![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
อินโดนีเซียเริ่มทำฝนเทียมสกัดไฟป่าประจำปี ทางการอินโดนีเซียเริ่มทำฝนเทียม เพื่อสกัดกั้นไฟป่าตามฤดูกาล ที่ส่งหมอกควันพิษลอยปกคลุมหลายประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทบทุกปี ![]() สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า สถานการณ์ไฟป่าอินโดนีเซียปีที่แล้ว นับว่ารุนแรงสุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ไฟเผาผลาญพื้นที่ประมาณ 3.95 ล้านเอเคอร์ (9.9 ล้านไร่) ส่วนใหญ่อยู่บนเกาะสุมตรา และเกาะบอร์เนียว เจ้าหน้าที่ระดมบุคคลากรหลายหมื่นคน และเครื่องบินดับเพลิง เข้าต่อสู้กับไฟ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความตั้งใจเผาป่า เพื่อเตรียมผืนดินทำการเกษตร รวมถึงทำสวนปาล์มน้ำมัน และสวนเยื่อกระดาษ ในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการอินโดนีเซียได้เริ่มทำฝนเทียม ในจังหวัดเรียว บนเกาะสุมาตรา และที่เกาะบอร์เนียว ปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปตลอดช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือน ก.ย. นายตรี ฮันโดโก เซโต เจ้าหน้าที่สำนักงานประเมินและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (บีพีพีที) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เผยว่า ปีนี้อินโดนีเซียดำเนินการสกัดกั้น ก่อนที่ไฟจะเริ่มไหม้ ไฟป่าอินโดนีเซียปีที่แล้ว ส่งหมอกควันพิษไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โรงเรียนต้องปิด และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับ การปล่อยคาร์บอนจะเพิ่มปัญหาภาวะโลกร้อน กลุ่มกรีนพีซ กล่าวเตือนว่า หมอกควันพิษจากไฟป่า และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก อาจเป็นการผสมโรงที่ส่งผลกระทบร้ายแรง หลังจากองค์การสหประชาชาติแถลงเมื่อปีที่แล้วว่า ไฟป่าทำให้ประาชนหลายล้านคน ตกอยู่ในความเสี่ยง จากมลพิษทางอากาศ. https://www.dailynews.co.th/foreign/777049
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ดีที่สุดในรอบ 20 ปี ลูกเต่ามะเฟืองฟักจากไข่รอดมากถึง 351 ตัว ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ว้าว! มาคลายเครียดจากโควิด-19 กับความน่ารัก ดุ๊กดิ๊ก ของลูกเต่ามะเฟืองทะเลอันดามัน 351 ตัว มากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ![]() ช่วงนี้หลายๆ คนกำลังเครียดกับสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลืมไปว่า ยังมีอีกหลายชีวิตที่กำลังเกิดใหม่ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน นั่นก็คือลูกเต่ามะเฟือง ที่แม่เต่าทยอยขึ้นมาวางไข่ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คือตั้งแต่ พ.ย.62-เม.ย.63 ซึ่งมีจำนวนมากถึง 11 รัง โดยเป็นจำนวนมากที่สุดของการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองในรอบ 40 ปี ที่พบการวางไข่ของเต่ามะเฟือง จำนวน 9 รังในปี 2542 หลังจากนั้นการพบเห็นเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่มีน้อยลงจนแทบไม่เห็นอีกเลย ยกเว้นปีที่ผ่านมาที่เริ่มพบว่าขึ้นมาวางไข่อีกครั้ง หลังจากพบเต่าขึ้นมาวางไข่ กรม ทช. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ประกอบด้วย กรม ทช. ฐานทัพเรือพังงา อุทยานฯ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน บ.TOT และพี่น้องประชาชน เพื่อร่วมปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟือง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวม 7 แห่ง ตลอดระยะเวลา 5 เดือน (พฤศจิกายน 2562-เมษายน 2563) เพื่อเฝ้าระวัง ดูแล และอนุบาลลูกเต่ามะเฟือง ตั้งแต่แม่เต่าเริ่มวางไข่รังแรก เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2562 ปากน้ำท้ายเหมือง จ.พังงา รังที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 บ้านบ่อด่าน จ.พังงา รังที่ 3 วันที่ 4 ม.ค.63 เขาหน้ายักษ์ จ.พังงา รังที่ 4 วันที่ 10 ม.ค.63 หาดในทอน จ.ภูเก็ต รังที่ 5 วันที่ 13 ม.ค.63 บ้านบ่อดาน จ.พังงา รังที่ 6 วันที่ 19 ม.ค.63 บ้านบ่อด่าน จ.พังงา รังที่ 7 วันที่ 19 ม.ค.63 หาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต รังที่ 8 วันที่ 31 ม.ค.63 หน้าวิทยาลัยการอาชีพท้ายเหมือง จ.พังงา รังที่ 9 วันที่ 7 ก.พ.63 หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต รังที่ 10 วันที่ 9 ก.พ.63 บ้านบ่อดาน จ.พังงา และรังที่ 11 วันที่ 10 ก.พ.63 เกาะคอเขา จ.พังงา อย่างไรก็ตาม หลังแม่เต่าขึ้นมาวางไข่จะใช้เวลาประมาณ 55-65 วัน ลูกเต่ามะเฟืองจึงจะฟักตัวออกจากไข่ จากจำนวน 11 รัง พบว่ามี 1 รังที่ถูกคนร้ายขโมย และมี 9 รังที่มีลูกเต่าฟักออกมาเป็นตัว เนื่องจากมี 1 รังที่ไม่มีการผสมน้ำเชื้อ ![]() จากจำนวน 9 รัง พบว่ามีลูกเต่ามะเฟืองจำนวน 351 ตัว ที่สามารถกลับลงทะเลได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนลูกเต่าที่รอดมากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ลูกเต่าจะรอดเป็นเต่าเต็มวัยมีมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ และการไม่ทำลายทำธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่ดีหลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธรรมชาติได้พักผ่อนและกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกย่ำยีมาอย่างยาวนาน จนถึงวันที่จัดการไข่รังที่ 11 ที่หาดไม้ขาว ในวันที่ 16 เมษายน 2563 เสร็จเรียบร้อย โดยมีลูกเต่ามะเฟืองฟักเป็นตัวและปล่อยคืนลงสู่ทะเลอันดามันได้รวม 351 ตัว นับเป็นผลสำเร็จอย่างมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยสถิติเดิมที่เต่ามะเฟืองเคยขึ้นมาวางไข่มากสุดในปี 2542 อยู่ที่ 9 รังเท่านั้น https://mgronline.com/south/detail/9630000055563 ********************************************************************************************************************************************************* อันซีนกรุงเทพฯ ครอบครัว "นาก" สุดน่ารัก ออกหากินที่บางขุนเทียน ![]() ภาพจากกล้องดักถ่ายของสมิทธิ์ สุติบุตร์ เพจ Bangkok Otter โพสต์คลิปน่ารักๆ ของครอบครัวนากใหญ่ขนเรียบ 8 ตัว พากันออกจากรังเพื่อไปหากิน โดยเป็นภาพดักถ่ายจากโพรงบริเวณโรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2563 ซึ่งทางเพจให้ข้อมูลว่าถือเป็นจำนวนล่าสุดของปีนี้ ณ เวลานี้ นากเหล่านี้เป็นนากใหญ่ขนเรียบ (Smooth-Coated Otter) เป็นนากสายพันธุ์ใหญ่ที่สุดที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (Vulnerable) โดยนากใหญ่ขนเรียบเคยมีอยู่มากตามธรรมชาติในกรุงเทพฯ แต่ขณะนี้เหลืออยู่จำนวนน้อยมาก โดยอาศัยอยู่บริเวณโรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน ซึ่งในบริเวณนี้มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่ฝูงนากเหล่านี้อาศัยอยู่ ซึ่งทางโรงเรียนและชุมชนใกล้เคียงก็ได้ร่วมกันอนุรักษ์และดูแลนากฝูงนี้ แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้างเมื่อนากเหล่านี้ไปกินปลาในบ่อปลาของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ นากถือเป็นสัตว์ที่ชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ เพราะนากกินปลาเป็นอาหาร หากมีนากอยู่แปลว่าบริเวณนั้นมีปลาอุดมสมบูรณ์ แต่เหตุที่นากในกรุงเทพฯ หายไปก็เนื่องจากความเจริญของเมืองที่ขยายขึ้น รบกวนแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน รวมถึงการถูกล่า และมลพิษในน้ำ ทั้งนี้เพจ Bangkok Otter เป็นเพจที่สร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวการคงอยู่ของนากฝูงใหญ่ขนเรียบ ณ พื้นที่บางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งคอยอัพเดทภาพ วิดีโอ และเรื่องราวของนากเหล่านี้ให้ได้ชมกันเสมอ https://mgronline.com/travel/detail/9630000055139
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ปูทหารนับล้าน เริงร่าริมหาด ![]() ตรัง 28 พ.ค.-ความสวยงามทางธรรมชาติกลับมาอีกครั้ง อย่างที่ชายหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ในช่วงน้ำทะเลลดลงต่ำสุดพบปูทหารนับล้าน ๆ ตัวออกมาหากินบริเวณชายฝั่ง ซึ่งเป็นดินโคลนปนทรายและเงียบสงบไม่มีนักท่องเที่ยวสัญจรไปมา ที่บริเวณชายหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ปูทหารนับล้าน ๆ ตัวพากันออกมาหากินบริเวณริมชายหาด ในช่วงที่น้ำทะเลลดลงต่ำสุดฝูงปูทหารออกมาเดินเล่นกันเป็นขบวน เป็นภาพที่สวยงามและสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างมาก และยังพบว่าฝูงปูทหารได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในห้วง 1-2 เดือนนี้ หลังมีการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล จากการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปูทหารไม่นิยมนำมารับประทาน จึงทำให้มีประชากรปูทหารเป็นจำนวนมาก หากนับรวมตลอดแนวชายหาดสำราญ ระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร จะพบปูทหารหลายแสนล้านตัวเลยทีเดียว บางกลุ่มก็เดินเรียงหน้ากระดานและตามหลังกันมาเป็นแสน ๆ ตัว เพื่อมองหาอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่น้ำทะเลจะขึ้นและกลับลงรูไป . https://www.mcot.net/viewtna/5ecfa0e3e3f8e40af944d203
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 เสียงเครื่องบินที่หายไปในช่วงโควิด-19 เพราะไม่สามารถขึ้นบินได้ ทำให้มีผู้พบเห็นเต่าทะเลว่ายน้ำอยู่ใกล้กับสนามบินริโอเดอจาเนโร เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน กิจกรรมต่าง ๆ ถูกระงับ สัตว์หลายชนิดจึงเข้าสู่พื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึง "เต่าทะเล" ![]() ที่ประเทศบราซิล ใกล้กับสนามบินริโอเดอจาเนโร มีผู้พบเห็นเต่าทะเลกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางกองขยะติดกับสนามบิน คาดว่าเนื่องจากเสียงเครื่องยนต์จากเครื่องบินหายไปเพราะโควิด-19 ทำให้เครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ ตามมาตรการสกัดการระบาด ซึ่งปกติเสียงเหล่านี้จะทำให้เต่าทะเลกลัวและหนีห่างออกไป ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบเต่าทะเลอย่างน้อย 4 ตัวว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลจากรันเวย์ที่สนามบินซานโตสดูมองต์ (Santos Dumont) เมื่อวันอังคาร (26 พ.ค.) ที่ผ่านมา มาริโอ โมสคาเทลลิ (Mario Moscatelli) นักชีววิทยาและที่ปรึกษาโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของเมืองริโอ กล่าวว่า "การกักตัวช่วงโควิด-19 ทำให้สัตว์เหล่านี้สามารถปรากฏตัวในสถานที่ที่พวกเราไม่เคยเห็นในช่วงเวลาปกติ" เต่าทะเลปรากฏตัวใกล้สนามบินริโอ หลังมีเที่ยวบินน้อยลงช่วงโควิด-19 โมสคาเทลลิเสริมว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับเต่าทะเลที่จะเข้ามาในบริเวณอ่าว เมื่อมีผู้คน เรือ และเครื่องบิน ในบริเวณใกล้เคียงมีจำนวนน้อยลง พวกมันก็กล้าที่จะปรากฏตัวมากขึ้น บราซิลได้ยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 90% ของเที่ยวบินทั้งหมดนับตั้งแต่มีการปิดประเทศสกัดโควิด-19 ซึ่งโดยปกติแล้ว สนามบินซานโตสดูมองต์จะเป็น 1 ใน 5 สนามบินที่พลุกพล่านที่สุดของบราซิล และเป็นที่รู้จักในเรื่องทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวริโอ แต่ ณ ตอนนี้ ซานโตสดูมองต์มีผู้โดยสารขาออกน้อยกว่า 15 เที่ยวบินต่อวัน อย่างไรก็ตาม สัตว์น้ำที่เข้ามาในพื้นที่สนามบินและบริเวณใกล้เคียงในช่วงนี้ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากน้ำในบริเวณสนามบินมักเต็มไปด้วยขยะ "สัตว์ที่สวยงามเหล่านี้มักจบลงด้วยการเข้าใจผิดว่าขยะพลาสติกเป็นอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การตายได้ เนื่องจากพลาสติกเหล่านั้นจะเข้าไปขัดขวางทางเดินอาหาร" โมสคาเทลลิกล่าว https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/126249
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|