เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 19-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตื่นตา! ปลาตีนนับพันตัวรวมกลุ่มหากินตามแนวป่าชายเลน ระบบนิเวศทางทะเลสมบูรณ์

กระบี่ - พบปลาตีนสีสันสวยงามนับพันตัว กลับมาอาศัยรวมกลุ่มกันหากินตามแนวป่าชายเลนบ้านอ่าวน้ำ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ คาดช่วงระบาดโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ทำให้ระบบนิเวศป่าชายเลนกลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง



วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบฝูงปลาตีน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ปลาลาฉะ" จำนวนมากอาศัยตลอดแนวป่าชายเลน ระยะทางกว่า 100 เมตร ที่บ้านอ่าวน้ำ ม.2 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยฝูงปลาตีนดังกล่าว มีลักษณะแตกต่างกับปลาตีนที่อาศัยบริเวณป่าชายเลนริมเขื่อนปากน้ำหน้าเมืองกระบี่ โดยปลาตีนที่อ่าวน้ำจะมีลายจุดสีสันสดใส ความยาวประมาณ 5-10 ซม. ตามตัวไม่เปื้อนคราบโคลน หรือคราบน้ำมัน เหมือนปลาตีนทั่วไป รวมกลุ่มกันหากินริมป่าชายเลนและไม่พบว่ามีการต่อสู้แย่งชิงอาณาเขตกัน ใช้ครีบคู่หน้าคลานไปมา บางตัวกระโดดไปมา ปีนขึ้นไปเกาะตามรากโกงกางดูเพลิดเพลินตา บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ภายหลังเกิดวิกฤตการณ์การระบาดของไวรัสวิด-19

นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร กรรมการที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนได้เดินสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ บริเวณแนวป่าโกงกางบ้านอ่าวน้ำ ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก พบว่ามีฝูงปลาตีนอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่ที่แปลกคือ บริเวณดังกล่าวไม่มีโคลน มีน้ำใส ทำให้มองเห็นสีสันของตัวปลาชัดเจน ซึ่งบรรยากาศแบบนี้พบเห็นได้ยาก จึงได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สามารถเข้าใกล้ได้ โดยปลาตีนไม่มีท่าทีตื่นกลัวแต่อย่างใด

นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า โดยปกติแล้วปลาตีน หรือปลาลาฉะ ที่พบส่วนใหญ่ เช่น ที่ป่าชายเลนริมเขื่อนหน้าเมืองกระบี่ จะอาศัยตามดินโคลนสีดำ ตัวเปื้อนโคลนมอมแมม และมักจะต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาณาเขต เข้าถ่ายภาพใกล้ๆ ไม่ได้ มันจะหนีทันที แต่ปลาตีนอ่าวน้ำ อยู่ในจุดที่มีน้ำใส ไม่มีโคลน มองเห็นสีสันสวยงาม มีฟันคู่หน้า 2 ซี่ ตาโตกว่า และที่สำคัญสามารถเข้าไปถ่ายภาพระยะใกล้ได้ โดยที่มันไม่ตื่นกลัว คาดว่าช่วง วิกฤตโควิด-19 ไม่มีกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล ส่งผลให้ระบบนิเวศมีความสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้ปลาตีนออกมาหากินจำนวนมาก และสามารถพัฒนาให้บริเวณเป็นแหล่งอนุรักษ์ปลาตีนสวยงาม และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ในอนาคต


https://mgronline.com/south/detail/9630000051816


*********************************************************************************************************************************************************


ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีเดินหน้ารื้อคอกหอยแครงผิดกฎหมาย ย้ำต้องหมดภายใน 25 พ.ค.นี้

สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีเดินหน้ารื้อคอกหอยผิดกฎหมาย หลังจากเปิดยุทธการกดดันให้ผู้ประกอบการรื้อถอน แต่กลุ่มทุนยังเพิกเฉยเย้ยอำนาจรัฐ จี้ต้องรื้อถอนแล้วเสร็จภายในวันที่ 25 พ.ค.นี้



เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (18 พ.ค.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ประมงจังหวัด เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.) กอ.รมน. ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 45 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.417 อส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมผู้นำชุมชนและชาวบ้านกว่า 200 นาย พร้อมเรือตรวจการณ์และเรือหางยาวกว่า 100 ลำ

เข้ารื้อถอนหลักไม้ไผ่และสิ่งปลูกสร้างที่กลุ่มทุนได้มีการลักลอบบุกรุกครอบครองพื้นที่อนุรักษ์ตลอดแนวชายฝั่งท้องทะเลเขต 1,000 เมตร ในพื้นที่ตำบลคลองฉนาก ตำบลบางชนะ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ที่มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร หรือประมาณ 2,000 ไร่ โดยกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้

สำหรับการลงพื้นที่วันนี้ ปรากฏว่า ทางผู้ประกอบการได้โต้แย้งและอุทธรณ์ขอให้ดำเนินการวัดกำหนดจุดแนวเขต 1,000 เมตรให้ชัดเจนเพื่อกำหนดเป็นข้อปฏิบัติร่วมกัน ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงหอยแครง โดยทุกฝ่ายได้มีมติร่วมกันที่จะวัดแนวเขตให้ชัดเจน

โดยทางนายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประมง เจ้าท่า กอ.รมน. เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้าน เข้าวัดแนวเขตจากชายฝั่งออกมาในทะเล 1,000 เมตรพร้อมปักเสาให้ชัดเจน หากคอกหอยผู้ใดรุกล้ำอยู่ในแนวเขต 1,000 เมตร จะต้องรื้อออกทันที เพื่อเปิดพื้นที่ให้ชาวประมงพื้นบ้านได้มีที่ทำกินถาวรต่อไป



สำหรับพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งในระยะ 1,000 เมตร ของอ่าวบ้านดอน เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์มีลูกหอยแครงเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละปีมักจะมีกลุ่มนายทุน กลุ่มผู้ทรงอิทธิพล กลุ่มคนมีสี และกลุ่มผู้นำชุมชนต่างๆ บุกรุกเข้ามาครอบครองเป็นจำนวนมาก เพื่อหวังครอบครองลูกหอยที่เกิดใหม่ โดยดำเนินการปักไม้ไผ่จัดทำเป็นแนวเขตแล้ว และห้ามผู้ใดขับเรือผ่านหรือเข้าไปทำการประมงในแนวเขต ก็จะถูกกลุ่มบุคคลออกมาขับไล่และขู่ทำร้ายหากไม่ออกจากพื้นที่

จนมีการร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ เป็นประจำ ซึ่งในครั้งนี้นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีนโยบายที่ชัดเจนสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตอนุรักษ์ 1,000 เมตรให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดพร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดเวรยามเฝ้าระวังป้องกันมิให้มีบุกรุกอีกต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9630000051819


*********************************************************************************************************************************************************


มลพิษอากาศในจีนพุ่งสูงเป็นครั้งแรกนับจากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว


กลุ่มเมืองที่มลพิษอากาศเลวร้ายที่สุดในเดือนเม.ย.คือ เมืองฉังชุน ฮาร์บิน และเสิ่นหยัง ขณะที่ค่า PM2.5 ของกลุ่มเมืองที่มักมีหมอกมลพิษหนาแน่นอย่างปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ย กลับลดลง ในภาพพระราชวังต้องห้ามแห่งกรุงปักกิ่งในวันที่หมอกปกคลุมหนา (แฟ้มภาพ เอเอฟพี)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลหน่วยงานรัฐของจีน ว่าค่าดัชนีมลพิษอากาศในจีนขยับสูงขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ชี้เหตุเพราะการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สงบลง

กระทรวงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศแห่งจีนแถลงเผย(18 พ.ค.) ระบุความหนาแน่นของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือ PM2.5 ในเมืองต่างๆทั่วประเทศจีน 337 เมือง สูงขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนเม.ย. มาอยู่ที่ 33 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตรโดยเฉลี่ย ถือเป็นระดับสูงขึ้นครั้งแรกในปีนี้นับจากที่ค่า PM2.5 ในจีนทะยานสูง 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

ข้อมูลทางการจีนยังเผยว่า ความเข้มข้นของก๊าซโอโซนในระดับผิวดิน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ ยังสูงขึ้นในเดือนเดียวกัน

สำหรับเมืองที่มลพิษอากาศเลวร้ายที่สุดในเดือนเม.ย.คือ เมืองฉังชุน ฮาร์บิน และเสิ่นหยัง ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจีน

ขณะที่ ค่า PM2.5 ของกลุ่มเมืองที่มักเกิดหมอกมลพิษหนาแน่นอย่างปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ย กลับลดลง 1 ใน 4 มาอยู่ที่ 39 ไมโครกรัมในเดือนเม.ย. แม้ว่ากลุ่มโรงงานจะเปิดทำการแล้วก็ตาม PM2.5 ในเขตนี้ได้ลดลง 35.4 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้

หลิว ปิงเจียง เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดูแลด้านมลพิษอากาศประจำกระทรวงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการกลับมาของกิจกรรมอุตสาหกรรมอาจทำให้มลพิษสูงขึ้นในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้อากาศแย่ลงในเดือนเม.ย.

หลิวชี้ว่าการเผาฟางข้าวในมณฑลทางภาคอิสานจีน ได้แก่ จี๋หลิน เฮยหลงเจียง และเหลียวหนิง มีมากขึ้น 8 เท่า เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซ้ำเติมด้วยพายุทรายจนทำให้คุณภาพอากาศเลวร้ายลงในบางพื้นที่

ช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ ค่า PM2.5 ในเขต 337 เมืองของจีน ลดลง 12.5 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ การปิดโรงงาน และจำกัดการคมนาคม ทำให้การแพร่กระจายความร้อนลดฮวบลงโดยเฉพาะช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.

"มลพิษอากาศลดฮวบลงมากระหว่างล็อกดาวน์ประเทศในเดือนก.พ. และและลงต่ำถึงขีดสุดในช่วงต้นเดือนมี.ค." ศูนย์การวิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (Centre for Research on Energy and Clean Air ชื่อย่อ CREA) ในเฮลซิงกิ แถลงเมื่อวันจันทร์(18 พ.ค.)

"การกลับมาของมลพิษอากาศบ่งชี้ถึงความสำคัญของเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาดขณะที่โลกกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19" CREA แถลง


https://mgronline.com/china/detail/9630000051865

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 19-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


วิกฤตโควิด-19 กำลังซ้ำเติมวิกฤตขยะพลาสติกหรือไม่ ...................... โดย พิชา รักรอด

จริงๆ แล้ว ปี 2563 ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิเสธพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งของไทย ผลสำรวจของ Kantar ผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาการตลาดระดับโลก พบว่า ขยะพลาสติก เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนไทยตระหนักมากที่สุดเป็นอันดับ 1 สูงถึง 18% มากกว่าค่าเฉลี่ยจากผลสำรวจประชากรทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 15% ของผู้คนทั้งหมด โดย 63% ของคนไทยมองว่าขยะพลาสติกเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมหลักติด 5 อันดับแรก อีกด้านหนึ่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จับมือโมเดิร์นเทรด เลิกแจกถุงพลาสติกให้ลูกค้าถาวร ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา ในขณะที่ตลาดสด ร้านขายของชำ รัฐขอความร่วมมือขยับปรับตัวตาม ตั้งเป้าเลิกใช้ทั่วไทย 1 มกราคม 2564 พร้อมดันกฎหมายบังคับใช้ควบคู่การประชาสัมพันธ์ นับเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการต่อกรกับมลพิษพลาสติกภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 แต่วิกฤต COVID-19 พลิกผันสถานการณ์นี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ


เนื้อหาโดยสรุป

- เมื่อวิกฤต Covid-19 ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง เราจึงพอคาดการณ์ถึงปริมาณขยะจากการบริโภคของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล เราหวังว่า วิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 จะไม่สร้างปัญหาใหม่ คือ มลพิษพลาสติกและวิกฤตการจัดการของเสีย

- ปี 2564 จะไม่ใช่ปีของการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่เป็นปีที่เรายังคงเดินหน้าลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง มุ่งสู่การใช้วัสดุอุปกรณ์ใช้ซ้ำและนำภาชนะไปเติม เพื่อลดบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง

- เมื่อกระบวนการรีไซเคิลและการจัดการขยะยังไร้ประสิทธิภาพและไม่มีความยั่งยืนที่จะจัดการขยะ แล้วยังมีขยะจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตและหลังจากเกิดวิกฤตอีก ถ้าเรายังไม่ตระหนักถึงมลพิษพลาสติกที่จะเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงช่วงหลังจากนี้ และเปิดให้ใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางนิเวศวิทยาจากมลพิษพลาสติกทบเท่าทวีคูณ

- รัฐบาลต้องยกระดับ roadmap ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่อย่างเร่งด่วน เริ่มต้นการตั้งเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะลงให้มากที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพการแยกขยะในทุกระดับ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้เห็นว่าการแยกขยะเป็นหัวใจสำคัญของการลดปริมาณขยะ


ความพยายามที่สูญเปล่า?


กิจกรรม เก็บ สังเกต บันทึก รู้จักที่มาของขยะผ่านแบรนด์ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลขยะพลาสติกที่พบว่ามีชนิดใดและมาจากแบรนด์ใดมากที่สุด และเรียกร้องให้บริษัทต่างๆแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหามลพิษอันเกิดจากขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ? Baramee Temboonkiat / Greenpeace

เราได้เห็นการฟื้นคืนชีพของพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งอีกครั้ง ร้านกาแฟต่างๆ ประกาศงดรับภาชนะใช้ซ้ำของลูกค้า พนักงานของร้านบริการเฉพาะแก้วพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งของทางร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งประกาศงดรับภาชนะใช้ซ้ำของลูกค้าที่พวกเขานำไปใส่อาหารสด ร้านอาหารและร้านกาแฟถูกบังคับให้บริการแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น และเมื่อประชาชนจำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้าน การบริการสินค้าแบบเดลิเวอรี่จึงได้รับความนิยมอย่างมาก ข้อมูลจากผู้ให้บริการส่งอาหารแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ยอดการใช้บริการดิลิเวอรี่เพิ่มขึ้นจากภาวะปกติถึง 3 เท่า

เมื่อวิกฤต Covid-19 พลิกโลกเช่นนี้ เราจึงพอคาดการณ์ถึงปริมาณขยะจากการบริโภคของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล ในประเทศไทยมีข้อมูลระบุว่า ขยะจากบริการส่งอาหาร ประกอบด้วยถุงพลาสติก กล่องพลาสติก และพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นช้อน ส้อม ไม้จิ้ม เพิ่มขึ้น 15% จาก 1,500 ตันต่อวันเป็น 6,300 ตันต่อวัน รายงานข่าวยังระบุด้วยว่าปริมาณขยะพลาสติกซึ่งเดิมอยู่ในราว 2 ล้านตันต่อปี ได้เพิ่มขึ้นอีก 30% และเมื่อขยะส่วนใหญ่ปนเปื้อนเศษอาหารและไม่มีการแยกขยะที่เหมาะสม ในที่สุดวัสดุเหลือใช้ทั้งหลายก็จะถูกนำไปสู่หลุมฝังกลบ


บรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ปนเปื้อนเศษอาหาร ไม่มีการแยกที่เหมาะสมทำให้การจัดการขยะยากยิ่งกว่าเดิม ? Baramee Temboonkiat / Greenpeace

เราหวังว่า วิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 จะไม่สร้างปัญหาใหม่ คือ มลพิษพลาสติกและวิกฤตการจัดการของเสีย และปี 2564 จะไม่ใช่ปีของการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่เป็นปีที่เรายังคงเดินหน้าลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง มุ่งสู่การใช้วัสดุอุปกรณ์ใช้ซ้ำและนำภาชนะไปเติม เพื่อลดบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่มาพร้อมกับสินค้า


ใครใช้โอกาสจากวิกฤตในครั้งนี้

งานวิจัยที่ทำในสหรัฐอเมริกา แจกแจงรายละเอียดให้เห็นว่า ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 อุตสาหกรรมพลาสติกอาศัยความวิตกกังวลของประชาชนเพื่อผลักดันและขยายการใช้พลาสติกใช้แล้วทิ้งและปัดตกข้อเสนอกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติก จดหมายจากผู้อำนวยการบริหารสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติก ในสหรัฐอเมริกาถึงรัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและการบริการมนุษย์ระบุว่าขอให้ยุติการยกเลิกใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งเพราะมันเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัส Covid-19

งานวิจัยใน the New England Journal of Medicine พบว่า COVID-19 อยู่กับผิวพลาสติกได้ถึงสามวัน เราได้เห็นผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการทิ้งพลาสติกหลังการใช้ การที่ไวรัสสามารถอยู่บนผิวพลาสติกได้นานกว่าบนผิวกระดาษหรือวัสดุอื่นๆ อาจเกิดความเสี่ยงขึ้นหากมีผู้มาสัมผัสวัสดุพลาสติกที่ถูกทิ้งออกไป

ในประเทศไทย อุตสาหกรรมพลาสติกเปิดเผยว่า ยอดขายพลาสติกภายในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40-50 ในช่วงของการล็อคดาวน์และยอดขายในหมวดหมู่บรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และระบุเพิ่มเติมว่า ยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารย่อยสลายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 อีกด้วยขณะที่ สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกไทยมองว่า รัฐบาลควรขยับ Roadmapการจัดการขยะพลาสติกออกไป โดยเฉพาะแผนเดิมที่กำหนดให้ตลาดสดในการดูแลของราชการห้ามใช้ถุงพลาสติกวันที่ 1 มกราคม 2564 รวมไปถึงการกำหนดระยะเวลางดใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทั้งหมดภายในในปี 2565


แอปเปิ้ลที่ถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ? Patrick Cho / Greenpeace

เมื่อกระบวนการรีไซเคิลและการจัดการขยะยังไร้ประสิทธิภาพและไม่มีความยั่งยืนที่จะจัดการขยะก่อนวิกฤตโควิด แล้วยังมีขยะจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตและหลังจากเกิดวิกฤตอีก ถ้าเรายังไม่ตระหนักถึงมลพิษพลาสติกที่จะเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงช่วงหลังจากนี้ และเปิดให้ใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางนิเวศวิทยาจากมลพิษพลาสติกทบเท่าทวีคูณ และนี่ไม่ใช่อนาคตที่เราต้องการ

แน่นอนว่า เราต้องให้ความสําคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส แต่เราไม่ควรปล่อยให้เกิดสถานการณ์ที่มีการใช้วิกฤตโรคระบาดมาเป็นข้ออ้างในการเพิ่มพลาสติกใช้แล้วทิ้ง


มุ่งไปสู่อนาคตที่เราต้องการ

แม้ในสถานการณ์ปกติการยกเลิกพลาสติกใช้แล้วทิ้งภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 ยังถูกพิจารณาจากหลายฝ่ายว่าล่าช้าเกินไปไม่ทันต่อวิกฤตมลพิษพลาสติกที่เกิดขึ้น ในขณะที่วิกฤต Covid-19 ส่งผลให้เกิดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเพิ่มขึ้นในปริมาณมหาศาล ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แทนที่จะขยับ roadmap ออกไป รัฐบาลต้องยกระดับ roadmap ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่อย่างเร่งด่วน เริ่มต้นการตั้งเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะลงให้มากที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพการแยกขยะในทุกระดับ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้เห็นว่าการแยกขยะเป็นหัวใจสำคัญของการลดปริมาณขยะและนำไปสู่ทางเลือกในการต่อกรกับมลพิษพลาสติก


กล่องใส่อาหารแบบใช้ซ้ำลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ? Patrick Cho / Greenpeace

ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด เรากำลังยืนอยู่บนทางแพร่งที่ต้องเลือก ทางหนึ่งคือภายใต้มาตรการและกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการจัดการของเสียที่ไม่ยั่งยืนทั้งในทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ที่เอื้อให้มีการผลิตและใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งปริมาณมหาศาลหรืออีกทางหนึ่งคือมุ่งไปสู่การจัดการของเสียที่มีเป้าหมายเพื่อลดขยะ แยกขยะและไร้ขยะซึ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ ก่อให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่า ถูกสุขลักษณะ ส่งเสริมธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือการปกป้องสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจากภัยคุกคามของมลพิษพลาสติกที่จะตามมาในอีกระลอกหนึ่ง


https://www.greenpeace.org/thailand/...d-19-sitution/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:37


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger