้าแม้จะพายไปในน้ำที่มีกระแสไฟวิ่งอยู่ ก็ยังปลอดภัยจากการถูกดูดแน่นอน หากร่างกายไม่สัมผัสกับน้ำที่มีไฟรั่วอยู่

หรือคนอีกกลุ่มอาจประยุกต์สิ่งของรอบตัวใช้เป็นเรือ ทั้งกะละมัง ถังน้ำ ยางในรถขนาดใหญ่ กระทะใบบัว แพไม้ไผ่ แพต้นกล้วย แพท่อพีวีซี เรือขวดพลาสติกหรือถังน้ำขนาดใหญ่ หรือสิ่งของอื่นๆ แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน

ในยามที่พาหนะซดน้ำมันใช้การไม่ได้ การหันมาใช้พาหนะแบบกินหญ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน ทั้งช้าง ม้า วัว ควาย แค่ไม่ขโมยคนอื่นมาก็พอ

ส่วนรถยนต์ซดน้ำมัน ทั้งรถเล็กรถใหญ่ต่างจอดสนิทเมื่อน้ำมา บ้างก็ขับไปจอดยังลานจอดรถที่อยู่สูง บ้างก็จอดรอน้ำอยู่ที่บ้านซึ่งมีวิธีป้องกันน้ำสุดเหลือเชื่อ

แผ่นโฟมอย่างหนาขนาดใหญ่ เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับถอยรถคันงามขึ้นไปจอด แล้วมัดโฟมให้ติดกับตัวรถ ผูกไว้กับที่มั่น เมื่อน้ำมาแล้วรถไม่ลอยไปไหนไกล



ที่พบเห็นบ่อยครั้ง คือ ถุงใส่รถ เท่าที่เห็นมีสองสี คือ สีขาวขุ่นแบบถุงซิปใส่ยา และสีดำดูคล้ายถุงขยะ นอกจากขนาดใหญ่พอที่จะถอยรถคันงามเข้าไปได้ ยังมีขนาดย่อมลงมา สำหรับเครื่องเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ก่อนนำสิ่งของขนาดใหญ่ใส่ถุง อย่าลืมรองด้วยตาข่ายแข็งๆ เพื่อกระจายน้ำหนักไม่ให้อยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง เพราะแม้ว่าถุงของคุณจะหนาเพียงใดก็ตาม มันอาจรั่วได้ง่ายๆ

เมื่อบรรจุลงถุงแล้วปิดปากถุงให้สนิท ผูกไว้กับที่มั่น เพราะแม้ว่าสิ่งของที่อยู่ในถุงจะมีน้ำหนักเป็นตันๆ แต่มันก็สามารถลอยตุ๊บป่องๆไปกับน้ำ ออกทะเลอ่าวไทยไปได้

บางคนอาจหาถุงพลาสติกใส่รถไม่ได้ เพราะเป็นที่ต้องการเหลือเกินแม้ราคาจะสูงเพียงใด จึงใช้ผ้าใบที่ปกติคลุมบนตัวถังรถ เปลี่ยนเป็นการห่อจากด้านล่างตัวถัง ส่วนวิธีการกันน้ำเข้าท่อไอเสีย มีทั้งต่อท่อไอเสียกับสายยางบ้าง ท่อพีวีซีบ้าง เห็นแล้วทึ่งกับไอเดียจริงๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องสำรวจก่อนลงน้ำ คือ การตรวจว่าในน้ำมีไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ด้วยสิ่งที่เรียกว่าไม้ตรวจไฟที่มีความยาวอย่างน้อย 2 เมตร สำหรับวัดว่าน้ำที่ท่วมขังนั้นมีกระแสไฟฟ้ารั่วอยู่หรือไม่ แม้จะมีหลายหน่วยงานแนะนำวิธีทำไม้ตรวจไฟ หรือขายเป็ดน้อยตรวจไฟ แต่ถ้าไม่มีความรู้เรื่องวงจรไฟฟ้าก็ไม่ควรเสี่ยงประดิษฐ์เองตามคำแนะนำเป็นอันขาด ทางที่ดีคือเลี่ยงจากการอยู่ในที่ที่มีน้ำท่วมขัง

หากใครเลี่ยงไม่ได้ ก็แนะนำให้หารองเท้าบูตยางและกางเกงกันน้ำมาใส่ นอกจากจะป้องกันไฟฟ้าดูด ยังป้องกันอันตรายจากเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ ที่มากับกระแสน้ำ รวมถึงสัตว์มีพิษต่างๆ ด้วย

สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้อีกอย่างคือ สุขา ที่มีหลากหลายไอเดียที่พบเห็นได้ทั่วไปช่วงก่อนหน้านี้คือสุขาลอยน้ำ ทว่า ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงมีการคิดค้นสุขาชั่วคราว ที่ทำจากกระดาษบ้าง เก้าอี้พลาสติกบ้าง โดยขับถ่ายใส่ถุงดำ เมื่อเสร็จกิจก็เทผงอีเอ็ม 1 ช้อนชา ตามด้วยน้ำ 1 ถ้วยต่อการถ่าย 1 ครั้ง ถุงหนึ่งใช้ได้หลายครั้ง ก่อนจะนำถุงไปทิ้งต้องไล่อากาศออกให้หมด อย่ารังเกียจผลงานตัวเองเป็นอันขาด แล้วใส่ถังไว้ ไม่ทิ้งลงน้ำ

นวัตกรรมที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่คนไทยช่างคิด รังสรรค์ขึ้นเท่านั้น

หากไม่เกิดมหาอุทกภัยเช่นนี้

ไอเดียแปลกๆ ก็คงไม่เกิด




จาก .................. มติชน วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


รู้ไว้ใช่ว่ารอเวลาน้ำลด 'ซ่อมแซมบ้าน' เรื่องใหญ่ที่ 'เอาอยู่?'



หนักหนาสาหัส วิกฤติการณ์ครั้งเลวร้ายสุดๆ และอีกสารพัดคำจำกัดความทางร้ายๆ ถูกนำมาใช้กับภัย ’น้ำท่วมใหญ่“ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสมากมายหลายหลากที่เกี่ยวกับน้ำท่วม อย่างไรก็ดี ที่ดีที่สุดนาทีนี้สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม คือต้องพยายามทำใจ ปรับจิตปรับใจ เพื่อให้ปรับตัวเพื่อผ่านทุกข์ภัยที่ประสบได้

จากนั้นก็จะได้ก้าวสู่การ ’ฟื้นฟูซ่อมแซม“ ต่อไป...

น้ำท่วมใหญ่ปีนี้ มีทั้งร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน และอื่น ๆ อีกมาก ที่ต้องซ่อมแซมกันหลังน้ำลด รวมถึง ’บ้านเรือนที่อยู่อาศัย“ ที่เสียหายมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งว่ากันถึงเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เรื่องนี้ข้อมูลของ home care ในเชิงเกร็ดความรู้ ในเว็บไซต์ http://www.hm.co.th/data.asp?pg=knowledge ของ บริษัท โฮม เมนเทนแนนซ์ จำกัด ซึ่งทำเกี่ยวกับด้านการปรับปรุง ซ่อมแซม ก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย ก็น่าสนใจ ลองดู ๆ กันไว้ระหว่างที่น้ำยังท่วม-รอน้ำลด เมื่อถึงเวลาที่น้ำลดแล้วก็อาจช่วยให้ดำเนินการได้ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลในเชิงเกร็ดความรู้ที่ว่านี้ มีการแบ่งย่อยเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วมในหลายส่วน กล่าวคือ...การซ่อมแซมพื้นบ้าน พื้นบ้านที่เป็น พื้นไม้ปาร์เกต์ จะหลุดล่อนหลังจากเกิดน้ำท่วม วิธีแก้ไขคือนำแผ่นไม้ปาร์เกต์ไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงค่อยทาด้วยกาวลาเท็กซ์ กดลงให้แน่น หลังจากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 15 วัน จึงสามารถใช้งานได้ ถ้าเป็นพื้นบ้านที่เป็น พื้นพรม วิธีแก้ไขซ่อมแซมหลังถูกน้ำท่วมคือ ต้องลอกออก แล้วนำไปซักและตากแดดให้แห้งสนิท จากนั้นจึงค่อยนำกลับมาปูใหม่ โดยต้องให้พื้นคอนกรีตแห้งสนิทก่อน

การซ่อมแซมผนังบ้าน ถ้าเป็น ผนังยิปซัมบอร์ด ให้เลาะเอาแผ่นที่เสียออก ถ้าโครงเคร่าเป็นโลหะก็สามารถติดแผ่นใหม่ได้เลย แต่ถ้าโครงเคร่าเป็นไม้ต้องทิ้งให้ความชื้นในไม้ระเหยหมดก่อนจึงติดแผ่นใหม่ได้ ถ้าเป็น ผนังไม้ ต้องเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ผิวสามารถระเหยความชื้นได้ เมื่อแห้งดีแล้วใช้น้ำยารักษาเนื้อไม้ชโลมที่ผิว หรือทาสีด้านในบ้านก่อนทิ้งไว้ 5-6 เดือน แล้วค่อยทาสีด้านนอก ถ้าเป็น ผนังก่ออิฐฉาบปูน ให้ใช้วิธีเดียวกับผนังไม้ แต่ต้องทิ้งไว้เพื่อให้มีการระเหยความชื้นนานกว่าผนังไม้ เพราะจะมีความหนามากกว่า

การซ่อมแซมวอลเปเปอร์ ผนังวอลเปเปอร์ของบ้านที่ถูกน้ำท่วมนั้น วิธีแก้ไขคือให้ลอกแผ่นวอลเปเปอร์ออกให้หมด เพื่อให้ผนังที่ชื้นสามารถระเหยความชื้นออกมาได้ โดยต้องรอให้ผนังแห้งก่อน ลอกทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยปิดวอลเปเปอร์ทับลงไป ถ้าส่วนไหนขึ้นราหรือเช็ดไม่ออก ก็เปลี่ยนแผ่นใหม่

การซ่อมแซมฝ้าเพดานบ้าน ซึ่งหลายบ้านน้ำท่วมถึงฝ้ากันเลย กรณีเป็น ฝ้ายิปซัมบอร์ดหรือกระดาษอัด ถ้าเปื่อยยุ่ยมากเพราะอมน้ำ ก็ควรเลาะออกแล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ ทิ้งไว้ให้ทั้งหมดแห้งสนิทก่อนแล้วจึงค่อยทาสีทับ ถ้าเป็น ฝ้าโลหะ ให้เช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ถ้าเป็นสนิมให้ใช้กระดาษทรายขัดออกให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีทับ ส่วน ฝ้าไม้ เกิด
การแอ่นตัว ก็ต้องแก้ไขให้ได้ระดับก่อนแล้วจึงทำการติดตั้งแผ่นฝ้าใหม่

การซ่อมแซมประตู ถ้าเป็น ประตูไม้ เมื่อต้องแช่น้ำท่วมจะบวมและผุพัง วิธีแก้ไขคือ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วซ่อมแซมส่วนที่ผุให้เรียบร้อยก่อนจึงค่อยทาสีใหม่ แต่ถ้าผุมากก็ควรเปลี่ยนใหม่ ถ้าเป็น ประตูเหล็ก ที่ขึ้นสนิม วิธีแก้ไขคือ ใช้กระดาษทรายขัดสนิมออกให้หมด เช็ดให้แห้ง แล้วทาสีกันสนิมก่อน จากนั้นจึงทาสีใหม่

การซ่อมแซมบานพับ ลูกบิด รูกุญแจ อุปกรณ์ต่างๆที่ทำด้วยโลหะ เมื่อโดนน้ำท่วมมักจะมีปัญหาตามมา ซึ่งวิธีแก้ไขคือ เช็ดให้แห้งสนิท ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมด แล้วให้ใช้น้ำยาหล่อลื่นชโลมตามจุดรอยต่อให้ทั่ว และมีคำเตือนคือ อย่าใช้จาระบี หรือใช้ขี้ผึ้งทา เพราะจะทำให้ความชื้นระเหยออกไม่ได้

ต่อด้วย การทาสีบ้าน หลังผ่านพ้นน้ำท่วมบ้าน คำแนะนำคือ ก่อนจะทำการทาสีบ้านใหม่ ควรจะซ่อมแซมส่วนอื่นๆภายในและภายนอกบ้านให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องสีวิธีการคือ ต้องขูดสีเก่าออกก่อน ทำความสะอาดผนังและทิ้งไว้ให้แห้งสนิท เมื่อแห้งดีแล้วจึงทาสีรองพื้นชนิดกันเชื้อราก่อน แล้วทาทับด้วยสีจริง

ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้ ข้อมูลจาก home care ในเว็บไซต์ของ บริษัท โฮม เมนเทนแนนซ์ จำกัด เกี่ยวกับเรื่อง ’บ้าน“ กับ ’น้ำท่วม“ ซึ่งสำหรับผู้ที่พอจะมีกำลังทรัพย์ และจากการที่น้ำท่วมบ้านครั้งนี้ทำให้คิด ๆ อยู่ว่าจะปรับปรุงบ้านแบบไหนให้หนีน้ำท่วม คิดว่าจากระดับน้ำที่ท่วมที่เห็นๆ น่าจะพอทำได้ กับการยกบ้านเพื่อหนีปัญหาน้ำท่วม นั้น ถ้าโครงสร้างบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ก็คงไม่ยากเกิน เพราะไม้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่ถ้าโครงสร้างบ้านเป็นปูน จำเป็นต้องเสริมฐานรากใหม่ ซึ่งก็ทำได้ยากและมีน้ำหนักที่มากด้วย อีกทั้งยังมีงานระบบต่างๆที่ติดอยู่กับพื้นดิน เช่น ท่อประปา ท่อไฟฟ้า ต้องตัดออกแล้วเชื่อมใหม่ ก็ค่อนข้างยุ่งยาก และทำให้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากพอสมควร ซึ่งจากข้อมูลนี้ ควรจะทำหรือไม่ควรจะทำ ก็คงต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่

ทั้งนี้ ถึงตอนนี้หลายๆบ้านที่ถูกน้ำท่วม น้ำอาจจะลดแล้ว “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็ยินดีด้วย ขณะที่อีกหลายๆบ้านที่ยังท่วมอยู่หรือมีแนวโน้มว่าจะท่วม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวผ่านวิบากจากภัยน้ำครั้งนี้ไปได้

ส่วนเรื่อง ’ซ่อมบ้าน“ ก็ลองพิจารณาข้อมูลที่ว่ามาข้างต้น

เผื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจได้บ้างไม่มากก็น้อย.





จาก ....................... เดลินิวส์ คอลัมน์ สกู๊ปหน้า 1 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 10-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


สัญญาณเตือน "ไทย" แผนแก้ท่วมระยะยาว "จำเป็น" ต้องทำ



นับจากวันนี้ รัฐบาลจะต้องมองถึง "แผนระระยาว" ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขณะนี้ ถือเป็น "สัญญาณ" เบื้องต้นของอนาคตที่น่ากลัวสำหรับเมืองหลวงของไทย

เพราะตั้งอยู่บนที่ลุ่มต่ำและจมลงช้าๆอย่างต่อเนื่อง

กทม.เป็นเมืองที่ตั้งอยู่เหนืออ่าวไทยเพียง 30 กิโลเมตร

มีผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ อย่างธนาคารโลก คาดการณ์กันว่า อีกประมาณ 39 ปี หรือปี พ.ศ.2593 ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยจะสูงขึ้น 19-29 เซนติเมตร

กทม.เป็น 1 ใน 10 เมืองที่เสี่ยงต่อการจมน้ำ

เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับน้ำที่สูงขึ้นจะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักผ่ากลาง กทม.สูงขึ้นตามไปด้วย

ธนาคารโลกระบุถึงขนาดว่า กทม.จะเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า

เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ตรงกันคือ การขยายตัวของความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ กทม. เพราะเหลือทางให้น้ำไหลน้อยมาก

มีการเสนอทางออกว่า ทางการไทยจะต้องแก้ปัญหาการใช้ที่ดินใน กทม. ปัญหาการวางผังเมือง และอาจต้องพิจารณาเรื่องย้ายโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม

รุนแรงที่สุดอาจถึงขึ้นต้องพิจารณาย้ายเมืองหลวง

เหล่านี้คือการคาดการณ์ เมื่อบวกเข้ากับ "สัญญาณ" ที่คนกรุงประสบอยู่เวลานี้

ทำให้รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องเตรียมวางแผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหา

เพราะครั้งนี้จะเป็นโอกาสดี ที่จะต้องร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

ทั้งการพัฒนาพื้นที่ตลอดสองฝั่งเจ้าพระยา ด้วยการทำคันกั้นแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยระบบที่ทันสมัยคล้ายประตูเปิด-ปิดประตูน้ำ พร้อมๆกับถือโอกาสในการจัดระเบียบริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด

เช่นเดียวกับคลองสำคัญต่างๆใน กทม.ทุกคลอง จะต้องทำการขุดลอก บูรณาการใหม่หมด ทำให้ชุมชนริมคลองหมดไป ด้วยการจัดระเบียบการพักอาศัยให้กับประชาชนใหม่ทั้งหมด

พร้อมบูรณะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ นี่เป็นโอกาส

รัฐบาลควรนำแนวคิด "โครงการแก้มลิง" ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริมาดำเนินการผันน้ำเหนือลงสู่ทะเล ด้วยการเสริมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไป

เพราะลักษณะและวิธีการของโครงการแก้มลิง คือ

1.ดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลไปตามคลองในแนวเหนือ-ใต้ลงคลอง พักน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณชายทะเล เช่น คลองชายทะเลของฝั่งตะวันออก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ คือ แก้มลิง ต่อไป

2.เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลงกว่าระดับน้ำในคลอง ก็ระบายน้ำจากคลองดังกล่าวออกทางประตูระบายน้ำ โดยใช้หลักการทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ

3.สูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่แก้มลิง ให้ระบายออกในระดับต่ำที่สุดออกสู่ทะเล เพื่อจะได้ทำให้น้ำตอนบนค่อยๆ ไหลมาเองตลอดเวลาส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง

4.เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลองให้ปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำย้อนกลับ โดยยึดหลักน้ำไหลทางเดียว (One Way Flow)

นอกจากนั้น ก็วางแผนในการชะลอน้ำอย่างถูกต้องตามหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อน สร้างฝาย ตั้งแต่ด้านบนของประเทศ เรื่อยลงมาถึงพื้นที่ภาคกลาง เพื่อการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

จริงอยู่ เวลานี้รัฐบาลกำลังวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เยียวยาผู้ประสบภัย แต่จะต้องมองการแก้ไขปัญหาในอนาคตควบคู่กันไปด้วย

รัฐบาลจะต้อง "กล้า" กู้เงินเป็นแสนๆล้าน เพื่อทำระบบป้องกันภัยจากอุทกภัยที่ทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยของต่างประเทศมาปรับใช้

ซึ่งการแก้ปัญหาทุกอย่าง คงไม่มีอะไรที่ "สมองมนุษย์" ทำไม่ได้ เว้นแต่คิดจะทำหรือไม่

หากรัฐบาลคิดทัน ก็ควรจะต้องเร่งตั้งคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาระยะยาวขึ้นมาศึกษาโครงการระดับอภิมหาโปรเจ็กต์ โดยมีระยะเวลาที่ชัดเจน

เพราะมีบทเรียนมให้เห็นแล้วว่า น้ำจะท่วมจะมิดหัวอยู่แล้ว ศปภ.เพิ่งจะสั่งซื้อเครื่องสูบน้ำ ขยะ ผักตบขวางทางระบายน้ำ กทม.เพิ่งจะเร่งเก็บขยะ ลอกผักตบ

เข้าลักษณะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

เพราะไม่เช่นนั้น อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สังคมไทยจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเจ็บปวด สูญเสีย




จาก .................. มติชน วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 11-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


Food For Flood "สำรับ" ยามยาก



วันที่มวลน้ำมหาศาลยังไม่ระบายออกจากแผนที่ประเทศไทย นอกจาก "ที่หลับที่นอน" แล้ว "อาหารการกิน" ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องคิด

ระหว่างทาง "ลงทะเล" ของมวลน้ำก้อนโต หรือปลาวาฬฝูงใหญ่ (แล้วแต่ใครจะเรียก) มหากาพย์การเดินทางครั้งนี้ สร้างผลกระทบมากมายไม่ว่าจะ "ทางตรง" หรือ "ทางอ้อม"

กว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ เรือกสวนไร่นา อาคารบ้านเรือน ตลอดจนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ต่างถูกน้ำ "กวาดเรียบ"

น้ำ จึงกลาย "โจทย์สำคัญ" ให้คิด และปรับชีวิตไปโดยปริยาย

หลายบ้านต้องเทครัวอพยพไปยังศูนย์พักพิง ขณะที่อีกหลายบ้านยัง "ใจดีสู้น้ำ" รอเวลาอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน

จนวันนี้ ถึงคิว กรุงเทพมหานคร ที่ค่อยๆ "จม" ไปทีละเขต

แม้จะมีเสียงจากฟากบริหารออกมาพูดถึงความพยายามในการ "เอา" อุทกภัยให้ "อยู่" หมัด แต่กลับถูกน้ำไล่กระเจิงครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ว่าจะงัดกระสอบทราย ก่ออิฐ ยาแนว หรือคลุมพลาสติก เท่าที่ "คัมภีร์กันน้ำ" เล่มไหนจะการันตี

ที่สำคัญกว่านั้น หนึ่งในปัจจัยสี่ อย่าง "อาหาร" คงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

หวั่นน้ำท่วม สินค้าขาดตลาด แห่กักตุนข้าว

มาม่าหมดสต็อกหลังเกิดน้ำท่วม

วิตกคนกรุง กักตุนน้ำดื่ม มาม่า ปลากระป๋อง ขาดตลาด

พาดหัวข่าวต่างๆ สะท้อนถึงความกังวลเรื่องปากท้องของคนเมือง ตั้งแต่ "น้องน้ำ" ยังเดินทางมาไม่ถึง

คำถามคือ เราจะดูแล "ปากท้อง" ตัวเองได้อย่างไร เมื่อน้ำกำลังทั้ง "รุก-รุม-ล้อม" อยู่ตอนนี้


เตรียม-ตุนให้ท้องอิ่ม

"เป็นคนกินยากค่ะ เลยยังไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่" เป็นคำสารภาพจาก อ้อม-เพ็ญสิริ เกษมสุข ถึงการเตรียมตัวรับสถานการณ์น้ำที่กำลัง "งวด" เข้ามาทุกขณะ

ปกติชีวิตสาวออฟฟิศที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้หอพักของเธอแถวๆโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) ซอยรามอินทรา 109 ถนนพระยาสุเรนทร์ มักมีอาหารสำเร็จรูปติดห้องเอาไว้อยู่บ้าง หรือไม่ก็เป็นของขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆ เอาไว้แก้เหงาปาก

ข่าวน้ำท่วมบนหน้าจอทีวี ทำให้อ้อมเป็นกังวลอยู่พอสมควร เพราะห้องที่เธอพักอยู่ทุกวันนี้นั้น อยู่ชั้น 1 และตัวอาคารก็สูงจากถนนไม่มากเท่าไหร่ ก่อนจะออกมาทำงานเท่าที่รู้ เมื่อคืนน้ำก็ล้นท่อระบายน้ำขึ้นมาแล้ว

"ซอยข้างๆ ก็มีน้ำท่วมขังตั้งแต่สองวันก่อนแล้วค่ะ"

นอกจากเก็บของบางอย่างขึ้นที่สูง น้ำดื่ม นม และอะไรที่คิดว่าน่าจะ "กินง่าย" สำหรับตัวเองคือเสบียงที่เธอเตรียมเอาไว้รับน้ำเหนือตอนนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนที่กินอะไรยากมาเป็นทุนเดิม ที่สำคัญ หากท่วมขึ้นมาจริงๆ อ้อมเองก็ไม่คิดแช่น้ำอยู่เป็นสัปดาห์อยู่แล้ว

"กาแฟ นม บิสกิต เลย์ โจ๊ก แอปเปิ้ล ฝรั่งค่ะ" ที่นี่คือลิสต์เมนูในดวงใจ

แน่นอน ตอนนี้ เธอย้ายตัวเองไปพักบ้านญาติที่ต่างจังหวัดเรียบร้อย

ส่วน แจน - วรรณวิสา ฤทธิ์สกุลวงษ์ ตั้งหลักรับน้ำอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ย่านลาดพร้าว 101 ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมรับมือด้วยการ ก่อปูนกั้นประตูทางเข้าบ้าน และขนของขึ้นข้างบนเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว

"ทำตั้งแต่ท่วมบางบัวทองแล้วค่ะ" เธอยืนยัน

ไม่ได้โอเวอร์เกินเหตุ แต่ด้วยประสบการณ์จากตาและยายที่เคยผ่านน้ำท่วมมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 ทำให้ที่บ้านค่อนข้างพร้อมพอสมควร

"แค่เดือนเดียวค่ะ" คือระยะเวลาที่ให้โอกาสตัวเองเดือดร้อนกับน้ำท่วม พอๆ กับบริมาณเสบียงที่มี

"ส่วนใหญ่เป็นพวกปลากระป๋อง หรือ อาหารกระป๋องน่ะค่ะ เพราะที่บ้านก็เป็นร้านขายของชำด้วย" เธอบอก

ขณะที่ แตง - พิริยา ยงเพชร กับพ่อ และแม่ของเธอเตรียมตัวเพียงทำรั้วกันน้ำเท่านั้น แต่ไม่ได้ย้ายของขึ้นที่สูง เพราะที่บริเวณบ้านค่อนข้างสูงพอสมควร

"เตรียมเสบียงไว้บ้าง แต่ไม่เยอะ เอาแค่พอสมควร ซื้อน้ำเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็เป็นพวกอาหารแห้งเป็นบางส่วน ปลากระป๋อง, ข้าวสาร, มาม่า, น้ำพริกแบบแห้ง" เธออธิบาย

เหตุผลหลักที่ทั้ง 3 คนเลือกใช้อาหารแห้ง เครื่องกระป๋องก็เพราะ ความสะดวก และที่สำคัญยังสามารถเก็บได้นานด้วย

"ไม่มีไฟฟ้าใช้ อย่างน้อยปลากระป๋องก็ยังเปิดกินได้แหละค่ะ เพราะกว่าจะรอความช่วยเหลือจะเข้ามาถึงเรา เราก็คงเกือบตายก่อน" อ้อมออกความเห็น

แต่ถ้าถามถึงเรื่องสารอาหาร

"ชั่วโมงนี้ขอแค่พออิ่มก่อนดีกว่าคะ ยังไม่ต้องคิดว่าจะได้สารอาหารครบหรือไม่ครบหรอก" ทั้ง 3 สาวต่างยืนยันเป็นเสียงเดียว


น้ำนอง ท้องอิ่ม (+ครบ 5 หมู่)

เปรียบเทียบสภาพน้ำล้อมบ้าน อย่กว่าแต่จะหาซื้ออะไรกินเลย แค่คิดจะฝ่าระดับน้ำเหนือเข่าขึ้นไปก็ลำบากแล้ว หากย้อนมองสภาพความเป็นอยู่ท่ามกลางมวลน้ำที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดง่ายๆ เช่นนี้ ถ้าไม่หาพื้นที่ลี้ภัยชั่วคราวรอน้ำลด การทำใจยอมรับสภาพ และปรับตัวดูจะเป็นทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหุงหาอาหารในสถานการณ์ดังกล่าว คำตอบของทั้ง แตง อ้อม และแจน ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่อยู่ในใจของหลายๆ คน แต่สำหรับนักโภชนาการชำนาญการพิเศษ อย่าง ณัฏฐิรา ทองบัวศิริไล จากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เธอกังวลถึงสุขภาพในระยะยาว หากต้องพึงพาของกินเฉพาะอย่างเป็นเวลานานเกินไป

"คนเราต้องการสารอาหารต่างกันนะคะ" เธอตั้งข้อสังเกต

เพราะในจำนวนผู้ประสบภัยมีผู้คนหลากหลาย ทั้ง เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คนท้อง หรือคนป่วย ซึ่งต้องการสารอาหารเพื่อบำรุงร่างกายแตกต่างกัน การเอาใจใส่กับอาหารการกินโดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมอย่างนี้ แม้จะดูเป็นการเรียกร้องที่ "เกินไป" แต่ก็ไม่ควร "ละเลย"

"คุณอาจจะทานผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปได้ แต่ก็น่าจะดูด้วยว่ามีอะไรสามารถแทนแป้ง หรือแทนโปรตีนได้บ้าง"

เธอยกตัวอย่างกรณีที่ของกินยอดนิยมอย่าง "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" หรือ "ปลากระป๋อง" ขาดตลาด ผู้บริโภคก็ยังมี ขนมปังกรอบ ขนมเปี๊ยะ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ แทนได้อยู่ แต่ข้อควรระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ คือเชื้อโรคที่อาจ "แถม" มากับน้ำ

"ช่วงน้ำท่วม หมู หรือไก่ อาจติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เหมือนกับของกินที่มีส่วนประกอบของกะทิ หรือยำที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็อาจเสียได้ง่าย อาหารที่ต้องใช้มือสัมผัสโดยตรงก็อาจจะติดเชื้อโรคได้ง่าย"

"กล้วยน้ำว้า" และ "ส้ม" เป็นผลไม้ 2 ชนิดที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะผักใบเขียวดูจะเป็นอะไรที่ถือว่ายากพอควร ที่สำคัญ วิตามินพวกนี้ล้วนแต่ต้อง "ปรุงเพิ่ม"

แต่หากเป็นของขบเคี้ยว หรืออาหารแห้ง คุกกี้ แคร็กเกอร์ อาหารเช้าจำพวกซีเรียล กินคู่กับนมยูเอชที (นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิเกิน 135 องศาเซลเซียส) ก็เป็นตัวเลือกที่ทดแทนสารอาหารได้ค่อนข้างครอบคลุมเหมือนกัน

แต่ถ้าเด็กเล็กที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ

"โดยเฉพาะเด็กแรกเกิด - 3 เดือนแรก แนะนำให้กินนมแม่อย่างเดียว เพราะนมผงจะทำให้ท้องร่วงได้ง่าย" เธอยืนยัน

แม้เด็กจะหย่านม หรือตัวแม่ไม่มีน้ำนมแล้วก็ตาม ณัฏฐิรา อธิบายว่าสามารถกระตุ้นน้ำนมได้ ด้วยการให้ลูกดูดบ่อยๆ แต่ตัวแม่เองก็ต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติด้วยเหมือนกัน

สำหรับคนทั่วไป อาหารกระป๋องจำพวกข้าวกระป๋องที่สามารถกินได้เลย หรืออาหารปรุงสำเร็จบรรจุกระป๋องต่างๆ อาจมีราคาสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเลือกสำหรับสารอาหารยามยากจะขีดวงจำกัดอยู่เพียงเท่านั้น ถั่วตัด กระยาสารท หมูหยอง ไก่หยอง เนื้อสวรรค์ ไข่เค็ม เนื้อแดดเดียว ปลาแห้ง หรือปลาเล็กปลาน้อย ก็ล้วนแต่เป็นตัวเลือกที่ไม่น่ายากเกินความสามารถ

เพื่อให้ท้องอิ่ม และไม่ต้องพึ่งโรงหมอ หลังน้ำลดนั่นเอง.


จัดชุด (อาหาร) ลุยน้ำ

"เพราะนิสัยคนไทยยังไงก็ต้องกินข้าว" บางสุ้มเสียงจากฟากนักวิชาการเปรียบเทียบถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วงน้ำท่วมที่แม้จะอัดแน่นไปด้วยสารอาหาร และการคำนวณแคลอรี่มาให้ตรงเป๊ะสักเพียงใด ถ้าลอง "สวยแต่รูป จูบไม่หอม" แม้จะถูกส่งให้ถึงมือผู้ประสบภัย แต่ก็มักจะได้รับการหยิบเป็นลำดับท้ายๆอยู่ดี

เมนูน้ำท่วม จึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่าแค่ตาเห็น

ทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรมอนามัย จึงได้ เซตเมนู "ชุดอาหารอิ่มท้อง" ขึ้นมาสำหรับเป็นทางเลือก ทั้งผู้ช่วยเหลือ และผู้รับการช่วยเหลือจะสามารถนำไปประยุตก์ใช้เพื่อให้มากกว่าอิ่มท้องรอน้ำลดได้

แน่นอนว่า นอกจากจะถูกหลักโภชนาการ ยังสามารถเก็บเอาไว้ได้นานเกินกว่า 3 วัน โดยอาหารภายในชุดประกอบไปด้วย

กลุ่มข้าว-แป้ง ได้แก่ ขนมปังกรอบคุ กกี้ แคร็กเกอร์ ขนมเปี๊ยะไส ถั่ว ขนมปังไส้ สับปะรด ข้าวแต๋น ซีเรียล ข้าวตังหน้าธัญพืช ข้าวตู มันฉาบ เผือกฉาบ

กลุ่มถั่วและธัญพืช ได้แก่ ถั่วลิสงคั่ว ถั่วกรอบแกว ถั่วทองทอด ถั่วปากอ้า กระยาสารท ถั่วตัด งาตัด

กลุ่มผลไม้แห้ง ได้ แก่ กล้วยตาก กล้วยอบ กล้วยฉาบ เป็นต้น

กลุ่มน้ำพริก ได้แก่ น้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาปน น้ำพริกปลาสลิด น้ำพริกปลาย่าง

กลุ่มปลาและเนื้อสัตว์ ได้แก่ ปลานิลแดดเดียว ทอดหมูแดดเดียวทอด ไข่เค็ม ปลาหวาน หมู/เนื้อทุบ ปลาฉิ้งฉ้างอบกรอบ ไก่/หมู/ปลาหยองหมูแผ่น หมูยอ หมู/เนื้อสวรรค์

อาหารกระป๋องสำเร็จรูปต่างๆ ได้แก่ ปลากระป๋อง หัวไชโป๊ว ผักกาดกระป๋อง เป็นต้น

อื่นๆ ได้แก่ น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง นมสด UHT น้ำผลไม้


ตัวอย่างชุดอาหารอิ่มท้อง

แบบที่ 1 ประกอบด้วย ขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว คุ๊กกี้ ข้าวตู กล้วยตาก มันฉาบ น้ำพริกตาแดง หมูแดดเดียว ปลากระป๋อง ไก่หยอง ผักกาดกระป๋อง น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง/นมสดUHT

แบบที่ 2 ประกอบด้วย ขนมปังกรอบ ข้าวแต๋น กล้วยฉาบ ถั่วทองทอด น้ำพริกปลาย่าง ปลาแดดเดียว ปลากระป๋อง ไข่ เค็มหมูยอ ซีเรียล น้ำดื่ม นมถั่วเหลือง/นมสดUHT

แบบที่ 3 (สำหรับชาวมุสลิม) ประกอบ ด้วยขนมปังกรอบ กล้วยตาก น้ำพริกเผา ปลานิลแดดเดียวทอด ไข่เค็ม ปลาหวาน ปลากระป๋อง ซีเรียล หัวไชโป้ว น้ำดื่ม น้ำผลไม้ นมถั่วเหลือง/นมสดUHT




จาก .................. กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ Life Style วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 11-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


แปลงเรือหางยาวเป็นเครื่องดันน้ำ ภูมิปัญญาชาวบ้านระบายน้ำฝั่งธนฯ ..................... โดย สุรัตน์ อัตตะ



จากความพยายามร่วมกันของเครือข่ายชุมชนย่านฝั่งธนบุรี ที่จะไม่ยอมนั่งรอเป็นผู้ประสบภัยจากวิกฤติอุทกภัย มูลนิธิซิเมนต์ไทยและกรมอู่ทหารเรือ จึงได้สนับสนุนให้ชุมชนเอาภูมิปัญญาริมคลองฝั่งธนฯ มาใช้ คือเครื่องผลักดันน้ำ ด้วยเป็นแนวคิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่เรียกว่าการเป่าฟอง โดยใช้ถังขนาด 200 ลิตรมาเชื่อมต่อกัน 2-3 ถัง เพื่อสร้างอุโมงค์หรือท่อส่งน้ำ แล้วนำไปติดตั้งบนแพไม้ไผ่ ซึ่งมีใบพัดและเครื่องยนต์ของเรือหางยาวติดตั้งอยู่ โดยใบพัดจะทำหน้าที่ดึงน้ำเข้าไปในอุโมงค์ ทำให้มีแรงดันใต้น้ำที่จะช่วยผลักน้ำออกไปเร็วขึ้น

"ที่จริงมันเป็นเครื่องที่ชาวบ้านที่เขาใช้กันมานานแล้ว แต่ใช้ในนากุ้งคือใช้เครื่องนี้ดันน้ำเข้านากุ้งหรือเรือสวนไร่นา เพียงแต่เรานำมาดัดแปลงให้เครื่องมีกำลังส่งเพิ่มขึ้น อุปกรณ์การประดิษฐ์ก็มีเครื่องยนต์เรือหางยาว ถังน้ำมัน 200 ลิตร ไม้ไผ่มาผูกติดกัน ถ้ามีเครื่องยนต์เรือหางหางยาวแล้วก็ซื้อวัสดุอื่นๆเพิ่มเติมก็ไม่เกิน 5,000 บาท ข้อดีไม่ใช่ดันน้ำแค่ผิวน้ำ แต่สามารถดันน้ำข้างล่างด้วย"

สุพจน์ ภูมิใจกุลวัฒน์ ประธานสภาพัฒนาสังคมกรุงเทพมหานคร แกนนำเครือข่ายชาวบ้านย่านฝั่งธนบุรี ผู้จุดประกายให้ชาวบ้านนำเครื่องผลักดันน้ำเผยถึงจุดเด่นเครื่องผลักดันน้ำ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำมาใช้ในการระบายน้ำท่วมบริเวณย่านฝั่งธนบุรีในขณะนี้ โดยเครื่องดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของใหม่ แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งใช้ในการผลักดันน้ำในนากุ้ง ตลอดจนเรือกสวนไร่นาอยู่แล้ว เพียงแต่มาดัดแปลง โดยการเพิ่มกำลังเข้าไปเพื่อให้สามารถผลักดันน้ำได้มากขึ้นเพื่อระบายน้ำท่วมขังลงสู่ทะเลอ่าวไทยโดยเร็ว

สำหรับเครื่องผลักดันน้ำจากแนวคิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ผลิตจากถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรมาเชื่อมต่อกันประมาณ 2-3 ถัง เพื่อสร้างอุโมงค์หรือท่อส่งน้ำ แล้วนำไปติดตั้งบนแพไม้ไผ่ ซึ่งมีใบพัดและเครื่องยนต์ของเรือหางยาวติดตั้งอยู่ โดยใบพัดจะทำหน้าที่ดึงน้ำเข้าไปในอุโมงค์ ทำให้มีแรงดันใต้น้ำที่จะช่วยผลักน้ำออกไปเร็วขึ้น ขณะเดียวกันแรงผลักดังกล่าวจะช่วยให้ขี้เลนที่ตกตะกอนฟุ้งกระจาย ผลคือคลองจะลึกขึ้น และน้ำเคลื่อนได้เร็วขึ้น ช่วยดันน้ำให้ออกอ่าวไทยในระยะทางที่สั้นที่สุด แบ่งเบาภาระของเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่ง



สุรนุช ธงศิลา ผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย (SCG) กล่าวเสริมว่าเครื่องแรกลองวางที่คลองราชมนตรีตรง ถ.เอกชัยบางบอน เครื่องผลักดันน้ำภูมิปัญญาชาวบ้านตัวแรก วางที่คลองราชมนตรีที่ ถ.เอกชัย-บางบอน ซึ่งขณะนี้ทำงานได้ดีมาก โดยชาวบ้านนำเครื่องเรือหางยาวที่ปรับจากเครื่องยนต์ 4 สูบ และใช้ถังน้ำมัน 200 เปล่ามาเชื่อมต่อกันเป็นท่อเพื่อใช้เป็นอุโมงค์น้ำ นำหางเรือที่มีใบพัดแหย่ที่ปากท่อที่วางไว้ใต้น้ำ ชาวบ้านผลักดันน้ำจากข้างใต้ ในขณะที่รัฐบาลใช้เรือผลักน้ำบนผิวน้ำ

ผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย (SCG) ระบุอีกว่า คลองราชมนตรีเป็นอีกคลองหนึ่งที่จะสามารถช่วยชาวฝั่งธนฯ ให้ผ่อนหนักเป็นเบา เนื่องจากเป็นคลองที่รับน้ำจากคลองเล็กคลองน้อยรวมทั้งคลองทวีวัฒนาและคลองภาษีเจริญให้ไหลลงอ่าวไทยได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะดึงน้ำไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว ซึ่งไกลกว่าในขณะที่คลองราชมนตรียังแห้งขอดและยังความสามารถรองรับน้ำได้อีกมาก รวมทั้งยังเดินทางไปสู่อ่าวไทยในระยะทางที่สั้นกว่าด้วย

"วิธีนี้อาจจะไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ แต่อย่างน้อยก็จะทำให้ปริมาณน้ำและระยะเวลาที่น้ำท่วมขังน้อยลงและเรายังได้รับความร่วมมือจากกรมอู่ทหารเรือเข้ามาช่วยผลิตเครื่องผลักดันน้ำดังกล่าว ทำให้ขณะนี้มีเครื่องผลักดันน้ำภูมิปัญญาชาวบ้าน 4 ชุด และเครื่องผลักดันน้ำจากกรมอู่ทหารเรืออีก 2 เครื่อง วางตามจุดต่างๆในคลองราชมนตรี เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันน้ำที่ท่วมขังทางด้านฝั่งธนฯ ให้ลงอ่าวไทยได้เร็วขึ้น" สุรนุชกล่าวทิ้งท้าย

นับเป็นนวัตกรรมที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน แม้จะผลักดันน้ำได้ปริมาณไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็เป็นแรงเสริมหน่วยงานภาครัฐในการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วขึ้น




จาก .................. คม ชัด ลึก วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 14-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


มองดูให้รู้ทันน้ำ สีไหนปลอดภัย สีไหน "เน่า"!?!



เพราะผู้คนในหลายพื้นที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับมวลน้ำที่เคลื่อนตัวเอ่อล้นคู คลอง ผุดจากท่อเข้าท่วมบ้าน ท่วมถนน วิถีชีวิตคนเมืองจากที่เคยขึ้นรถไฟฟ้าต่อรถยนต์ จำต้องเปลี่ยนเป็นขึ้นรถลงเรือ บ้างต้องเดินลุยน้ำเป็นบางช่วง จึงไม่แปลกที่ความกังวลเกี่ยวกับน้ำซึ่งต้องสัมผัสจะผุดขึ้นในหัวเหมือนกับน้ำผุดท่อ

ต่อข้อสงสัยดังกล่าว ทีมเดลินิวส์ออนไลน์ได้รับคำตอบจาก นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ยืนยันว่า มวลน้ำมหาศาลถึงเพียงนี้ไม่ทำให้สารพิษไหลเวียนไปยังบริเวณต่างๆได้ อีกทั้งสารเคมีอันตรายของโรงงงานอุตสาหกรรมก็มีหลักเกณฑ์การจัดการเป็นอย่างดีไม่ให้มีการปล่อยทิ้งออกภายนอก ประกอบกับกรมควบคุมมลพิษส่งทีมตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณรอบๆโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ไม่พบการปนเปื้อนแต่อย่างใด

ขณะที่ลักษณะของน้ำ การจะรู้ได้ว่าสกปรกหรือไม่? นายวรศาสน์ ชี้แจงว่า ประชาชนทั่วไปสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า หากเป็นน้ำที่มีสภาพดีตามธรรมชาติต้องไม่ขุ่นจนเกินไป มีสีออกน้ำตาล ในทางตรงกันข้าม น้ำที่สกปรกจะขุ่นมาก มีตะกอน น้ำดำ มีกลิ่้นไม่พึงประสงค์ คล้ายกลิ่นแก๊สไขเน่า กลิ่นเปรี้ยว สัตว์น้ำอาศัยอยู่ไม่ได้

ดังนั้น หลังจากสัมผัสกับน้ำสกปรกตามลักษณะข้างต้น ควรล้างผิวหนังให้สะอาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากเชื้อโรคในน้ำ ที่อาจทำให้เป็นโรคผิวหนัง โรคอหิวาตกโรค ท้องร่วง ไทฟอยด์ โรคฉี่หนู ส่วนผู้ที่วิตกกลัวจะได้รับอันตรายจากสารพิษและโลหะหนัก เช่น แคดเมียม สารหนู ยาฆ่าแมลง สารปรอท แล้วจะป่วยเป็นอิไต อิไต มะเร็ง มินามาตะ และท้องร่วงนั้น นายวรศาสน์ ระบุว่า หากไม่ดื่มลงท้องไป ของแถมที่แฝงในน้ำเหล่านี้จะไม่มีกับสุขภาพ เพราะเพียงแค่สัมผัสถูกผิวหนังไม่ก่อให้เกิดโรค

ทั้งนี้กรมควบคุมมลพิษ มีข้อคำเตือนฝากถึงประชาชนที่มีบุตรหลาน โดยนายวรศาสน์ ขอให้หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำที่มีความสกปรกมากหรือเน่าเสีย เพราะเด็กอาจสำลักน้ำ กลืนเอาเชื้อราที่ปะปนอยู่ในน้ำเข้าไปสู่ร่างกาย หากเคราะห์ร้าย เชื้อราอาจเข้าไปเจริญเติบโตในสมอง

ดังเช่นกรณีของอดีตนักร้องหนุ่ม ‘บิ๊ก วงดีทูบี’ ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตกคูน้ำและสำลักเอาน้ำสกปรกเข้าไป เป็นผลให้ติดเชื้อราซูดาเลสชีเรียบอยดิไอ เชื้อราเข้าไปกัดกินเส้นเลือดแดงในสมอง แพทย์พบเลือดออกในสมอง และสมองบวม เป็นอันตรายต่อสมองอย่างมาก อีกทั้งเชื้อราเจริญเติบโตเร็ว และยาฆ่าเชื้อรามีราคาแพง

ทว่าเด็กบังเอิญลงเล่นน้ำแล้วเกิดสำลักน้ำที่มีสภาพไม่น่าไว้วางใจ ให้พยายามบ้วนทิ้งหรืออาเจียนออกมาให้ได้ หลังจากนั้นหากมีอาการผิดปกติ มีไข้สูงไม่ลด ต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจหาความผิดปกติ

และเพื่อลดมลภาวะทางน้ำในช่วงที่มวลน้ำสกัดการคมนาคมทางบกตามวิถีปกติ เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดบ้านเมืองไม่สามารถออกเก็บกวาดขยะไปกำจัดได้อย่างที่ควรเป็น นายวรศาสน์ ในฐานะที่เป็นคนทำงานด้านการควบคุมมลพิษ แนะให้ประชาชนจัดการกับขยะมูลฝอยบริเวณที่อยู่อาศัยของตนเอง โดยอย่าทิ้งลงน้ำ ให้รวบรวมและบรรจุขยะใส่ถุงมัดปากให้มิดชิดเก็บใส่ถังขยะให้พ้นน้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งหากมีสภาพเช่นนั้นแล้ว สามาถใช้น้ำชีวภาพหรืออีเอ็มบอล แก้ปัญหาได้ในเบื้องต้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ หากลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้วพบว่าบริเวณใดมีค่าออกซิเจนละลายในน้ำต่ำกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร จะใช้น้ำจุลินทรีย์ราดเพื่อบรรเทาน้ำเน่าเสีย

อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษ ยังจัดกิจกรรมขยะโฟมแลกไข่ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันเก็บโฟมเหลือใช้ ขยะที่ก่อมลพิษและใช้เวลาย่อยสลายยาวนานกว่าขยะชนิดอื่นๆ โดยขยะโฟมจำนวน 20 ชิ้น สามารถแลกไข่ไก่ได้ 1 ฟอง สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมควบคุมมลพิษ 0 2298-2000 หรือ www.pcd.go.th




จาก ....................... เดลินิวส์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:48


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger