เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

มติชน
15-06-2015

ธุรกิจประมงป่วน! เรือออกหาปลาไม่ได้-โรงงานแห่ปิด หลังถูกรัฐจัดระเบียบ



นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า หลังการจัดระเบียบประมงไทย ทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น ผู้ประกอบการอาจได้รับผล กระทบบ้างเพราะจับปลาน้อยลง แต่เมื่อผลิตสินค้าน้อยลงราคาก็ย่อมขยับขึ้นตาม ถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนการทำประมงพื้นบ้านที่มีเรือ กว่า 30,000 ลำ คงไม่ได้รับผลกระทบเพราะตามหลักการของประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการทำประมงพื้นบ้าน เพียงแค่ต้องมาจดทะเบียนเข้าออกหรือเทียบท่าตามท่าเรือที่กำหนดเท่านั้น

นายพจน์กล่าวว่า ในวันที่ 16 มิถุนายน ทางสภาหอการค้าฯและสมาพันธ์ผู้ผลิตสินค้าประมงไทย (ทีเอฟพีซี) ที่ประกอบด้วย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย, สมาคมกุ้งไทย, สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป, สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย, สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย, สมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย, สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จะจัดกิจกรรมประกาศจุดยืนสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้ พ.ร.บ.การประมง พ.ร.บ.ต่อต้านการค้ามนุษย์ฯ และแนวทางแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยูของไทยที่โรงแรมดุสิตธานี

นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กล่าวว่า หลังการจัดระเบียบ ทำให้การประมงไทยมีปัญหาบ้าง โดยมีเรือประมงออกทะเลได้เพียง 40% เท่านั้น ที่เหลืออีก 60% ไม่สามารถออกไปทำประมงได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเอกสารการแจ้งที่ศูนย์แจ้งท่าเรือเข้าออก (Port in-Port out) ส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนโรงงานแปรรูปลดลงอย่างมาก ทำให้โรงงานแล่เนื้อปลา โรงงานผลิตปลา และปลาบด (ซูริมิ) ปิดกิจการจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.สงขลา คิดเป็นปลาที่หายไป 1 พันตัน/วัน หรือคิดเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท/วัน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ชาวประมงยังไม่เลิกทำ ประมง เพียงแต่ไม่สามารถออกทะเลได้เท่านั้น ทางสมาคมอยากให้ภาครัฐและศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ ด้วย คือ

1.อำนวยความ สะดวกการออกเอกสารของเรือประมงเพื่อให้ ออกทำประมงได้ตามปกติโดยเร็ว และให้ทัน กับที่ ศปมผ.กำหนดให้แล้วเสร็จภายในสิ้น เดือนมิถุนายนนี้ หากไม่ทันก็อยากให้มีมาตรการอื่นช่วยเหลือชาวประมง

2.อยากให้ กระทรวงแรงงานดูแลเรื่องการจดทะเบียน แรงงานต่างด้าวให้สามารถทำได้ตลอดปี จาก ที่ปัจจุบันเปิดรับครั้งละ 3 เดือน ทำให้ภาคประมงประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน

3.อยากให้กรมเจ้าท่าอำนวยความสะดวกเรื่องการออกใบนายท้ายเรือให้แก่คนขับเรือ และควรเปิดสอบใบนายท้ายเรือใหม่ให้ตรงกับประเภทเรือ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้ใบนายท้ายเรือ ผิดประเภท

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

มติชน
17-06-2015

สลด!! ประมงไทยชำแหละกระเบนแมนต้าสุดโหด ทั้งที่เหลือเพียง 50 ตัวในอันดามัน



ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และนักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพซากปลากระเบนแมนต้า ซี่งเป็นกลุ่มปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนท้ายรถกระบะ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการคุ้มครองปกป้อง สัตว์ในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง โดยเสนอให้กำหนดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามกฎหมาย

จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ดร.ธรณ์ ซึ่งดร.ธรณ์ ได้ให้ความกระจ่างมาดังนี้

ภาพซากปลากระเบนบนท้ายรถกระบะนั้น เป็นภาพที่เพื่อนของ ดร.ธรณ์ ส่งมาให้ดู ซึ่งเป็นปลากระเบนที่ถูกล่าในจังหวัดระนอง โดยผ่านมาทางท่าเรือขึ้นปลาที่จังหวัดระนอง ซึ่ง ดร.ธรณ์ บอกว่า เป็นท่าขึ้นปลาที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอันดามันอยู่แล้ว อีกทั้งปลาชนิดนี้มีรายงานว่า พบในแถบจังหวัดตรัง สตูล ระนอง และภูเก็ต

ปัจจุบัน ปลากระเบนแมนต้า ยังไม่ได้เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองจากกฎหมายทางฝั่งกรมประมง ว่าด้วยการห้ามทำการประมง หรือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จาก พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ.2535 จากทางฝั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การที่จะผลักดันปลากระเบนแมนต้าให้ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ก็อาจจะต้องผลักดันไปพร้อมๆ กับ การเสนอวาฬบรูด้า ให้เป็นสัตว์สงวน ซึ่งจะมีความเข้มข้นกว่าสัตว์คุ้มครอง เนื่องจากสัตว์สงวน จะห้ามล่า ห้ามมีไว้ในครอบครองทุกกรณี

และจากภาพที่มีคนจับฉลามวาฬ ไว้บนเรือประมง ดร.ธรณ์ กล่าวว่า นั่นก็น่าจะผิดกฎหมายเต็มๆ เนื่องจากฉลามวาฬ นอกจากจะอยู่ในความคุ้มครองตามกฎหมาย ให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นสัตว์ห้ามทำการประมง ตามประกาศของกรมประมงอีกด้วย )


(ภาพจากเฟซบุ้ก Pongwat Datchtaradon ที่ระบุว่า ฉลามวาฬตัวนี้ ถูกจับมาจากการทำประมงแบบอวนลาก และเรียกร้องให้การประมงลักษณะนี้ หมดไปจากประเทศไทย)

ทั้งนี้ ดร.ธรณ์ กล่าวว่า การพยายามผลักดัน ปลากระเบนแมนต้าให้เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง นี้ อาจจะเป็นเรื่องยากในแง่ที่ว่า ปัจจุบันเรามีข้อมูลเกี่ยวกับปลาตัวนี้ค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยมีใครได้พบ จากแวดวงนักดำน้ำ คาดว่า ทางฝั่งทะเลอันดามัน มีอยู่เพียง 50 ตัวเท่านั้น ซึ่งจำนวนที่มีน้อยขนาดนี้ ก็สมควรที่จะได้รับความคุ้มครองโดยเร็ว

นอกจากนี้ ดร.ธรณ์ ยังได้โพสต์ภาพ การล่าปลากระเบนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก Thailand Manta Project เพจที่ส่งเสริมการวิจัยกระเบนราหูในประเทศไทย




*********************************************************************************************************************************************************


"ดร.ธรณ์" โพสต์เฟซบุ๊ก กระเบนแมนต้า ใหญ่ที่สุดในโลก ยังทยอยถูกฆ่า เสนอให้เป็นสัตว์คุ้มครอง



ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และนักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพซากกระเบนแมนต้า ซี่งเป็นกลุ่มปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนท้ายรถกระบะ พร้อมกับเรียกร้องให้มีการคุ้มครองปกป้อง สัตว์ในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง โดยเสนอให้กำหนดเป็นสัตว์คุ้มครอง ตามกฎหมาย ดังนี้


"ภาพอันน่าเศร้าที่เพื่อนธรณ์เห็นเกิดขึ้นที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในประเทศไทยสัตว์ที่นอนตายกองกันอยู่ท้ายกระบะคือหนึ่งในกลุ่มปลากระเบนใหญ่ที่สุดในโลก และสัตว์ที่เป็นเพื่อนรักของนักดำน้ำทุกราย กระเบนกลุ่มนี้ทำรายได้ให้การท่องเที่ยวมหาศาล เป็นความประทับใจแห่งอันดามันที่ผู้มาเยือนไม่เคยลืมเลือน

น่าเสียดายที่ในทะเลมีเครื่องมือประมงบางอย่างที่สามารถจับแมนต้าและญาติกลุ่มนี้ที่น่ารักได้น่าเสียดายที่มีความตายเกิดขึ้นอย่างโหดร้ายในทะเล

การอนุรักษ์แมนต้าและญาติเป็นเรื่องยาก การห้ามการประมงกระเบนกลุ่มนี้เหมือนที่เคยใช้กับฉลามวาฬเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาอย่างไรก็ตามการปล่อยให้แมนต้าและญาติตายไปเรื่อยๆเป็นสิ่งที่คนรักทะเลยอมรับไม่ได้ทางออกสุดท้าย...สัตว์คุ้มครอง

ปลากระเบนกลุ่มแมนต้าและญาติเป็นสัตว์สงวนเช่นบรูด้าไม่ได้เพราะเรามีข้อมูลน้อยมากแต่เราอาจมีช่องทางในเรื่องสัตว์คุ้มครองแม้มันจะยากแสนสาหัสแต่อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย

ผมจึงลองเสนอแผนง่ายๆดังนี้

- พวกเราช่วยกันผลักดันวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน หากสำเร็จ กระทรวงทรัพยากรฯ จะจัดประชุมเพื่อพิจารณา หากเป็นไปได้ เราจะพยายามผลักดันแมนต้าและญาติให้เป็นสัตว์คุ้มครองเข้าไปในการประชุมครั้งนี้ด้วย

- แมนต้าและกระเบนกลุ่มนี้เป็นปลาที่ออกลูกน้อยมาก หากแมนต้ารุ่นนี้ถูกฆ่าหมด โอกาสที่ปลากลุ่มนี้จะสูญพันธุ์ไปจากน่านน้ำบริเวณนี้เป็นเรื่องง่าย

- เรามีบทเรียนกับปลาฉนากกับปลาโรนินมาแล้ว ปัจจุบัน เราไม่เจอปลาฉนากอีกเลยและแทบไม่เจอโรนินอีกแล้ว (ที่นักดำน้ำพอเจออยู่บ้างคือโรนัน)

- แมนต้าและเพื่อนบางชนิดอยู่ใน CITES บัญชี 2 ถือเป็นสัตว์ที่ทั่วโลกให้การคุ้มครอง โอกาสนำเสนอเป็นสัตว์คุ้มครองในไทยเป็นไปได้

- ระหว่างนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอาจกรุณาศึกษาความเป็นไปได้ของปลากระเบนกลุ่มนี้ก่อนครับ

เอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นกันตรงนี้ก่อนเพื่อนธรณ์ช่วยกันได้โดยโหวตสนับสนุนให้วาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวนทำให้เกิดการประชุมเราจะช่วยกันผลักดันแมนต้าและญาติๆเป็นสัตว์คุ้มครองครับ"

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


ผู้จัดการออนไลน์
21-6-15


หลังเห็นภาพสุดโหด ชาวเน็ตจุดกระแสจี้รัฐจัด “กระเบนราหู” เป็นสัตว์คุ้มครอง



ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในโลกสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพอันน่าโศกสลดของแวดวงประมงไทยเป็นภาพการขนถ่ายและชะแหละ “ปลากระเบนราหู (แมนตา)” ของชาวประมงไทยที่จังหวัดระนอง โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะในทะเลอันดามันเหลือปาชนิดนี้ไม่เกิน 50 ตัวเท่านั้น
       
       เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านระบบนิเวศทางทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า “ฆ่าแมนต้า ความตายของกระเบนใหญ่ที่สุดในโลก สนับสนุนกระเบนราหูเป็นสัตว์คุ้มครอง” พร้อมรายละเอียดว่า
       
       “ภาพอันน่าเศร้าที่เพื่อนธรณ์เห็น เกิดขึ้นที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในประเทศไทย สัตว์ที่นอนตายกองกันอยู่ท้ายกระบะ คือหนึ่งในกลุ่มปลากระเบนใหญ่ที่สุดในโลก และสัตว์ที่เป็นเพื่อนรักของนักดำน้ำทุกราย กระเบนกลุ่มนี้ทำรายได้ให้การท่องเที่ยวมหาศาล เป็นความประทับใจแห่งอันดามันที่ผู้มาเยือนไม่เคยลืมเลือน
       
       น่าเสียดายที่ในทะเลมีเครื่องมือประมงบางอย่างที่สามารถจับแมนต้าและญาติกลุ่มนี้ที่น่ารักได้ น่าเสียดายที่มีความตายเกิดขึ้นอย่างโหดร้ายในทะเล
       
       การอนุรักษ์แมนต้าและญาติเป็นเรื่องยาก การห้ามการประมงกระเบนกลุ่มนี้เหมือนที่เคยใช้กับฉลามวาฬเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้แมนต้าและญาติตายไปเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่คนรักทะเลยอมรับไม่ได้ ทางออกสุดท้าย...สัตว์คุ้มครอง
       
       ปลากระเบนกลุ่มแมนต้าและญาติเป็นสัตว์สงวนเช่นบรูด้าไม่ได้ เพราะเรามีข้อมูลน้อยมาก แต่เราอาจมีช่องทางในเรื่องสัตว์คุ้มครอง แม้มันจะยากแสนสาหัส แต่อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย
       
       ผมจึงลองเสนอแผนง่ายๆ ดังนี้
       
       - พวกเราช่วยกันผลักดันวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน หากสำเร็จ กระทรวงทรัพยากรฯ จะจัดประชุมเพื่อพิจารณา หากเป็นไปได้ เราจะพยายามผลักดันแมนต้าและญาติให้เป็นสัตว์คุ้มครองเข้าไปในการประชุมครั้งนี้ด้วย
       
       - แมนต้าและกระเบนกลุ่มนี้เป็นปลาที่ออกลูกน้อยมาก หากแมนต้ารุ่นนี้ถูกฆ่าหมด โอกาสที่ปลากลุ่มนี้จะสูญพันธุ์ไปจากน่านน้ำบริเวณนี้เป็นเรื่องง่าย
       
       - เรามีบทเรียนกับปลาฉนากกับปลาโรนินมาแล้ว ปัจจุบัน เราไม่เจอปลาฉนากอีกเลยและแทบไม่เจอโรนินอีกแล้ว (ที่นักดำน้ำพอเจออยู่บ้างคือโรนัน)
       
       - แมนต้าและเพื่อนบางชนิดอยู่ใน CITES บัญชี 2 ถือเป็นสัตว์ที่ทั่วโลกให้การคุ้มครอง โอกาสนำเสนอเป็นสัตว์คุ้มครองในไทยเป็นไปได้
       
       - ระหว่างนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอาจกรุณาศึกษาความเป็นไปได้ของปลากระเบนกลุ่มนี้ก่อนครับ
       
       เอาเป็นว่า เรามาเริ่มต้นกันตรงนี้ก่อน เพื่อนธรณ์ช่วยกันได้โดยโหวตสนับสนุนให้วาฟบรูด้าเป็นสัตว์สงวน ทำให้เกิดการประชุม เราจะช่วยกันผลักดันแมนต้าและญาติๆเป็นสัตว์คุ้มครองครับ
       
       • www.change.org/saveourwhale”
       
       ปลากระเบนแมนตา หรือ ปลากระเบนราหู (Manta ray) เป็นปลากระดูกอ่อนจำพวกหนึ่ง จัดเป็นปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาจมีความกว้างช่วงปีก (ครีบหู) ได้ถึง 6.7 เมตร หรือ 22 ฟุต มีน้ำหนักได้ถึง 1,350 กิโลกรัม หรือ 3,000 ปอนด์ อาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนทั่วโลก โดยเฉพาะรอบ ๆ แนวปะการัง (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
       
       ทั้งนี้จากข้อมูล ปัจจุบันปลากระเบนราหู (แมนตา) ยังไม่ได้เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองทางกฎหมาย ทางฝั่งกรมประมง ว่าด้วยการห้ามทำการประมง หรือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จากพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 จากทางฝั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
       
       
__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

ข่าว อสมท. MCOT News
30-6-15

วิถีประมงพื้นบ้าน พลิกฟื้นวิกฤติทะเลไทย



หนึ่งปัญหาที่อียูตั้งคำถามถึงการจัดการประมงไทยผิดกฎหมาย คือ การทำประมงเกินศักยภาพของท้องทะเล และมีเรือผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งในไทยมีการออกใบอนุญาตเรืออีกประเภทหนึ่ง คือ เรือประมงพื้นบ้าน ล่าสุดชาวประมง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็เรียกร้องให้รัฐส่งเสริม เพราะเป็นการทำประมงที่เป็นแบบอย่าง เน้นพึ่งพาธรรมชาติ

ช่วงเวลา 02.00 น. ของทุกวัน เป็นเวลาที่ชาวประมงพื้นบ้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะออกเรือไปไกลกว่า 8 ไมล์ทะเล หรือราว 10 กิโลเมตร “ปิยะ” เจ้าของเรือประมงพื้นบ้านลำนี้ เล่าว่า แต่ก่อนไม่ต้องออกเรือแต่เช้า และไม่ต้องไปไกลชายฝั่งมาก ก็ได้ปลาจำนวนมากพอขายเลี้ยงครอบครัวแล้ว แต่ทุกวันนี้ปลาเหลือน้อย เรือทุกลำโดยเฉพาะเรือพาณิชย์ก็ต้องหาปลาให้ได้มากที่สุด



วิถีการทำประมงพื้นบ้านจะใช้อุปกรณ์เพียง 2-3 ชิ้น ใช้เฉพาะอวนติดตา ขนาดตาอวนไม่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร

“ปิยะ” ยังเล่าเพิ่มเติมว่า ปลาที่ได้วันนี้นำไปขาย เมื่อหักต้นทุนค่าน้ำมันที่จ่ายไป เหลือเงินเป็นกำไรไม่มากนัก แต่ก็พออยู่ได้ เพราะใช้แรงงานเป็นคนในครอบครัว ปลาทูและปลาแดงที่ได้มีขนาดโตเต็มวัย ขายได้กิโลกรัมละ 40-50 บาท ถึงจะได้เงินไม่มาก แต่ก็ภูมิใจที่ได้จับสัตว์น้ำแบบไม่ทำลายท้องทะเลที่เขารัก



ชุมชนอ่าวคั่นกระได มีชาวประมงพื้นบ้านอยู่กว่า 100 ครัวเรือน เมื่อปี 2551 ทะเลที่นี่เผชิญกับภาวะวิกฤติ เหตุทำประมงผิดวิธีมานับสิบปี ใช้อวนตาถี่กวาดเอาปลาทุกชนิดที่หาได้ อาชีพประมงแทบล่มสลาย กระทั่งชาวบ้านเริ่มคิดพลิกฟื้นชายฝั่ง เปลี่ยนเครื่องมือหาปลา ใช้เวลาเพียง 1 ปี ทะเลกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง แนวกำแพงจากต้นมะพร้าวนี้เป็นแนวกั้นเริ่มต้นเขตอนุรักษ์ชายฝั่งที่ชาวบ้านทำขึ้นเอง

ไม่ไกลจากชายฝั่งเป็นที่ตั้งธนาคารปูของชุมชน “ลุงน้อย” ชาวประมงพื้นบ้านอีกคนหนึ่ง ชี้ให้ดูแม่ปูไข่ 13 ตัว ซึ่งชาวบ้านจะหมุนเวียนกันมาช่วยดูแลให้แม่ปูเหล่านี้ขยายพันธุ์ต่อไปได้อีก



ไทยมีเรือประมงพื้นบ้านประมาณ 40,000 ลำ ใน 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล เรียกร้องให้กรมประมงศึกษาผลกระทบและการมีส่วนร่วมของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนออกแผนบริหารจัดการเรือประมงใหม่ทั้งระบบ.

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

GREENPEACE
30-6-15

เมนูเอ็นหอยจอบ กับรอยแผลบาดลึกใต้ท้องทะเล

สะดือหอย หรือเอ็นหอยจอบที่เราชอบกินกัน มีที่มาจากการประมงที่ทำร้ายท้องทะเลมากที่สุด และสร้างความขัดแย้งมากที่สุดระหว่างผู้ทำการประมงอย่างรับผิดชอบและไร้ความรับผิดชอบ หากคุณรู้ว่าการทำประมงเอ็นหอยจอบนั้น ต้องแลกมาด้วยระบบนิเวศทางทะเลที่พังทลายต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว มาจากการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม และทำให้ผู้บริโภคเป็นปลายเหตุของปัญหาโดยไม่รู้ตัว .. คุณยังจะอยากกินเอ็นหอยจอบอยู่อีกไหม




ประมงหอยจอบ เปลี่ยนทะเลเป็นซากหอยและตะกอนดิน

การทำประมงหอยหอยจอบ เพื่อเอาเอ็นหอยมีเบื้องหลังที่ทำร้ายท้องทะเล ด้วยการดำเอาหอยขึ้นมา เลือกตัดเฉพาะเอ็นของหอยจอบเพียง 2 เซนติเมตรเท่านั้น แล้วทิ้งเนื้อหอยและเปลือกกลับลงสู่ท้องทะเล ส่งผลให้น้ำทะเลเน่าเสีย เหมือนกับการรื้อบ้านของสัตว์น้ำวัยอ่อน และปะการัง ทิ้งให้ทะเลเต็มไปด้วยเศษซากของเปลือกหอยและตะกอนดิน

“หอยจอบมีความยาวสูงสุดประมาณ 30-50 เซนติเมตร ฝังตัวอยู่ในดินแนวชายฝั่งทะเลไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล โผล่ขึ้นมาเพียงนิดเดียว ถ้าดินบริเวณนั้นอุดมสมบูรณ์สูง ในหนึ่งตารางเมตรจะมีประมาณ 10 ถึง 20 ตัว ยิ่งหนาแน่นจะมีหมึกกล้วย หมึกกระดอง เพรียง และแพลงก์ตอน อาศัยอยู่เยอะ ถือเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน และเมื่อเราขุดหอยจำนวนมากขึ้นมานั่นหมายถึงการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยสัตว์น้ำวัยอ่อนและระบบห่วงโซ่อาหาร เกิดปัญหาน้ำขุ่นน้ำเสีย สัตว์น้ำจะต้องอพยพ รวมถึงไม่สามารถทำประมงอื่นได้ อีกทั้งเศษซากเปลือกหอยส่งผลทำให้เครื่องมือประมงพื้นบ้านได้รับความเสียหาย” นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย ประจวบคีรีขันธ์ กล่าว

ผืนทะเลอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กำลังถูกรุกรานด้วยการประมงหอยจอบ ตั้งแต่ปากน้ำปราณ สามร้อยยอด บ้านปากคลองเกลียว โพธิ์เรียง บ่อนอกและทุ่งน้อย ซึ่งอยู่ในแนวเขตอนุรักษ์ของจังหวัดที่ประกาศไว้ 5 ไมล์ทะเล เพื่อสร้างความมั่นคงภายในจังหวัดเพื่อยุติแก้ไขความขัดแย้งเรื่องหอยจอบ จนกว่าจะมีข้อตกลงหรือกฏหมายร่วมกัน แต่ยังถือไม่ใช่กฎหมายประมง โดยการเคลื่อนไหวของการประมงที่ทำลายท้องทะเลเพียงเพื่อสะดือหอยขนาด 2 เซนติเมตรนี้อยู่ภายใต้การจับตามองของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากการสังเกตุพบว่าเรือประมงหอยจอบอาจมีมากถึง 180 ลำต่อวัน ซึ่งแต่ละลำนั้นจะทำการประมงครั้งละ 3-5 ตันต่อลำ ส่วนมากจะเป็นเรือมาจากจังหวัดอื่น โดยที่แม้ชาวประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์นั้นรู้ว่าตลอดแนวชายฝั่งของจังหวัดมีหอยจอบอาศัยอยู่จำนวนมากก็ตกลงร่วมกันในชุมชนว่าจะไม่ทำการประมงที่ทำลายล้างระบบนิเวศ และทำลายวิถีชีวิตชุมชน




ชีวิตและน้ำตาที่ต้องสังเวยเพื่อสะดือหอย

นายปิยะ เทศแย้ม อธิบายเพิ่มว่า “การประมงหอยจอบทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชน เนื่องจากมีการละเมิดกติกาข้อตกลงระหว่างกลุ่มดำหอยจอบ และพี่น้องประมงพื้นบ้านของปราณบุรี ซึ่งเรารับไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ดำหอย กล่าวคือ กระบวนการดำหอยนั้นจะใช้เรือทอดสมอไว้เฉยๆ มีปั๊มลมบนเรือคล้ายปั๊มลมปะยาง เพื่อให้คนอยู่ในน้ำใช้เป็นออกซิเจน และใช้ตะกั่วลูกละกิโลกรัมจำนวน 30 ลูก เป็นน้ำหนักรวม 30 กิโลกรัม ถ่วงไว้ที่เอว คนงานมีอัตราเสียชีวิตสูงเพราะเมื่อเครื่องดับหรือสายยางรั่ว ก็จะไม่สามารถกลับขึ้นมาบนผิวน้ำได้ เนื่องจากถูกตะกั่วที่หนักถึง 30 กิโลกรัมถ่วงอยู่ โดยในปีที่ผ่านมามีการเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 25 คน ยังไม่นับรวมผู้ที่สูญหายในท้องทะเลอีกประมาณ 40 คน และมีบางกรณีที่เรือแกล้งทำสายยางแตก หรือเครื่องดับ เพื่อให้การเกิดสายยางรั่วทำให้เสียชีวิตได้ เพียงเพราะไม่สามารถจ่ายค่าแรงได้ นอกจากนี้แรงงานที่จับหอยโดยส่วนมากจะเป็นแรงงานต่างชาติอีกด้วย เนื่องจากคนไทยรับรู้ดีว่ามีความเสี่ยงที่จะจับหอยจอบด้วยวิธีนี้”

ยากที่จะคาดคิดว่าก่อนที่จะได้มาซึ่งเอ็นหอยนั้น ต้องมีผู้เดือดร้อนได้รับผลกระทบจำนวนมาก นอกจากชาวประมงพื้นบ้านผู้อนุรักษ์ท้องทะเลจะไม่สามารถทำการประมงในบริเวณนั้นได้แล้ว ยังมีประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของลูกจ้างจนกระทั่งมีกรณีเสียชีวิต ซึ่งยังไม่รวมถึงระบบนิเวศทางทะเลที่ต้องเสียหายไปจนยากจะฟื้นฟู



“ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่หมู่บ้านม่องล่าย ในชุมชนอนุญาตให้ดำหอยจอบอยู่ 2 เดือน ในพื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตร จนกระทั่งหอยหมด ขณะนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วแต่ยังไม่มีสัตว์น้ำให้ทำการประมง จนต้องมาทำการประมงที่หมู่บ้านคั่นกระได กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งเพิ่มเนื่องจากแต่พื้นที่มีกฎกติกาแตกต่างกันออกไป และแต่ละพื้นที่ไม่สามารถรองรับเรือประมงที่อพยพมาได้ทั้งหมด” นายปิยะ เทศแย้ม เสริม

ล่าสุดได้มีกฎหมายห้ามทำการประมงหอยจอบห่างจากชายฝั่งในระยะ 5 ไมล์ทะเล จากข้อเรียกร้องของประมงพื้นบ้านแล้ว เนื่องจากการดำหอยจอบเป็นการประมงที่ทำลายระบบนิเวศอย่างร้ายแรง จากการสำรวจตัวอย่างจากจังหวัดตราดพบว่า ต้องใช้ระยะเวลากว่า 5 ปีในการฟื้นสภาพความอุดมสมบูรณ์ของหอยจอบในท้องทะเล

ยังมีอาหารทะเลอีกมากให้เราได้เลือกทาน และเอ็นหอยจอบไม่ควรเป็นเมนูที่เราส่งเสริม ไม่ว่าจะมองในมุมไหน หากพื้นที่บริเวณที่หอยจอบอาศัยอยู่นั้นคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ เราจะยังมีบ้านให้สัตว์น้ำได้อยู่อาศัย และมีปลาอร่อยๆ เติบโตให้เราได้กินอีกมาก เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทะเลชายฝั่งได้อีกมาก โดยที่ไม่ทำลายจนสิ้นเพียงเพื่อการขุดเอาเอ็นของหอยจอบ

ก่อนสั่งเมนูเอ็นหอยจอบครั้งหน้า ลองคิดถึงที่มาของหอยจอบอีกครั้งว่าคุ้มแล้วหรือกับสิ่งที่เราต้องแลกมาเพื่ออาหารหนึ่งจาน เพื่อที่คุณจะไม่เป็นปลายทางของปัญหาการประมงหอยจอบอย่างไร้ความรับผิดชอบ ทำร้ายทั้งท้องทะเลจนยากจะฟื้นฟู และทิ้งคราบน้ำตาไว้ให้กับชาวประมงพื้นบ้านผู้อนุรักษ์ทะเล

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

ไทยรัฐ
2-7-15

ไม่โอเค



กรณีเครือข่ายประมง 22 จังหวัดประกาศฮึ่มๆให้เรือประมงทุกลำหยุดจับปลาพร้อมกัน

เพื่อกดดันรัฐบาลให้ชะลอการตรวจสอบจับกุมเรือประมงผิดกฎหมายไปก่อนชั่วคราว

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการก่อหวอดประท้วงคำสั่งรัฐบาล คสช.

โดยใช้เรือประมงสามหมื่นลำเป็นเงื่อนไขต่อรอง

เป็นเกมวัดใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า ถ้าเป็นยุครัฐบาลปกติ จะต้องรีบเชิญแกนนำเครือข่ายเรือประมง 22 จังหวัดมาเจรจาต่อรอง

เพราะถ้าเรือประมง 22 จังหวัดนัดหยุดงานประท้วงรัฐบาลจริงๆ จะทำให้ “กุ้งหอยปูปลา” ขาดตลาด พี่น้องประชาชนจะเดือดร้อน

และกระทบการส่งออกสินค้าอาหารทะเล

แต่ยุคนี้ ยุค คสช. การประกาศปิดอ่าวไทยนัดหยุดจับปลาพร้อมกัน ไม่ทำให้รัฐบาลต้องถอยกรูดตามแรงกดดัน

เนื่องจากรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาใบเหลืองอียูให้เสร็จเรียบร้อยภายในเวลา 6 เดือน

เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว

คำตอบของรัฐบาลคือ...เดินหน้าลูกเดียว

“แม่ลูกจันทร์” ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศจุดยืนเด็ดขาดชัดเจน ซึ่งจะทำให้อียูเกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเรือประมงผิดกฎหมายอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

พล.อ.ประยุทธ์ ยํ้าว่าถ้าเรือประมง 22 จังหวัดจะนัดหยุดจับปลาพร้อมกันก็หยุดไป

แต่รัฐบาลจะไม่ยอมผ่อนผันการกวดขันจับกุมเรือประมงผิดกฎหมายจากกำหนดเดิม

“แม่ลูกจันทร์” เห็นใจความเดือดร้อนของเครือข่ายเรือประมง ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนนับแสนคน

เป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างรายได้เลี้ยงประเทศหลายแสนล้านบาทต่อปี

“แม่ลูกจันทร์” ยอมรับว่ามาตรการจัดระเบียบของรัฐบาลจะทำให้เรือประมงไทยทำมาหากินไม่สะดวกเหมือนเดิม

โดยเฉพาะเรือประมงเถื่อน เรือประมงสวมทะเบียนที่มีจำนวนนับหมื่นลำ

มาตรการห้ามจ้างแรงงานเถื่อนจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจประมงต้องจ่ายค่าจ้างสูงขึ้นอีกเท่าตัว

แต่ถ้ามองในแง่ดี...นี่คือการยกมาตรฐานการประมงไทยให้เป็นระบบครบวงจร

การบังคับให้เรือประมงทุกลำต้องมีใบอนุญาตทำประมง ลูกเรือประมงทุกคนต้องมีบัตรประจำตัว ฯลฯ จะทำให้ประเทศ ไทยปลดล็อก “ใบเหลืองใบแดง” อย่างสิ้นเชิง

การควบคุมเครื่องมือประมงที่ไม่ทำให้สัตว์ทะเลสูญพันธุ์จะเกิดประโยชน์มหาศาลต่อธุรกิจประมงไทยในระยะยาว

“แม่ลูกจันทร์” ยอมรับว่าการทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมายย่อมยากลำบากเป็นธรรมดา

การต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ 15 ข้อของอียูทำให้เครือข่ายประมงไทยไม่แฮปปี้แน่นอน

แต่ถ้าไม่ทำวันนี้...ปล่อยไว้จนอียูแจกใบแดงจะเดือดร้อนสาหัสยิ่งกว่าเดิม

“แม่ลูกจันทร์” อยากขอร้องเรือประมงไทยอย่านัดกันหยุดจับปลา เพราะจะทำให้สินค้าอาหารทะเลขาดแคลน

แต่ถ้าหยุดจับปลานานเกินไปจะทำให้เจ้าของเรือประมงเองได้รับผลกระทบเช่นกัน

ไม่มีอาหารทะเลกินก็ยังกินหมูเห็ดเป็ดไก่แทน

แต่ถ้าเรือประมงหยุดจับปลาก็จะไม่มีรายได้อะไรเลย

เจ้าของเรืออาจไม่เดือดร้อน แต่คนงานเดือดร้อนนะโยม.

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 21-07-2015
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

เดลินิวส์
2-7-15


'ปั้นฮีโร่' แห่งอ่าวไทย 'วาฬบรูด้า' จะติดโผ 'สัตว์สงวน?' | .................... สกู๊ปหน้า1




"วาฬบรูด้าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ปัจจุบันมีเพียง 50 ตัวในอ่าวไทย โดยจะเข้ามาหากินในพื้นที่ชายฝั่งชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ ซึ่งไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีวาฬบรูด้าเข้ามาหากินใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด”

...นี่เป็นข้อความซึ่งได้มีการระบุผ่านทางเว็บไซต์ www.change.org/saveourwhaleที่ทางกลุ่มนักวิชาการ คนรักวาฬบรูด้า จัดทำขึ้น เพื่อรณรงค์-เรียกร้องให้ภาครัฐ “ขึ้นบัญชีวาฬบรูด้า” ในฐานะ “สัตว์สงวน” ชนิดล่าสุดของไทย

หวังให้ ’วาฬบรูด้า“ เป็น “ตัวแทนอนุรักษ์”

ปั้นเป็น ’สัญลักษณ์ปกป้องทะเลอ่าวไทย“


เกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อเสนอให้ “ขึ้นบัญชีวาฬบรูด้า” นั้น กับเรื่องนี้ได้มีกระแสมาสักพักใหญ่ ๆ ทางอินเทอร์เน็ต-ในโลกโซเชียล จากแนวคิดที่ทางกลุ่มคนรักวาฬ คนรักทะเลไทย ได้นำเสนอ และมี ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นอีกหนึ่งคนที่ร่วมผลักดันในเรื่องนี้

“วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ทะเลชนิดเดียวที่ สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานชื่อ (สายสมุทร และสมสมุทร)...” “วาฬบรูด้าหากินในอ่าวไทยจนเกือบถึงฝั่ง ทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวที่มีสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกมาอวดโฉมกินปลาในระยะใกล้ถึงเพียงนี้...” “วาฬบรูด้าต่างจากสัตว์ป่าหายากบนบก เพราะไม่มีใครเพาะเลี้ยงได้ อนาคตของวาฬบรูด้าจึงขึ้นกับถิ่นฐานในธรรมชาติเท่านั้น...” ...นี่เป็นข้อมูลบางส่วนที่ ผศ.ดร.ธรณ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก thon.tham rongnawasawat ไว้ เพื่อย้ำถึงความสำคัญ...

ที่ควรจะ “ต้องอนุรักษ์วาฬบรูด้า” ฝูงนี้ไว้

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้อธิบายเกี่ยวกับ “วาฬบรูด้า” ไว้ว่า... วาฬบรูด้าขนาดโตเต็มที่อาจจะมีความยาวของลำตัวได้ถึง 14–15 เมตร และมีน้ำหนักตัวได้มากถึง 12-20 ตัน (บางตำราสูงถึง 30 ตัน) โดยวาฬเพศเมียจะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่าเพศผู้เล็กน้อย ซึ่งวาฬบรูด้าจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุ 8-13 ปี และจะให้ลูกครั้งละ 1 ตัวในทุก 2 ปี โดยระยะเวลาในการตั้งท้องนั้น วาฬบรูด้าใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 11-12 เดือน

“อายุวาฬบรูด้า” นั้น ข้อมูลระบุว่า...’วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวมาก อยู่ที่ประมาณ 50 ปี แต่มีเอกสารบางฉบับบันทึกว่า...เคยพบวาฬบรูด้าที่มีอายุมากถึง 72 ปี“...เป็นข้อมูล “วาฬบรูด้า” ที่ถูกเสนอเป็น “สัตว์สงวน” ในขณะนี้

ขณะที่ “พฤติกรรมหากิน” ของวาฬชนิดนี้ ปกติชอบจับกลุ่มกันออกหาอาหาร โดยแหล่งอาหาร-แหล่งหากินของวาฬบรูด้านั้น ก็ยังใช้เป็น ’ตัวบ่งชี้ความสมบูรณ์ของทะเล“ ในบริเวณดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งการพบวาฬบรูด้าใน “อ่าวไทย” นั้น...

ตอกย้ำว่า...ทะเลไทย “สมบูรณ์แค่ไหน??”

ทว่า...ด้วย “จำนวนวาฬมีอยู่น้อย” มีอยู่เพียง 50 ตัวในอ่าวไทย เรื่องนี้ได้ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วง และกลัวว่า...กิจกรรมทางทะเลที่เกิดขึ้นอย่างหนาแน่นในพื้นที่อ่าวไทย อาจจะไปกระทบกับสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดชนิดนี้ได้ จึงเรียกร้องให้ “ขึ้นบัญชีวาฬบรูด้า” หลังจากที่ประเทศไทยไม่มีการขึ้นบัญชีสัตว์ชนิดใหม่ ๆ ในฐานะ “สัตว์สงวน” มานานมาก...

นับตั้งแต่ “ขึ้นบัญชีพะยูน” เมื่อ 23 ปีก่อน!!!

เมื่อพลิกดูรายชื่อบัญชีสัตว์ที่ได้รับการประกาศเป็น “สัตว์สงวน” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พบว่า...ประเทศไทยมีการขึ้นบัญชีสัตว์ไว้ 15 ชนิด ได้แก่...

1.นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
2.แรด
3.กระซู่
4.กูปรี หรือโคไพร
5.ควายป่า หรือมหิงสา
6.ละอง หรือละมั่ง
7.สมัน หรือเนื้อสมัน
8.เลียงผา
9.กวางผา
10.นกแต้วแล้วท้องดำ
11.นกกระเรียน
12.แมวลายหินอ่อน
13.สมเสร็จ
14.เก้งหม้อ
โดยชนิดที่ 15 ลำดับสุดท้ายที่ได้มีการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์สงวนไว้ คือ “พะยูน” หรือ “หมูน้ำ” นั่นเอง

ซึ่งถ้า “วาฬบรูด้า” ได้รับการขึ้นบัญชี ก็จะเป็น “สัตว์สงวนชนิดที่ 16” ของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังต้องลุ้นกันอีกหลายยก เพราะมี “ขั้นตอน” อีกหลายส่วน ทั้งนี้ การ “รวบรวมรายชื่อ” เพื่อเสนอก็เป็นส่วนหนึ่ง โดยเมื่อได้รายชื่อ 20,000 รายชื่อขึ้นไป ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะเสนอให้กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำการพิจารณา หากผ่านการเห็นชอบก็จะเข้าสู่ที่ประชุม “คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า” ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน...

จากนั้น ถ้าคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ เรื่องนี้ก็จะนำเสนอต่อ “คณะรัฐมนตรี” เพื่ออนุมัติออกเป็นรายชื่อแนบท้ายพระราชกำหนดต่อไป ...นี่เป็น ’ขั้นตอนเกี่ยวกับการขึ้นบัญชี“ ตามที่เว็บไซต์ www.change.org/saveourwhaleระบุไว้...

กับ ’วาฬบรูด้า“ หลายคนหวังไว้ว่าจะไม่ล่ม!

ทั้งนี้ ในกรณีที่สำเร็จ ไม่เพียงประเทศไทยจะมี “วาฬบรูด้า” เป็น “สัตว์สัญลักษณ์ประจำอ่าวไทย” แต่ยังเกิดประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย ทั้งทางวิชาการ ที่จะมีโครงการศึกษาวิจัยต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยจะกลายเป็น “แหล่งดูวาฬเชิงอนุรักษ์ระดับโลก” ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ กระจายรายได้สู่ชุมชนโดยรอบแหล่งอาศัยของ “วาฬบรูด้า”...

’ปั้นวาฬบรูด้า“ เป็น ’สัญลักษณ์อ่าวไทย“


’กระแส“ เรื่องนี้ยึดโยง ’รักษ์ทะเลไทย“

แต่ที่สุดจะอย่างไร??...ยังต้องรอดู...“

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:44


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger